เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Monsta x fan-fiction project] : In the time of rain . #สวัสดีคุรสายฝนoycsm_
- Baby, it’s raining outside 02 ; เอ็มกี







  • I.M x Kihyun 's story .
    episode 02









    Cause I'm better with you, see
    And I love what you do to me

    - better, jeremy passion











    ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่เขารักพร้อมกับมิสคอลนับสิบสายที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เสียงน้ำฝนที่กระทบกับพื้นถนนค่อยๆดังขึ้นจนเขาต้องรีบเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ที่ระเบียง ก่อนที่จะวางเสื้อผ้าลงบนตะกร้าแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที 


    เพราะเขารู้ดีว่าถ้าไม่ทำแบบนั้นพรุ่งนี้คงต้องลางานนอนเป็นผักอยู่บ้านแน่ๆ





    ‘ติ๊งหน่อง’


    เสียงกริ่งจากประตูห้องดังขึ้นในตอนที่เจ้าของห้องกำลังใช้เวลาอาบน้ำพอดีทำให้ไม่ได้ยินเสียงรบกวนนั่น แต่ถึงอย่างนั้นเสียงกดกริ่งกลับดังถี่ขึ้นจนกีฮยอนเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน

    เขารีบเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆเพราะฟังจากเสียงแล้วเขาก็คิดว่าคนที่อยู่ด้านนอกต้องมีอะไรสำคัญกับเขาแน่ๆ กีฮยอนเปิดประตูออกก่อนที่คนด้านนอกจะรีบโผเข้ากอดเขาจนจมอกแล้วปิดประตูห้องพร้อมๆกัน



    “นึกว่าจะติดฝนอยู่ข้างนอกซะอีก”




    ชางกยุนจะรู้ไหมว่ามันเป็นคำพูดที่คนอย่างยูกีฮยอนไม่อยากฟังมากที่สุดในตอนนี้




    “กลับมาก่อนนายซะอีก ขอโทษที่ไม่ได้รอ” กีฮยอนชะงักแล้วรีบผลักอีกคนออก ก่อนที่จะเดินไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น

    “รู้ไหมฉันเกือบซัดไอ่บ้านั่นตอนที่รู้ว่านายหนีไปก่อน” ชางกยุนพูดขึ้นพลางหัวเราะเบาๆเพื่อให้อีกคนรู้สึกสบายใจ

    “ทำเหมือนเป็นห่วงกันเลยนะ” กีฮยอนแสร้งขำ ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง

    “ไม่ห่วงได้ไง ตัวก็แค่นี้ ขอโทษแล้วกันที่คิดว่าหมอนั่นจะดูแลนายได้”  พูดเสร็จชางกยุนพาตัวเองลงไปนั่งข้างๆอีกคน ใช้มือของตัวเองยีผมสีม่วงที่ยังไม่แห้งดี ก่อนที่กีฮยอนจะปัดมือของเขาออกแล้วใช้ผ้าขนหนูคลุมที่ผมของตัวเองอีกที พลางตอบอีกคนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเล่นด้วยกับอีกคน



    “ไม่มีใครดูแลฉันได้หรอกนอกจาก...”





    นาย






    “ตัวของฉันเอง”





    กีฮยอนกลืนคำๆนั้นลงไปแทนที่จะบอกมันออกมาให้เจ้าตัวได้ฟัง เขาเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้อีกครั้งเพราะกลัวว่าจะเปลี่ยนอะไรให้มันแย่ลงไปกว่านี้


    ถึงแม้ว่าเขาอยากจะหนีสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ไปก็จริง แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะเสียชางกยุนไปเหมือนกัน



    “ฉันนอนนี่นะ เอาเสื้อผ้ามาแล้วด้วย”



    แต่สุดท้ายคำพูดของชางกยุนก็ทำให้กีฮยอนกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง





    .





    ชางกยุนทิ้งข้าวของไว้ที่ข้างโซฟาแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อยู่ข้างตู้เสื้อผ้าของกีฮยอนเดินเข้าห้องน้ำไปในตอนที่กีฮยอนยังไม่ทันได้ตอบอะไรอีกคนด้วยซ้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่กีฮยอนเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมชางกยุนถึงต้องมาหาเขาถึงที่นี่ด้วย เวลาของกีฮยอนเดินช้าลง และเขาเองก็รู้สึกเหม่อลอยเกินกว่าที่จะจัดการตารางงานสำหรับวันรุ่งขึ้น จนคิดว่าเขาคงต้องหาอะไรมาอ่านก่อนนอนเพื่อที่จะทำให้เขาเองรู้สึกไม่สับสนไปมากกว่านี้


    “เข้ามาทำไม” กีฮยอนถามในตอนที่อีกคนเปิดประตูห้องนอนเข้ามาหาเขาที่กำลังนอนพิงหลังกับหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่

    “ก็เมื่อวานฉันนอนตรงนี้ได้เลยนี่” ชางกยุนเถียงตาใสจนกีฮยอนอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาเถียงตอบ

    “ก็เมื่อวานไม่ใช่วันนี้ อีกอย่างนี่ก็ห้องนอนฉัน นายจะมาอยู่เองก็หาที่อื่นนอนสิ” 

    “อะไร ขอนอนเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรอ” ชางกยุนถามด้วยเสียงที่อ่อนกว่าอีกคนพลางนั่งบนปลายเตียงนุ่ม “ให้นอนกอดเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เลยสินะ”

    “ก็....” กีฮยอนอ้ำอึ้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่ผ่านมามันทำให้เขารู้สึกดีขนาดไหนที่มีอีกคนคอยอยู่ข้างๆตลอดทั้งคืน

    “ไม่ได้นอนกอดนายเป็นสิบปี ที่ผ่านมานายใจร้ายขึ้นเยอะเลยนะยูกีฮยอน”

    “เฮ้อ ตามใจนายแล้วกัน” กีฮยอนถอนหายใจก่อนที่จะกลับไปนอนอ่านหนังสือต่อโดยที่ไม่สนใจอีกคน ทั้งๆที่หัวใจของเขากลับเต้นเร็วจนเขากลัวว่าชางกยุนจะรู้ ว่าเขาเองก็ไม่อยากจะใจร้ายใส่อีกคนจริงๆ

    “งอนหรือเปล่า นี่ฉันมาง้อนายนะก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้เราทะเลาะกันนานๆ” ชางกยุนทำท่าทางจริงจังพลางนอนลงที่เตียงนอนข้างๆกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา

    “อืม แค่น้อยใจที่นายเหมือนผลักฉันให้กับคนอื่นแบบนี้” น้ำเสียงน้อยใจของคนตัวเล็กที่เอาแต่มองตัวหนังสือบนกระดาษสีชาข้างๆเขา ทำให้ชางกยุนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “โอ๋ ก็บอกกันก็ได้ว่านายชอบหรือไม่ชอบอะไร ฉันจะได้ช่วยนายไง ขอโทษนะกีฮยอน” เจ้าของเสียงทุ้มคว้ามือที่เล็กกว่ามากุมเล่น ก่อนที่จะใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่หลังมือนั่นเบาๆเพื่อปลอบโยนอีกคน

    “อือ คราวหลังจะบอกแล้วกัน” กีฮยอนชักมือออก พับหนังสือวางบนโต๊ะข้างเตียงนอน แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงคอ พลางนอนหันหลังให้อีกคน
     
    “ปิดไฟด้วย”

    “ครับผม” ชางกยุนอมยิ้ม เขาดีใจที่ในวันนี้เป็นอีกคืนที่เขาจะได้อยู่กับคนที่สำคัญในชีวิตเขาอีกคน 




    นอกจากครอบครัวของเขา กีฮยอนก็คืออีกคนที่เขารักมากที่สุด





    “ฝันดีนะ”





    เพื่อนของผม






    .






    กีฮยอนลืมตาตื่นนอนพร้อมกับความน่ารำคาญของเสียงนาฬิกาปลุกในยามเช้า เขาพยายามยื่นมือไปปิดมันแต่กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังรั้งร่างกายของเขาอยู่ ลำแขนแกร่งกำลังกอดที่เอวของเขาแน่น และความรู้สึกอุ่นๆจากลมหายใจของใครบางคนที่หลังคอของตนอีก มันทำให้เช้าที่น่าเบื่อกลายเป็นเช้าที่เขาอยากจะรีบให้มันผ่านไปเร็วกว่านี้



    “อิมชางกยุน”


    “ชางกยุนอา ตื่นได้แล้ว” กีฮยอนเรียกเจ้าของลำแขนนั่นพร้อมกับออกแรงตีแขนอีกคนพลางแกะมันออกจากตัวของเขา “เช้าแล้วนะ”

    “อืม กียอน ขอนอนอีกนิดนะครับ” ชางกยุนคลายกอดออกแล้วดึงอีกคนให้หันหน้าเข้าหาตน

    “งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” คำตอบนั้นทำให้ชางกยุนดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมแขนก่อนที่จะรัดคนตัวเล็กไว้เหมือนเดิม

    “ไม่เอาอ่ะ ขอกอดหน่อยดิ นายก็รู้ว่าเมื่อก่อนฉันติดนายจะตาย” ความอบอุ่นกับคำพูดจากอีกคนทำให้กีฮยอนใจสั่น ความเคยชินในสมัยเด็กๆทำให้เขาไม่ชอบตัวเองในตอนนี้ อยากจะพักร่างอยู่ในอกอุ่นของอีกคน แต่ก็กลัวว่าความรู้สึกนั้นจะกลับมาอีก

    “เป็นลูกแหง่นะนายน่ะ ฉันไปอาบน้ำไม่ได้ไปไหนซักหน่อย” เขาตัดสินใจพูดเล่นกับอีกคนไปพลางแกะมืออีกคนออกอีกครั้ง แต่ชางกยุนกลับยืนยันที่จะกอดกีฮยอนอยู่อย่างนั้น

    “นะครับ ขออีกนิดหน่อยเอง” น้ำเสียงทุ้มนุ่มทำให้เขาเองพลอยนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกครั้งที่อีกคนเจอเรื่องราวร้ายๆ เขาคงเป็นคนเดียวที่สามารถเห็นชางกยุนในด้านที่อ่อนแอแบบนี้ และคงเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เจ้าหมาที่กำลังบอบช้ำอยู่หายดี

    “อือ ก็ได้” กีฮยอนยิ้มพลางลูบผมอีกคนเหมือนที่ชอบทำ “เหนื่อยมามากเลยสินะเจ้าหมา”



    และคำตอบคือรอยยิ้มที่กีฮยอนปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เขาชอบมากที่สุด






    .






    ทุกคนในออฟฟิศมองพวกเขาเป็นตาเดียว หลังจากที่ชางกยุนไปหาเรื่องกับหัวหน้าฝ่ายเรื่องกีฮยอนเมื่อวานเย็น บ้างก็แอบส่งซิกว่าเขาชอบการกระทำนี้แต่บางคนก็กลับพาลมองเหยียดใส่เขาเสียอย่างนั้น รวมถึงคนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องราวตรงนี้ด้วย

    เรือนผมสีดำถูกเสยขึ้นโดยมือของเขา พลางนั่งลงบนโต๊ะทำงานข้างๆเพื่อนคนสนิทของตนที่กำลังยืนขอโทษเจ้านายเรื่องเมื่อวานอยู่ไม่ไกล



    ชางกยุนรู้สึกหงุดหงิด




    หงุดหงิดตัวเองที่ยอมปล่อยให้กีฮยอนต้องมารับผิดแทนตัวเองแบบนี้



    ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่ชื่อสตีฟกลับยอมปล่อยเขากับอีกคนไป และไม่เอาเรื่องกับพวกเขา ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่เหลือก็เหมือนกันเมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้น่าเข้าไปยุ่ง ทุกคนก็กลับมาทำงานของพวกเขาเหมือนเดิม เป็นเรื่องดีที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ชวนใส่ใจของคนอื่น ยกเว้นกับเขาที่กีฮยอนจะต้องมาโดนอะไรแบบนี้

    แต่ก็โชคดีที่คำพูดเหล่านั้นเป็นชางกยุนเองที่ได้ยินมันเต็มๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาก้าวก่ายหน้าที่ของเด็กฝึกงานต่อหน้าหัวหน้าของเขา ชางกยุนไม่อยากให้กีฮยอนถูกมองว่าเป็นคนหลอกง่าย ด้วยนิสัยเกรงใจของคนตัวเล็กคงไม่ทำให้กีฮยอนปฏิเสธหัวหน้าของตัวเองได้หรอก และเป็นเขาเองที่มองอีกฝ่ายผิดไปจริงๆ 


    คืนนั้นทำให้ชางกยุนตัดสินใจไปนอนเฝ้าอีกคน เพื่อให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ตามกีฮยอนไปอีก



    “เขียนบทสัมภาษณ์เมื่อวานได้ใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะได้ให้แจสทำกราฟิกให้” 


    ชางกยุนพยักหน้าให้กีฮยอนที่เปลี่ยนไปเป็นโหมดทำงานหนึ่งครั้ง ก่อนที่อีกคนจะลุกออกจากโต๊ะไป พร้อมกับส่งอุปกรณ์อัดเสียงพร้อมโพสอิทที่ถูกแปะอยู่บนนั้น


    ‘ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนนะ ชางกยุนเดี๋ยวฉันกลับมา อย่างอแง เข้าใจ๋ - ยูกีฮยอน’


    ตัวหนังสือภาษาเกาหลีบนกระดาษแผ่นนั้นทำให้เขายิ้ม ยิ้มเพราะในตอนนี้กีฮยอนคนเดิมของเขาได้กลับมาแล้ว แต่ทำไมเขาถึงหยุดมองลายมือที่เป็นระเบียบของอีกคนไม่ได้กันนะ




    .




    เสียงฝนตกดังขึ้นในตอนที่กีฮยอนออกไปได้ไม่นานนัก แทนที่จะทำให้ชางกยุนทำงานได้ดีขึ้นในบรรยากาศแบบนี้แต่กลับทำลายสมาธิเขาไปจนหมด ใครที่บอกว่าเสียงฝนจะทำให้มีสมาธิเขาขอค้านหัวชนฝาในตอนที่ไม่มีกีฮยอนอยู่แบบนี้ เหม่อมองไปที่หน้าต่างที่มีหยดน้ำฝนเกาะพลางคิดกับตัวเองว่าเวลานี้กีฮยอนจะไปอยู่ที่ไหน เพราะเขารู้แค่ว่าอีกคนออกไปข้างนอกกับใครสักคนในทีม ถ้าให้เดาก็คงไปเก็บข้อมูลเพิ่ม 

    โชคดีที่เมืองของเขาไม่ได้ใหญ่มากนักและที่ทำการของพวกเขาอยู่ใจกลางเมืองทำให้ไปไหนมาไหนง่ายหน่อย อย่างมากสุดก็ขึ้นบัส แต่ถ้าจะเร็วก็ต้องใช้แท็กซี่ และผู้สื่อข่าวสายวัฒนธรรมดีเด่นอย่างกีฮยอนก็คงอยู่ที่บ้านของคุณลุงเจ้าของฟาร์มนมที่เขาเพิ่งไปสัมภาษณ์เมื่อวาน



    ไม่ทันรู้ตัว

    มือของเขากลับคว้าร่มที่อยู่หลังโต๊ะทำงานแล้วลุกขึ้นจากตรงนั้นทันที



    “ฝนตกหนักเป็นบ้าเลย” เสียงนุ่มคุ้นเคยทำให้ชางกยุนรู้สึกตัว เขาเงยหน้าสบตากับเจ้าของรอยยิ้มที่เพิ่งวิ่งหนีฝนเข้ามาในออฟฟิศหมาดๆ ผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนถูกยีด้วยมือของเจ้าของ ชางกยุนยืนแข็งทื่อให้กับภาพนั้น เขานั่งลงที่โต๊ะคอมตัวเดิม วางมือลงบนแป้นพิมพ์แล้วทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จ

    “เป็นไงบ้าง” กีฮยอนกับผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนคอเข้ามาใกล้เขาก่อนที่จะแนะส่วนที่ชางกยุนยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก “นี่ ชางกยุน”



    กีฮยอนกำลังประหม่า



    ทันทีที่รู้สึกสายตาคมที่เขาหลงรักมาตลอดกำลังจับจ้องมาที่ตนอย่างไม่วางตา ใบหน้าเริ่มเห่อร้อน หัวใจเต้นแรงเพราะไม่เคยชินกับท่าทางแบบนี้ของอีกคน ใบหน้าหล่อเริ่มขยับเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ กีฮยอนเลือกที่จะหลับตาปี๋ ไม่อยากรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาต่อจากนี้ จนกระทั่งผ้าขนหนูที่คอของเขาถูกมือกว้างๆของอีกคนหยิบมันขึ้นมาเช็ดผมที่กำลังชื้นฝนของตัวเองอยู่



    และใช่ ใบหน้าของเราใกล้กันมาก จนเกิดจุดที่กีฮยอนเรียกได้ว่า มันอันตรายต่อหัวใจของเขามากที่สุด
    เขาพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกคนเป็นห่วงเขา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นความจริง ต่างที่ว่าความหมายของชางกยุนกับกีฮยอนไม่เคยเป็นแบบเดียวกันก็เท่านั้น




    พยายามแทบตายแค่ไหน หัวใจก็ได้แต่เต้นแรงให้กับเจ้าของสายตาอันตรายคู่นั้นอยู่ดี




    “ชะ…ชางกยุน” 


    “พอก่อน…เดี๋ยวฉันต้องไปพิมพ์ข้อมูลต่อ”

    กีฮยอนพยายามฝืนตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาจับมืออีกคนออกพลางยกผ้าขนหนูผืนนั้นขึ้น ยิ้มให้กับคนที่กำลังยืนกระพริบตานิ่งๆอยู่ตรงนั้น ก่อนที่จะกลับไปที่นั่งเดิมของตน




    ให้ตายสิ ชางกยุน


    และผ้าขนหนูผืนนั้นก็ถูกใช้เป็นอุปกรณ์ปิดใบหน้าที่กำลังขึ้นสีของกีฮยอนไปเรียบร้อยแล้ว





    .




    โชคดีที่ฝนหยุดหลังจากเลิกงานพอดี ทำให้พวกเขาเดินกลับบ้านโดยที่ไม่ต้องเปียกฝน วันที่สามที่พวกเขาเดินกลับบ้านพร้อมกัน และเป็นครั้งแรกที่กีฮยอนกล้าที่จะยื่นคำขาดกับอีกคนว่าห้ามบุกรุกอพาร์ทเม้นท์ของเขาอีก เพราะการที่ชางกยุนเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของกีฮยอนมันทำให้เขายิ่งแย่ แย่จนรู้ตัวว่าเขาเองก็ใช่ว่าจะเก่งที่จะสามารถมองชางกยุนเป็นเพื่อนได้จริงๆ หัวใจของเขาไม่เคยโกหก และมันก็ไม่เคยเต้นแรงกับใครนอกจากผู้ชายที่กำลังเดินซุกมืออยู่ฝนกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้



    พักนี้เขาชักจะรู้สึกว่าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
    ถ้าเผลอบอกชอบไปแล้ว จะทำยังไงล่ะ:(



    แต่สุดท้ายชางกยุนกลับยื่นข้อเสนอให้พวกเขาทานอาหารทุกมื้อร่วมกัน หลังจากที่พวกเขาหยุดคุยกันที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ของกีฮยอน แม้ว่าในใจอยากจะปฏิเสธมากแค่ไหน กีฮยอนรู้ดีว่าในเมืองนี้ชางกยุนสนิทกับเขามากที่สุด แต่ทำอะไรแบบนี้คนที่แพ้ก็มีแต่กีฮยอน เพราะหัวใจของเขาก็ยิ้มให้กับข้อเสนอนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ชางกยุนหยิบยื่นมันมาให้กีฮยอนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


    กีฮยอนจำได้ดีว่าอีกคนระเบิดรอยยิ้มออกมาในขณะที่เขาได้แต่ฝืนยิ้มออกมา ก่อนที่อีกคนจะจับมือเขากลับไปทางเดิมที่พวกเขาเดินมา เพื่อที่จะมาร้านอาหารที่ถือว่าเป็นร้านแรกของกีฮยอนเมื่อสิบปีก่อน ร้านประจำของครอบครัวอิมในตอนที่อยู่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้



    “นายไม่คิดจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเลยหรอไง” กีฮยอนเปิดประเด็นก่อนหลังจากที่เราสั่งอาหารเสร็จ

    “ก็มี ผมไปหาเขาแล้ว ทุกคนสบายดี แล้วอีกสองวันฮยองวอนจะมาที่นี่” 

    “เดี๋ยวนั่นมันเพื่อนฉัน” กีฮยอนพูดขึ้นมา “นายสนิทกับหมอนั่นหรอไง ถึงแม้ว่าจะมาที่นี่พร้อมกับฉันก็เถอะ”

    “ก็มั้งครับ อยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน”

    “เอ่อจริง ชมรมดนตรีหมู่บ้านซะด้วยจำได้ที่นายเล่นเชลโล่แล้วหมอนั่นก็เล่นเปียโนในงานแต่งของน้าโซเฟีย ดูเข้ากันดีชะมัด” กีฮยอนยิ้มแกมหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น


    “แต่ว่าดันมีพลุอยู่หลังพวกฉันเนี่ยนะ ให้ตายสิ ตกใจจนแทบจะปาเชลโล่ทิ้ง”



    ใช่ครั้งนั้นชางกยุนก็กลับมางอแงกับเขาเนี่ยแหละ บ่นว่าเห็นพลุทำไมไม่บอกบ้าง งอแงที่เขาหัวเราะให้กับอีกคนบ้าง ไม่ก็เอาแต่ล้อว่าชางกยุนเล่นแย่กว่าฮยองวอนบ้าง แต่จริงๆอีกคนก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอก เหมือนกับเรียกร้องความสนใจมากกว่าด้วยซ้ำ


    ‘ฮยองอย่าแกล้งดิ อา ผมโกรธแล้วนะ’


    ‘โอเค ไม่ทำแล้วๆดีกันนะชางกยุน’




    คิดถึงตอนนั้นชะมัด





    “นี่กีฮยอนเหม่ออะไรเนี่ย” ชางกยุนสะกิดเขาในตอนที่อาหารมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว

    “เปล่า แค่นึกถึงตอนที่นายเรียกฉันว่าฮยองน่ะ” กีฮยอนพูดยิ้มๆพลางตักอาหารเข้าปาก

    “ย่า นายอย่าพูดงั้นดิ ตอนนั้นมันเด็กมากเลยนะ” แต่นั่นกลับทำให้ชางกยุนหน้าขึ้นสี เมื่อคำพูดของอีกคนพาให้คิดถึงเรื่องน่าอายของเขา

    “แต่ตอนนี้ฉันก็เป็นพี่นายจริงๆนี่” กีฮยอนขำอีกคน

    “ไม่เอาอ่ะ เรียกแบบนี้เนี่ยแหละ” ชางกยุนตอบ

    “อะไรกัน ไม่เคารพรุ่นพี่หรอชางกยุน” กีฮยอนมองอีกคนอย่างหยอกล้อเป็นครั้งแรกหลังจากที่พวกเขาได้พบกัน และนั่นก็ทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกับเขาคลายยิ้มออกมา 

    “เปล่าซะหน่อย ก็ไม่ได้อยากให้นายมาเป็นพี่นี่” ดวงตาคมที่หยี่ลงทำให้หัวใจของกีฮยอนหยุดเต้นไปชั่วขณะพร้อมๆกับเสียงทุ้มต่ำที่พูดประโยคคุ้นเคยออกมา






    “เป็นเหมือนเพื่อนกันแบบนี้ดีกว่าซะอีก”








     กรรมตามสนองแล้วล่ะยูกีฮยอน
















    TBC.

    see you next rain .










    #สวัสดีคุรสายฝน









    Talk :  
     
    อาจจะหน่วงไปหน่อย อดทนอีกนึดนะคะ ฮึบ ฮึบ! ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ แค่เข้ามาอ่านกันก็ดีใจมากๆแล้วค่ะ ฮือ อยู่กันไปจนจบเลยนะคะ หรือจะมาแกล้งๆแท็กมาก็ได้นะคะ แฮ่ 

    มีคนไม่รู้ใจตัวเองหนึ่งคนค่ะหัวหน้า ! 



    หวังว่าจะชอบกันนะคะ ,รัก







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in