ครั้งแรกของหลายๆเรื่องพังลงในวันนี้เพียงวันเดียว การขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ถูกบรรจุลงในสิบอันดับเรื่องสยองขวัญของเราอย่างง่ายดาย โอดครวญในใจว่า"ทำไมจะไปเที่ยวมันต้องทรมานขนาดนี้ด้วยวะ" ไม่เคยกลัวขนาดนี้มาตั้งแต่อายุ 2 ขวบแล้ว ตอนนั้นบ้านอยู่ใกล้ดอนเมือง เป็นทางที่เครื่องบินต้องบินลงเสมอๆ เราในวัยเด็กนั้น ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องบิน ก็จะร้องแหกปากลั่น แต่เราตอนอายุ 24 นั้นทำไม่ได้แล้ว นั่นจึงทำให้เราต้องไล่ถามไถ่ความรู้สึกคนอื่นมาล่วงหน้า ว่าเวลาขึ้นเครื่องรู้สึกยังไง และก็ได้รับคำตอบที่คล้ายๆกัน ตัวอย่างเช่น
เรา : พี่ๆเวลาขึ้นเครื่องบินนี่มันรู้สึกยังไง
พี่ที่ทำงาน : ไม่น่ากลัวหรอก หูอื้อหน่อยๆ แต่เวลาตกหลุมอากาศมันสั่นเหมือนในหนังเลยนะ
เรา : ...โอเค
เรา : เห้ย!! ขึ้นเครื่องน่ากลัวปะวะ
เพื่อน : เครื่องบินเป็นยานพาหนะที่ปลอยภัยที่สุดแล้วนะมึง โอกาสตกน้อยมาก แต่ถ้าตกแล้วโอกาสรอดก็น้อยเหมือนกัน
เรา : มึง....
เรา : กลัวอะแม่ ไม่ยากไปแล้ว
แม่ : คนเราถ้าจะตาย อยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ โถ่...
เรา : ...
ช่างมีแต่คำตอบที่ทำให้เราสบายใจ
และอีกหลายเสียงต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันไม่ได้น่ากลัวหรอก สะดวกสบายดี ด้วยเหตุนี้จึงจองที่นั่งริมหน้าต่างอย่างสบายใจ จนลืมสำเนียกตัวเองไปว่าเคยกลัวความสูงขนาดไหน ตั้งแต่เครื่องเริ่ม Take off จากสนามบินดอนเมืองตอนเวลา 00.30 น. จนเครื่องเริ่มไต่ระดับความสูง หัวใจเหมือนหดเล็กลงเท่าเม็ดถั่วเขียว อาการต่างๆเริ่มมา เหงื่อแตก หน้าซีด นิ้วจิกเกร็ง ไม่สามารถแอ๊บหน้าว่าไม่กลัวได้เลย เรียกได้ว่าเสียอาการ นี่ก็ไม่รู้ว่ากัปตันจะดริฟไปไหน ถ้าใครเคยขึ้นเครื่องจากดอนเมืองไปญี่ปุ่นน่าจะพอเข้าใจ มันไม่ได้ขึ้นธรรมดา มีการกลับลำด้วยคล้ายๆการยูเทิร์นรถ แม้มันจะดีขึ้นตอนที่เครื่องขึ้นมาสูงได้ระดับแล้ว ทุกอย่างเริ่มนิ่ง เราเริ่มผ่อนคลายแต่ในหัวคิดเรื่องเดียวกับคนที่กลัวเครื่องบินคิดกัน ตลอดคืนนั้นคิดแต่ว่า "เครื่องตกจะทำไงวะ" "ประกันชีวิตพ่อแม่จะได้กี่บาทวะ" "จะมีใครรอดมั้ยนะ"
คิดออกแต่เรื่องดีๆแบบนี้ตลอดการเดินทาง พยามข่มตาหลับก็แล้ว หยิบแผ่นพับมาอ่านก็แล้ว ไม่ได้ช่วยให้คิดอะไรแปลกๆน้อยลงเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in