เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Monsta x fan-fiction project] : In the time of rain . #สวัสดีคุรสายฝนoycsm_
- Baby, it's raining outside 03 ; เอ็มกี





  • I.M x Kihyun 's story .
    episode 03







    Opening and closing up again

    - 8 letters, why don't we












    ‘รอนนี่ นายกับเด็กนั่นเป็นแฟนกันหรอ’ 



    เขาจำได้ดีในตอนที่มีคนทักเขาแบบนั้น ใครที่เห็นก็คงเข้าใจกันผิดๆว่าเขากับลูกชายของโฮสต์มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน นั่นก็จริงส่วนหนึ่งเพราะอีกส่วนหนึ่งมันไม่เป็นความจริงกับชางกยุนเอง



    ‘เปล่า ฉันกับแดนเราเป็นพี่น้องกัน’


    เขาจึงเลือกตอบในแนวโน้มที่เป็นไปได้มากกว่า อย่างน้อยโลกคงไม่ใจร้ายให้พวกเขาได้เจอกันอีก หรือถึงแม้ว่าจะเจอกันถึงเวลานั้นเรื่องที่เขาแอบชอบอีกคนคงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกเขาไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

    ในเวลานี้มันไม่ใช่อย่างนั้น




    ‘ฉันรู้ว่านายชอบชางกยุน’

    และนั่นคือจุดเริ่มต้นของกีฮยอนกับเด็กผู้ชายตัวสูงคนนั้น


    และวันพรุ่งนี้ไอ่ตัวดีมันจะมาเหยียบทีนี่น่ะสิ ถ้าถามเขาว่าสนิทกับหมอนั่นขนาดไหน ก็พอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่ตอนที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาเจ้านั่นก็ถือว่าแชฮยองวอนคือผู้กุมความลับคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

    เขาเฝ้าถามอีกคนมาตลอดว่าเขาแสดงออกชัดเจนในเรื่องความรู้สึกกับชางกยุนมากจนอีกคนดูออกหรือเปล่า แชฮยองวอนก็ให้คำตอบเป็นการยักไหล่ในทุกครั้ง

    ประมาณว่า ‘ไม่เคยดูตัวเองเลยหรอ ยูกีฮยอน’


    หลังจากวันที่ได้ยินคำตอบนั้น เขาเลยตัดสินใจทำตัวห่างกับชางกยุน แล้วมาอยู่กับมนุษย์ตัวสูงที่กำลังอมความลับของเขาแทน 

    จากที่เขาจะต้องเดินจับมือกับชางกยุนไปโรงเรียน กลายมาเป็นว่าเราต้องเดินไปเรียนกันสามคน มีเขา แชฮยองวอน แล้วก็ชางกยุน โชคดีที่ครอบครัวโฮสต์ของเขาและฮยองวอนรู้จักกัน และกีฮยอนกับฮยองวอนเป็นเด็กในโครงการแลกเปลี่ยนเดียวกัน มันเลยทำให้ทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่


    ยกเว้นกับตัวเขาเองที่รู้สึกเสียอะไรไปบางอย่างในตอนนั้น


    ชางกยุนเริ่มสนิทกับฮยองวอนขึ้นมานิดหน่อย ส่วนกีฮยอนเองก็เลือกที่จะใช้เวลาไปกับคนตัวสูงซะมากกว่า จนกลายเป็นว่าเขาได้คุยกับชางกยุนมากสุดคือตอนอยู่บ้านเท่านั้น
    พ่อแม่ของชางกยุนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ในวันที่ชางกยุนเอาแต่นั่งเงียบบนโต๊ะอาหารส่วน
    กีฮยอนก็กลับบ้านช้าเพราะอ้างว่าไปทำการบ้านกับฮยองวอนมา เย็นวันนั้นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกปล่อยให้อยู่ด้วยกันข้างล่างสองคน 



    เพื่อปรับความเข้าใจต่อกัน



    เสียงรายการโทรทัศน์ไม่ทำให้ความรู้สึกอึดอัดลดลงเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงนั่งเงียบ และมองตรงไปยังจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า รายการจบไปหนึ่งรายการแบบไม่มีเสียงหัวเราะเหมือนที่เคยเป็น ไม่มีใครลุกออกไปจากโซฟา



    เพราะต่างรอคอยคำพูดของอีกคน



    “คือ” เป็นกีฮยอนเองที่ทนกับความเงียบไม่ได้ เขาตัดสินใจเริ่มบทสนทนาก่อนเป็นคนแรก “พี่ไม่รู้หรอกนะว่านายโกรธพี่เรื่องอะไร พี่ขอโทษ” เขาไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้คืออะไร มันดีที่เขาจะไม่ถูกชางกยุนจับได้ แต่มันก็แย่ที่เขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆอีกคน

    “พี่กีฮยอน ผมเหงา เมื่อวานทุกคนกลับบ้านกันหมด แล้วผมก็รอพี่ที่เดิมตรงนั้น ผมไม่รู้ว่าพี่กลับไปก่อนแล้ว” 

    “ชางกยุน” กีฮยอนชะงักไปก่อนที่จะดึงเจ้าเด็กข้างๆเข้ามาในอ้อมแขน “ขอโทษนะ”

    “พี่ทำเหมือนอยากจะหนีผมไปเลย ผมทำอะไรให้พี่หรอ ผมไม่รู้เลย เราอยู่ด้วยกันแค่เดือนกว่าเองนะ รู้ไหมผมดีใจที่ได้รู้จักกับพี่มากเลย” ชางกยุนร้องไห้ในอ้อมแขนของคนพี่ ร่างกายของเด็กประถมคนนั้นสั่นเทา จนกีฮยอนอดไม่ได้ที่จะลูบหลังอีกคนเบาๆ

    “พี่ไม่ได้อยากจะหนีนาย” กีฮยอนตอบพลางซบหน้าเข้ากับคนในอ้อมแขน “แต่พี่แค่อยากจะหนีความรู้สึกตัวเอง”

    “อะไร” ชางกยุนผละตัวออกจากอ้อมแขนคนพี่ ก่อนที่จะยันตัวให้อยู่เหนืออีกคน เขาจ้องมองนัยตาสีน้ำตาลเข้มของคนตรงหน้าอย่างใคร่รู้ 

    “พี่ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายของนายหรอกนะ” กีฮยอนเชื่อแล้วว่าเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมากที่สุด อ่อนไหวจนอยากจะพูดสิ่งที่ติดค้างภายในใจออกมา อ่อนไหวจนไม่สามารถเก็บมันเอาไว้อีกต่อไป

    “แล้วพี่อยากเป็นอะไร” ชางกยุนถามก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้อีกคน ปลายจมูกของเขาแตะกัน เรียกสติของกีฮยอนให้กลับมา กีฮยอนดันชางกยุนออกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในครัว ยืนหอบหายใจกับตัวเอง สัมผัสใบหน้าที่ขึ้นสีของเขาก่อนที่จะพัดให้มันหายแดง



    “เป็นเพื่อนไง เป็นเพื่อนกันเถอะนะชางกยุน” 



    นับแต่วันนั้นคำว่าพี่กีฮยอนก็ไม่ได้อยู่ในสารบทของชางกยุนอีกต่อไป



    เรื่องนั้นถึงหูฮยองวอนทันทีที่เขาถึงโรงเรียน คนตัวสูงหัวเราะชอบใจใหญ่ ในการแก้สถานการณ์ของอีกคน แต่โชคดีที่ทุกอย่างไม่ได้อึดอัด และเริ่มกลับมาเป็นสิ่งที่ยูกีฮยอนค่อนข้างสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา



    เพราะถึงจะหนีให้ตายยังไงความรู้สึกของเขาก็เหมือนเดิม ดังนั้นการที่เขาได้อยู่ใกล้อีกคนแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่





    .



    ก๊อกๆ


    เสียงเคาะประตูในเวลาสิบโมงวันเสาร์เป็นเรื่องแปลกสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้พบปะกับใครมากนักอย่างยูกีฮยอน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนข้างห้องขี้เซา และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นป้าแม่บ้านที่จะเข้ามาเอาผ้าไปซัก 

    กีฮยอนคาบชิปส์เอาไว้ในปากก่อนที่จะกดหยุดหนังที่กำลังเล่นบนโทรทัศน์ เด้งตัวขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปเปิดประตูเพื่อหยุดเสียงเคาะที่ไม่มีทางเงียบลงหากประตูยังคงถูกปิดอยู่อย่างนั้น

    “ชางกยุนหรอ” 
    เขาพูดกับตัวเองในระหว่างที่เขย่งตัวส่องตาแมวเพื่อมองคนด้านนอก

    “มีอะไรกัน จะมาก็ส่งข้อความมาบอกก่อนก็ได้” กีฮยอนถามทันทีที่เปิดประตูห้องออก ชางกยุนอ้าปากค้างก่อนที่จะเดินเงียบๆเข้าไปในห้องของอีกคน

    “ก็จะมาเซอร์ไพรส์ แทนที่นายจะดีใจ แต่ได้คำด่าแทน” ชางกยุนล้มตัวบนโซฟาที่มีถุงขนมวางบนโต๊ะตรงหน้า “กินนะ”

    “อือ เอาเลย ทุกวันนี้ห้องฉันก็เหมือนห้องนายไปแล้ว” กีฮยอนตอบพลางขยับตัวไปนั่งใกล้อีกคน “ไหนมีอะไรถึงได้มาหากันที่นี่”

    “จะมาหากีฮยอนต้องมีปัญหาหรอ” ชางกยุนถามกวนๆก่อนที่จะนั่งหันหน้าเข้าหาอีกคน

    “ก็มันแปลก จู่ๆนายก็โผล่มา ฉันก็งงไง” กีฮยอนตอบตามจริงก่อนที่จะหลบตาตัวเองไปมองที่จอโทรทัศน์

    “มาเที่ยว ได้กลับมาบอสตันทั้งที  ไหนๆก็ว่างแล้ว เรามาย้อนความหลังกันไหม” ชางกยุนถามอย่างนึกสนุก แต่อีกคนกลับไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด

    “ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจกว่าจะได้พักเถอะ”

    “ใจร้าย นี่ฉันเพิ่งโดนหักอกมานะ รู้ไหมการไปเที่ยวหาเรื่องราวดีๆในตอนเด็กๆเนี่ยมันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นรู้ไหม” ชางกยุนพูดพลางขยับตัวเข้าใกล้อีกคนที่เว้นระยะห่างเอาไว้ “เนี่ยหนีอีกแล้ว”

    “ไม่หนี เอ้อเอาเลยจะไปก็ไป พอใจแล้วใช่ไหม” กีฮยอนตอบพลางลุกออกจากโซฟา เขาไม่พอใจเท่าไหร่สำหรับความคิดของชางกยุน


    เขาไม่พอใจที่สิ่งที่เขาอุตส่าห์ทำมาจะถูกทำลายลงง่ายๆเพียงแค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่โอบเขาอยู่ก่อนหน้านี้





    จนวันที่กำแพงสูงชันถูกทำลายจนหมดจากนี้เขาจะไม่ขอเก็บมันอีกต่อไป





    .






    กีฮยอนลืมไปว่าวันนี้เพื่อนตัวสูงของเขาจะมาที่นี่เลยกลายเป็นว่าแทนที่เขาจะได้อยู่กับชางกยุนสองคน กลายมาเป็นว่ามีฮยองวอนขึ้นมาอีกคนแทน



    แจ๋ว! เห็นไหมว่าวันที่เขาแน่จริงก็ไม่มีอะไรเป็นใจกับเขาเลย



    “ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่โตขึ้นเลยนะ” นี่คือคำทักทายจากเพื่อนของเขาที่ไม่ได้เจอกันนาน

    “คนกวางจูเขาทักทายกันแบบนี้หรอ” กีฮยอนตอบอีกคนพลางมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอีกคน ทำให้สิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะพูดออกไปจริงๆ

    “กีฮยอนฉันก็คนกวางจูนะ” เป็นชางกยุนที่แทรกขึ้นมา ทำเอาฮยองวอนหัวเราะใหญ่พลางโอบไหล่อีกคนอย่างพอใจ

    “เจ้านี่โตขึ้นเยอะเลย ตอนไปรับแทบจำไม่ได้แหนะ”

    “จริงๆพี่ก็ดูดีขึ้นเยอะ จนผมเชื่อแล้วครับว่าพี่เป็นนายแบบจริง” เสียงทุ้มทำให้ฮยองวอนชอบใจ เขาหัวเราะพลางโอบไหล่อีกคนเข้ามาพร้อมกับยักคิ้วใส่กีฮยอน

    “มันต้องแบบนี้สิน้องพี่ ว่าไงน้องกีฮยอน” 

    “น้องบ้าน้องบออะไรฉันแก่กว่านายนะเว้ย”

    “แก่แค่เดือนเถอะ ไม่ต้องมาเถียงเลยเจ้าเปี๊ยกยู”

    “ไอ่นี่! เฮ้อ ชางกยุนฉันกลับนะ”

    “เฮ้ย อย่าทำแบบนั้นดิ พี่ฮยองวอนเลย ช่วงนี้กีฮยอนทำงานหนัก คงไม่ค่อยอยากจะเล่นด้วยสักเท่าไหร่” จู่ๆชางกยุนก็วิ่งเข้าไปคว้าขอของกีฮยอนเข้ามาโอบ พลางตบไหล่คุ้นเคยแผ่วเบา


    “ไปเที่ยวกันเถอะครับ” หลังจากที่คนตัวเล็กสงบแล้วชางกยุนก็พูดขึ้นพร้อมกับควงกุญแจรถที่เพิ่งเช่ามาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ





     ‘ไหนว่าเลิกชอบแล้วไง ยูกีฮยอน’




    .





    ชางกยุนเป็นคนขับรถโดยมีกีฮยอนนั่งด้านข้างคนขับ แล้วแชฮยองวอนนั่งอยู่เบาะนั่งด้านหลัง เสียงเพลงในรถค่อยๆถูกกลบด้วยเสียงพูดหยอกล้อกึ่งโจมตีขอกีฮยอนกับฮยองวอน ชางกยุนคอยปรามทัพในทุกครั้งที่คนข้างๆทำหน้าไม่ค่อยดี พลางรวบรวมสติเพื่อที่จะขับรถไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย 
    จากอพาร์ทเม้นท์ของกีฮยอนออกไปทางใต้ไม่มากนักก็ถึงบ้านเก่าของเขา


    บ้านเก่าที่อบอุ่นและแสนสุข

    ก่อนที่พ่อของเขาจะขายทิ้งเพื่อกลับไปสร้างบ้านที่บ้านเกิดของตัวเอง สำหรับชางกยุนเค้าคิดว่าเชสท์นัทฮิลเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขา สังคมสงบๆ กับผู้คนดีๆ ในที่ที่อากาศดีๆ และชีวิตในวัยเด็กที่มีความสุข แต่การที่พ่อเขาได้ย้ายงานกลับไปที่บ้านเกิดของตัวเองก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่ามันคงยากที่จะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง


    เวลาผ่านไปนานจนทุกอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านที่เขาเคยอยู่ตอนเด็กก็กลายเป็นโรงแรมเล็กๆ ทุกอย่างเริ่มมีการปรับเปลี่ยนไปตามเวลา แต่ก็ยังคงความเป็นชนบทเอาไว้  บรรยากาศที่ต่างกับในบอสตันทำให้เป็นเหตุผลหนึ่งที่เค้าเลือกที่จะกลับมาทำงานที่นี่


    ส่วนการที่ได้เจอกับกีฮยอนก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ เขาคิดว่าพระเจ้าคงประทานให้เป็นของขวัญในวันที่เขาอ่อนแอที่สุด


    พวกเขาได้เพียงแค่ขับรถผ่านสิ่งปลูกสร้างที่คุ้นเคย ชี้ว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของใคร รวมไปถึงโรงเรียนของพวกเขาที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไปแล้ว จนกระทั่งพวกเขาขับรถมาถึงบ้านที่ฮยองวอนเคยอาศัยอยู่ในตอนนั้น โชคดีที่เธอยังอยู่ที่นี่และฮยองวอนก็ได้ติดต่อเธอมาก่อนว่าจะกลับมาเยี่ยมในตอนที่เขาว่างจากการทำงาน

    ชางกยุนจอดรถที่หน้าบ้านก่อนที่จะเดินลงไปด้วยกันทั้งสามคน หญิงวัยกลางคนเปิดประตูทักทายพวกเขา เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่ใจดีเหมือนในครั้งแรกที่เจอ เธอโอบกอดทุกคนด้วยความรัก และยังจดจำพวกเขาได้อยู่ 

    พวกเขานั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับทานอาหารไปด้วย ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องวัยเด็กและชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงนี้ เป็นครั้งแรกที่กีฮยอนเพิ่งรู้ว่าแชฮยองวอนทำอาชีพนายแบบเต็มตัว และชางกยุนก็กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัย น่าน้อยใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเขาที่เป็นได้เพียงแค่นักเขียนข่าวสายวัฒนธรรมเท่านั้น


    แต่คำพูดของคุณน้าแอนน์ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น


    “สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นสิ่งเดิมๆที่เธอทำอยู่ แต่รู้ไหมว่าในระหว่างทางมันมีการเจริญเติบโตของมันอยู่”



    ทุกๆอย่างมีการเติบโตของมัน ในเวลานี้พวกเขาก็กำลังเติบโต แต่มันก็มีขอบเขตของเวลาเป็นเหมือนสิ่งที่กำหนดไว้ว่ามันถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะไม่ได้ทำอะไร





    สิ่งนั้นมันทำให้เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตให้ดีสุด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจุดหมายในตอนนี้ของเขาคืออะไร





    .


  • เราบอกลาคุณน้าแอนน์สำหรับวันนี้ก่อนที่จะขับรถออกไปที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน ระยะทางจากบ้านของชางกยุนค่อนข้างไกลจากที่นี่ ทำให้เป็นที่ที่กีฮยอนเคยหนีมาอยู่ที่นี่ในครั้งแรกที่เขาทะเลาะกับชางกยุน

    และเป็นที่ที่ชางกยุนจะต้องมาตามกีฮยอนกลับบ้านในทุกครั้งที่ความไม่เข้าใจเกิดขึ้น รวมถึงเป็นที่ที่พวกเขามักจะอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่ดีที่สุด



    เหมือนเป็นความสบายใจของพวกเขา เหมือนเป็นสิ่งที่เชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้




    ฮยองวอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วทิ้งให้สองพี่น้องอยู่ด้วยกันสองคน ชางกยุนเดินอยู่ข้างๆกีฮยอนโดยที่เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย โชคดีที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างที่คิด เขายังคงได้ยินเสียงหัวเราะและร้องไห้ของเขาอยู่ในทุกๆที่ 

    สนามเด็กเล่นที่มีสไลด์เดอร์เก่าๆที่ชางกยุนชอบหลบไปแอบร้องไห้อยู่ในนั้น ชิงช้าสองสามอันที่พวกเขามักจะมานั่งเล่นคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น กีฮยอนยิ้มให้กับภาพที่มีเขาและชางกยุนกำลังอยู่ในสถานที่แห่งนั้น รอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กสองคนทำให้กีฮยอนรับรู้ว่าในเวลานั้นพวกเขามีความสุขกันมากจริงๆ


    “กีฮยอน” เช่นกันกับอีกคน “ไปเล่นชิงช้ากัน”

    “อือ” กีฮยอนพยักหน้าให้กับคนที่จับมือเขาวิ่งไปยังชิงช้าโดยที่เขายังไม่ทันได้ตอบอะไรอีกคนด้วยซ้ำ

    “อย่างน้อยที่นี่มันยังเหลืออยู่ ว่าไหม” ชางกยุนพูดขึ้น สายตามองตรงไปยังเครื่องเล่นที่มีท้องฟ้าเป็นพื้นหลัง และเด็กน้อยสองคนที่เป็นเหมือนพี่น้องกันกำลังเล่นซนอยู่ตรงเบื้องหน้าของเขา

    “อือ ดีมากๆเลย” กีฮยอนตอบอย่างไม่ผ่านความคิด เขาไม่ระวังตัวเลยสักนิด ไม่ระวังว่าสิ่งที่กำลังก่อตัวในใจของเขาจะออกมาเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ “ฉันยังเห็นเรานั่งยิ้มให้กันตรงนั้นอยู่เลย”

    “เหมือนกัน” ชางกยุนตอบ พลางเลื่อนสายตาให้กับคนที่กำลังส่งยิ้มกว้างให้กับภาพในอดีตของพวกเขา ดวงตาเรียวเล็กหยีลงจนเห็นร่องลักยิ้มที่ใต้ตาทั้งสองข้าง นั่นมันทำให้ชางกยุนเองยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย

    “มันดีมากๆเลยล่ะ” กีฮยอนพูดขึ้นพลางหันหน้าไปมองอีกคน ที่กำลังมองเขาอยู่ และมันก็ทำให้กีฮยอนแทบจะหยุดหายใจ “หื้อ ฝนตก”


    หยดน้ำเม็ดเล็กค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้ามากขึ้น ทั้งๆที่ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าสดใสแบบนี้ แต่มันก็เป็นข้อดีที่กีฮยอนจะได้ไม่ต้องต่อสู้กับสายตาแบบนั้นของอิมชางกยุน เพราะเขาเองก็เดาไม่ออกหรอกว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ และกำลังรู้สึกอะไร อีกอย่าง


    เขาไม่กล้าสบตาอีกคนตรงๆแบบนี้ได้นานๆหรอก



    แต่ถึงอย่างนั้น



    “ชางกยุนอา ฉั—“






    ‘ติ๊ง’



    “ฉันว่าพี่ฮยองวอนคงจะเรียกเราแล้ว” ชางกยุนเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี พลางลุกขึ้นเดินนำกีฮยอนไปทีที่พอให้หลบฝนได้ “เดี๋ยวเป็นหวัดฉันไปดูแลนายไม่ได้นะ”

    “อือ” กีฮยอนตอบคนที่กำลังยืนหันหลังเหมือนกำลังรอเขาอยู่ 


    จากเม็ดฝนเม็ดเล็กๆที่ตกลงมาช้าๆ กลายเป็นฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาเพิ่มมากขึ้นจากในตอนแรก แผ่นหลังกว้างเปียกไปด้วยน้ำฝนอย่างเห็นได้ชัด แต่คนตรงหน้ากลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น กีฮยอนเดินเข้าไปใกล้ชางกยุนมากขึ้นก่อนที่ชางกยุนจะหลังหน้ามาหาเขา แล้วโอบคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขน 

    ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมา กีฮยอนก็รับรู้ได้ว่านอกจากฝนที่ตกลงมา น้ำตาของเจ้าของอ้อมกอดก็หยดลงมาบนไหล่ของเขาเหมือนกัน เขาไม่รู้จะทำอะไรได้นอกจากตบหลังกว้างๆนั่นเบาๆ และชางกยุนก็ตอบแทนเขาด้วยอ้อมกอดที่แน่นขึ้น ไม่มีบทสนทนาต่อกัน แต่กีฮยอนก็พอจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้า

    เขาแทบลืมไปด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังยืนกอดกันท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกหนัก กีฮยอนรับรู้เพียงว่าอิมชางกยุนกำลังร้องไห้อยู่ นั่นทำให้อ้อมกอดที่ดูอบอุ่นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แม้ว่าอุณหภูมิของร่างกายจะสูงถึง 37.5 องศาเซลเซียสก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นกีฮยอนก็เอาแต่หลับตาแนบใบหน้าลงกับลาดไหล่กว้างเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้อีกคนรับรู้



    ว่ากีฮยอนยังอยู่ข้างๆชางกยุนเสมอ



    พวกเขาออกจากบรรยากาศสีหม่นในตอนที่ฮยองวอนวิ่งถือร่มมาหาพวกเขา กีฮยอนรับร่มคันที่ยังไม่ได้กางมาจากคนตัวสูงหลังจากที่ผละออกมาจากอ้อมกอดของชางกยุน ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยดน้ำตาออกก่อนที่จะตบไหล่กว้างแผ่วเบา ประสานมือของตัวเองเข้ากับอีกคน แล้วกางร่มคันนั้นเดินไปที่จอดรถด้วยกัน
    มือของพวกเขายังคงถูกจับอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว 

    กีฮยอนกับชางกยุนนั่งด้านหลังคนขับ และฮยองวอนก็ต้องรับหน้าที่เป็นคนขับรถในทันที เสียงเพลงในรถแผ่วเบาจนได้ยินเสียงสะอื้นของชางกยุนเป็นระยะ ส่วนกีฮยอนก็เอาแต่ลูบไหล่คนที่นอนพิงตัวเองตั้งแต่ออกมาจากสวนสาธารณะแล้ว จนกระทั่งลมหายใจของชางกยุนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้กีฮยอนรู้ว่าคนข้างๆคงหลับไปแล้ว กีฮยอนยิ้มให้กับคนที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา ก่อนที่จะลูบผมเจ้าหมาของเขาแผ่วเบา




    นายคงจะรักเขามากเลยสินะชางกยุน





    .




    แชฮยองวอนหยุดรถในตอนที่พวกเขาถึงที่หมาย ก่อนที่จะบิดขี้เกียจตัวเองพลางมองไปที่เบาะด้านหลัง ภาพที่เขาเห็นทำให้อดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ คนปากแข็งกำลังนอนพิงไหล่เด็กผู้ชายที่เจ้าตัวเคยบอกว่าจะตัดใจตั้งแต่รู้เรื่องว่าชางกยุนเจอคนที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาลงไปเห็นมือของสองคนนั้นที่ผสานกันอยู่ ยิ่งทำให้ฮยองวอนอยากจะดีดหน้าผากสองคนตรงหน้าขึ้นมาเสียตรงนี้ เขาชักจะเบื่อหน่ายความสัมพันธ์ของสองคนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง



    เพื่อนเขาทำแบบนี้กันซะที่ไหนล่ะ



    “กีฮยอน”  ฮยองเรียกพลางใช้ปลายนิ้วเรียวสะกิดที่ปลายแขนของเจ้าของชื่อ

    “หื้อ” กีฮยอนตอบทันทีที่รู้สึกตัว “อะไรถึงแล้วหรอ” ก่อนที่จะถามคนด้านหน้าอย่างงัวเงีย

    “ครับ ถึงแล้วครับคุณกีฮยอน ฝากปลุกน้องชายของผมด้วยนะครับ” แชฮยองตอบอีกคนแบบที่เขาชอบทำ แม้ว่าจะในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็คิดว่ามันอาจจะทำให้เพื่อนของเขารู้สึกดีขึ้น

    “อืม ฝากนายไปส่งชางกยุนที” กีฮยอนพูดขึ้นก่อนที่จะค่อยๆปล่อยมือออกจาคนด้านข้าง และนั่นก็ทำให้ชางกยุนค่อยๆตื่นขึ้นมา

    “ขอนอนด้วยอีกคืนได้ไหม กีฮยอน” ไม่ทันที่ฮยองวอนตอบตกลง ชางกยุนก็แทรกขึ้นมาทันทีเหมือนรู้ว่าก่อนหน้านี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

    “อือ ก็ได้” กีฮยอนตอบแผ่วเบาก่อนที่จะพูดกับคนขับรถอย่างเต็มเสียง “ไว้เจอกันใหม่นะ ขอบคุณสำหรับวันนี้” 

    “ขอให้นายโชคดีนะ ยูกีฮยอน” ฮยองวอนตอบก่อนที่จะพูดสิ่งที่ทำให้เขาเองเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ฝากเอารถไปคืนด้วยนะพี่ ขอโทษสำหรับวันนี้แล้วก็ขอบคุณที่มาเจอกันอีก” ชางกยุนพูดขึ้น




    “นายได้เจอฉันอีกเรื่อยๆแน่ อิมชางกยุน”





    .






    ชางกยุนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาสีเทาหน้าทีวีตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงที่นี่ กีฮยอนทิ้งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆพร้อมกับโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำก่อน เขาไม่อยากเค้นอะไรจากอีกคนมากนัก ถึงแม้จะรู้ว่าสาเหตุที่ชางกยุนเป็นแบบนี้คืออะไร แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น เขาไม่อยากให้ชางกยุนเจ็บมากกว่านี้ และเขาเองก็ไม่อยากรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้

    หลังจากที่กีฮยอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วชางกยุนก็ยังคงอยู่ที่เดิม แม้กระทั่งผ้าขนหนูและโกโก้ที่เคยร้อนก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับที่กีฮยอนเอามาให้อีกคน เขาตัดสินใจเข้าไปนั่งข้างๆอีกคนโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่จะได้กลิ่นไม่คุ้นเคยจากอีกคน

    “นายสูบบุหรี่” กีฮยอนพูดขึ้น เว้นจังหวะให้ตัวเองหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะถามอีกคนต่อ “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “อืม สักพักช่วงเข้ามหาลัย” ชางกยุนตอบพลางเม้มริมฝีปากของตัวเอง “ขอโทษ”

    “ตอนนั้นเครียดมากเลยหรอ ถึงได้สูบ” กีฮยอนไม่เข้าใจอีกคน เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ชางกยุนต้องพึ่งพาสิ่งที่ทำลายสุขภาพของตัวเองแบบนี้ “ถึงอย่างนั้นก็น่าจะบอกกันก่อนนะ” และเขาก็เสียใจไม่น้อยเลยที่สิ่งที่ชางกยุนเลือกไม่ใช่เขา

    “อืม ก็เรื่องเดิมๆ อีกอย่างฉันไม่อยากให้นายเป็นห่วง” ชางกยุนตอบ นั่นทำให้กีฮยอนพยักหน้าพลางสะกดน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลออกมาต่อหน้าอีกคน

    “อย่างน้อยก็ห่วงตัวเองบ้างเถอะ รู้ว่ามันไม่ดีแต่นายก็ทำ ครั้งนี้ก็ด้วยใช่ไหม” กีฮยอนหมดความอดทนก่อนที่จะใช้อารมณ์พูดกับอีกคน

    “ครับ วอนฮีเขาขอให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” เขาตอบพลางเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้นำ้ตาหยดลงพื้น “ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ทำเหมือนกับจะไล่กันมาตลอด”

    “ชางกยุน” กีฮยอนเรียกชื่ออีกคนที่จู่ๆก็พลุบหน้าลงที่ไหล่ของเขา

    “ฉันไม่เข้าใจเลย ในตอนนั้น ทุกครั้งที่วอนฮีทำเหมือนจะไล่กัน เป็นฉันที่เช้าไปกอดเธอเอาไว้ทุกครั้ง จนครั้งสุดท้ายที่เธอบอกฉันตรงๆ มันก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันตัดสินใจว่าจะเลิกโกหกตัวเองอีก แต่มาตอนนี้เหมือนวอนฮีกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉันเลย ทำไมเธอคนนั้นถึงใจร้ายกันจังนะ กีฮยอน”



    เหมือนนายไง ทำไมถึงใจร้ายกันจังนะ



    “อืม นั่นสินะ ทำนายร้องไห้อีกแล้ว” กีฮยอนโอบกอดอีกคนก่อนที่จะดันไหล่กว้างของอีกคนออกมา เพื่อให้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดขึ้น

    “นายก็ด้วย อย่างร้องไห้สิ นายก็รู้ว่านายไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด”

    “นายก็เหมือนกัน” กีฮยอนยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่จะดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง “เห็นนายร้องไห้ทีไร ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ทุกทีเลย คราวหลังอย่าร้องไห้ให้ฉันเห็นอีกล่ะ” 

    “หึ กีฮยอน เพราะงี้ไงฉันเลยอยากให้นายอยู่ข้างๆแบบนี้” 

    “อืม ไม่ว่านายจะตัดสินใจแบบไหน ฉันก็จะอยู่ข้างๆนายแบบนี้แหละ”




    ขอแค่ให้นายมีความสุขก็พอ




    .





    คืนที่ยากลำบากสำหรับชางกยุนค่อยๆผ่านพ้นไป โดยที่มีมือนุ่มคอยปัดป้องฝันร้ายของร่างโปร่งที่นอนอยู่ในผ้าห่มผืนหนาของเจ้าของบ้านอีกที กีฮยอนมองใบหน้าที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราชองชางกยุน พลางใช้มือลูบผมอีกคนอย่างแผ่วเบา หวังให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเหมือนกับตอนเด็กๆ ที่เขาต้องมานั่งกล่อมอีกคนให้หลับหลังจากที่ชางกยุนสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายในคืนนั้น และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการที่พวกเขาต้องนอนกอดกันแทบทุกคืน แต่สำหรับคืนนี้ มันคงเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว บางทีฝันร้ายของชางกยุนในครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้

    กีฮยอนวางมือไว้ที่หน้าผากอีกคนเพื่อวัดไข้ ก่อนที่จะคลายยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าชางกยุนยังปกติดี ดวงตาคมที่มักฉายแววขี้เล่นหลับสนิทเหมือนกับเจ้าเด็กตัวน้อยๆทำให้กีฮยอนไม่อยากนอนหลับเมื่อรู้ว่าหากเขาหลับตาก็คงยากที่จะได้เห็นอีกคนในรูปแบบนี้ จมูกโด่งเป้นสันรับกับใบหน้าที่โตเป็นผู้ใหญ่ของชางกยุน หากมองใกล้ๆแล้วก็ไม่ยากที่จะทำให้หัวใจสั่นไหวขึ้นมากอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเสียงฝนตกด้านนอกจะทำให้ให้สติของกีฮยอนล่องลอยไปไกลจนเผลอกดริมฝีปากลงบนหลังมือที่วางอยู่บนหน้าผากของชางกยุน สัมผัสอบอุ่นที่บริเวณนั้นทำให้หัวใจเต้นรัว ก่อนที่จะดึงสติกีฮยอนให้กลับมาเกือบทั้งหมด อุณหภูมิร่างกายของเขาพุ่งสูงจนแก้มขึ้นสี พร้อมๆกับลมหายใจที่เว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง นั่นทำให้กีฮยอนเลือกที่จะเดินออกจากห้องนอนของตัวเองไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้จิตใจของเขาสงบลง

    กีฮยอนหย่อนตัวลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ก่อนที่จะลอบมองแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ของชางกยุน นั่นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คุยอะไรกับแฟนเก่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น กีฮยอนปล่อยให้ข้อความแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่สายตาของตัวเองยังคงมองไปทีโทรศัพท์เครื่องหรูเครื่องนั้นอยู่ และเป็นครั้งแรกที่กีฮยอนรู้สึกกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้




    เพราะเขาเองก็เริ่มกลัวที่จะเสียอีกคนไปเหมือนกัน




    ครืด ครืด



    เสียงระบบสั่นของโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ก่อนที่จะเผยหน้าจอว่าเป็นเพื่อนของเขาเอง กีฮยอนรับสายนั่นก่อนที่จะเผลอตกใจกับเสียงตัดพ้อของเพื่อนนายแบบของตนเองที่เขาไม่ยอมเล่าเรื่องของน้องชายคนสนิทคนนี้ให้เขาฟัง 

    'เลิกแล้วก็มาขอคืนดีเนี่ยนะ มันควรเป็นนายมากกว่า โอเคไหมกีฮยอน' ปลายสายส่งเสียงไม่พอใจมาให้เขา ฮยองวอนรู้เรื่องชางกยุนดีเพราะกีฮยอนเองก็มักจะมาเล่าเรื่องอีกคนให้ฟังบ่อยๆ สาเหตุที่เป็นแชฮยองวอน ก็คงไม่พ้นว่าอีกคนค่อนข้างสนิทกับชางกยุนพอตัว ส่วนอีกเรื่องก็คือกีฮยอนไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทอย่างมินฮยอกฟังได้หรอก

    "ไม่เป็นไรหรอก ครั้งที่สามแล้ว แต่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาเลิกก่อน เจ็บว่าก่อนหน้านี้อีก" กีฮยอนพูด "ฉันก็เผื่อใจไว้แล้วว่าสุดท้าย ชางกยุนก็ต้องกลับไปอยู่ดี"

    'เฮ้อ ฉันเหนื่อยกับนายที่สุดในโลกเลยรู้ไหม ก็บอกแล้วว่าให้ตัดใจ นายก็ไม่ทำ'

    "ก็ทำไปแล้วไง ตัดใจได้ไปพักนึง ก่อนที่ชางกยุนจะเข้ามาฝึกงานที่บริษัท"

    'พระเจ้า ชางกยุนมาฝึกงานที่ทำงานนายเลยหรอ นายมันช่างน่าสงสาร'

    "แล้วที่แย่กว่านั้นคือ ชางกยุนคนนี้ฉันน่ะแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยล่ะ" กีฮยอนพูดตามจริง เขายอมรับแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นเขาเองที่เผลอให้กับชางกยุนมาโดยตลอด





    'อืม ดูก็รู้ ว่านายรักชางกยุนคนนี้มากกว่าชางกยุนเมื่อสิบปีที่แล้วซะอีก กีฮยอน'










    TBC.
    see you next rain.







    #สวัสดีคุรสายฝน






    ฝากคอมเมนต์ติดแท็กด้วยน้า ;-;
    และเราอาจจะมาเร็วกว่านี้ เมื่อมีแรงมากพอ 
    ถึงมันอาจจะไม่ดีมาก แต่ก็ขอบคุณที่เข้ามากดอ่านนะคะ(:




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in