เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โตเกียวเที่ยวแรกกริบ
00 : เธอคือความฝัน
  •    ทุกคนมีความฝัน... สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นด้วยประโยคแบบนี้... คนส่วนใหญ่ก็มีความฝันกันทั้งนั้น จะเล็กหรือจะใหญ่ ได้ทำหรือไม่ได้ทำ ก็ต้องฝันกันไว้ก่อน มีคนเคยบอกว่า ความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่า เป็นเครื่องเตือนใจให้รู้ว่าต้องทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร

    ช่วงชีวิตวัยเด็กเราเองก็ฝันอยากเป็นแบบผู้ใหญ่ได้ทำโน่นนี่มากมาย ได้จับผู้ร้าย ได้รักษาคนป่วย ได้ทำอะไรแบบที่เด็กตัวเล็กๆคนนึงทำไม่ได้ แต่พอได้เป็นผู้ใหญ่จริงๆขึ้นมา ก็ฝันว่าอยากกลับไปเป็นเด็ก มีเวลาเที่ยวเล่น ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ทำผิดแค่ไหนก็มีคนคอยให้อภัย คอยปลอบ "เป็นเด็กนี่มันดีจริงๆเลยนะ" คำอุทานทั่วไปของมนุษย์เงินเดือน บ่นกันไปพร้อมมองบน แต่เวลาย้อนกลับไปไม่ได้ ความแก่ก็เหมือนเวลาที่เดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว... ว่าแต่... เรามาปล่อยให้ข้อความทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นแค่การเขียนคำขึ้นต้นแบบเก๋ๆเถอะ

       เข้าเรื่องจริงๆเลยดีกว่า  ในชีวิตมีโครงการว่า ก่อนตายจะเหยียบไปประเทศญี่ปุ่นให้ได้ซักครั้ง 
    เป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพูดในวงเหล้า เอ้ย! วงสนทนาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย และเป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ทำจริงๆในตอนโต อันเนื่องมาจากการไม่คิดจะขึ้นเครื่องบินอยู่แล้วเพราะกลัวความสูงมาก เลยตัดใจปล่อยความฝันนั้นไว้ ทิ้งขว้างความอยากไปไว้ระหว่างทาง  ปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ความอยากไปประเทศในฝันนั้นไม่ได้ลดลงเลย ช่วงเวลาการเรียนมหาลัยก็เลือกเรียนสาขาเกี่ยวกับการ์ตูนแอนนิเมชั่น พบปะเพื่อนสายมังงะ โอตาคุมากมายหลายคน กระตุ้นความอยากเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว แต่ด้วยสภาพเงินในบัญชีติดลบตอนเรียน ทำให้การไปญี่ปุ่นในตอนนั้นกลายเป็นแค่ภาพการ์ตูนที่วาดขึ้นในใจ 

    แต่ความฝันพวกนั้นไม่ได้หายไปไหน เรานั่งวาดฝันกันทุกวัน ถี่ขึ้นๆ แก๊งค์เด็กเนิร์ด โอตาคุ แอนนิเมะของพวกเราต้องได้ไปเยือนถิ่นแม่ให้จงได้ ยิ่งคุยก็ยิ่งเหมือนมันเข้าใกล้ความจริงเข้าไปอีกเพราะมีผู้อยากร่วมทริปมากขึ้น วางแผนกันว่าเรียนจบจะไปต้องซักครั้ง แต่พอจบมาจริงๆ ไม่มีท่าทีจะได้ไป เพราะต่างคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านเกิด เวลาจะนัดกินข้าวกันยังมายากกันเลย นับประสาอะไรกับไปต่างประเทศล่ะ ทำได้แต่ชวนคนนั้นคนนี้แล้วก็ล้มแผน ล้มโครงการกันหลายต่อหลายรอบ พับเก็บความฝันใส่กระเป๋าไว้ จนกระทั่งเข้าสู่ชีวิตการทำงาน เป็นมนุษย์เงินเดือนกันครบทุกคน โครงการไปญี่ปุ่นเลยถูกกางขึ้นมาใหม่



  • กิ๊บๆ
    : อยากไปญี่ปุ่นว่ะ (ทำหน้าจริงจัง)
    กานๆ : อยากไปปปป ' w '
    กิ๊บๆ : เออ เอาจริงละเนี่ย หาตั๋วเครื่องบินก่อน
    กานๆ : เอาเลยๆไปด้วย ไปกันเองสองคนก็ได้วะ
    กิ๊บๆ : โอเค ดี
    ...
    กิ๊บๆ : เอาจริงปะวะ
    กานๆ : กลัวปะล่ะ
    กิ๊บๆ : กลัวดิ
    กานๆ : เออว่ะ เดี๊ยวชวนคนเพิ่ม





       "กาน" คือ สิ่งมีชีวิตที่ตอบตงลงจะไปกับเราอย่างจริงจัง แอบตกใจเพราะไม่คิดว่าเพื่อนคนนี้จะไปไหนเหมือนคนอื่นเขา กานเป็นคนตัวเล็กๆ ผู้มีสีหน้าเศร้าๆ ตลาดเวลา เจอกันครั้งแรกมองหน้าแล้วรู้สึกว่าคนๆนี้ต้องเหงามากแน่ๆ น่าสงสาร คนไม่รู้จักกาน เห็นกานก็จะต้องคิดว่าคนๆนี้เศร้าอะไรอยู่นะ เป็นคนที่หน้าปกติคือนิ่งมาก แต่ถ้ารู้จักกันแล้วคือนิสัยตรงข้ามกับภายนอกอย่างรุนแรง น่าจะเป็นพวกคนสองบุคลิก วันๆจะเห็นภาพเดิมๆคือ กานจะนั่งปั่นงาน เขียนการ์ตูน ทำงาน ชวนไปเที่ยวไม่ไป คำตอบรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นของกานเลยทำให้เกิดอาการช็อคนิดหน่อย ด้วยความที่อยากไปมากๆตอนนั้นเลยคุยกันสองคนว่า "ไปกันเองก็ได้วะ กลัวปะล่ะ" กลัวสิ ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว ยากมาที่ผู้หญิงสองคนที่ไม่แม่นแผนที่ใดบนโลก จะมีชีวิตรอดจากการไปต่างประเทศ เพราะกรุงเทพฯ ก็หลงมาแล้ว ห้างก็หลงมาแล้ว มหาลัยยังเคยหลงเลย เลิกพูดถึงเรื่องนอกประเทศได้ นอกจากไม่รู้ทิศทางแล้วยังไม่ได้ภาษาด้วย คงไม่รอดออกจากสนามบินแน่ๆ ตอนนั้นเราสองคนทำไรไม่ได้ ได้แต่ตบบ่ากัน มองตากันปริบๆ รู้กันเป็นนัยๆว่า ล่มอีกแล้วสินะ "ทริปยุ่นของพวกเรา"





  • กานๆ : พี่พลอยไปมั้ย
    หญิงพลอย : อยากไป ไปๆๆ
    กิ๊บๆ : เช หาตั๋วก่อนนะ เดี๊ยวชวนพี่ที่ทำงานไปด้วย โอตาคุเหมือนกัน

    *บทสนทนาข้างต้นมีเค้าโครงจากเรื่องจริง 







    แต่เสียใจได้ไม่นาน “พลอย” เพื่อนร่วมแก๊งค์ช่องเก้าการ์ตูนของเราสมัยมหาลัย พี่พลอยเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ตัวขาวหน้าหมวยและมีอันจะกิน เข้าใจตรงกันคือมีพุงมีแก้มนิดหน่อย  พี่พลอยเดินเข้ามาเอามือปาดน้ำตาเราสองคนด้วยการตกลงปลงใจจะไปญี่ปุ่นด้วย สามคนแล้วโว้ย ฉันคิดในใจ แต่เหมือนขาดๆอะไรไปนะ เค้าว่าสองคนหัวหาย สามคนเพื่อนตาย สี่คนสบาย ต้องการอีกซักคนให้เราฟอร์มทีมได้แบบแข็งแกร่ง คล้ายๆวันเดอร์เกิร์ล อะไรทำนองนั้น หันซ้ายขวาก็แล้วไม่เจอใคร ไม่นานนักผู้โชคดีคนที่สี่ก็ก้าวเท้าเข้ามา

     

         “น้ำตาล” รุ่นพี่ที่ทำงาน สาวแว่นหัวใจแอนนิเมะ ภายนอกจะเป็นคนดูแรงๆเดินสวนกันจะรู้สึกว่าคนนี้แรงแน่ๆด้วยสีผม คนทั่วไปเห็นแล้วอยากตบ ถ้าได้รู้จักแล้วก็ไม่เหมือนภายนอก เพราะนิสัยจริงแกก็จะคล้ายๆมนุษย์ป้าหน่อยๆ (ฮ่าๆ) พี่น้ำตาลบอกเราในวันที่ไม่คิดว่าจะได้ไปแล้ว “พี่ไปด้วย จริงจังเลย” ...หมดคำจะอุทาน “นี่เอาจริงใช่มั้ยเนี่ย” เราถามกลับไปแบบมึนๆ “ก็เออสิ” แล้วทุกอย่างลุกฮือ ไฟที่มอดไปแล้วกลับมาจุดติดใหม่ จะได้ไปจริงๆแล้วโว้ย สี่คนด้วยนะโว้ย รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงดอกซากุระร่วงกระทบพื้นเลย แต่นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นซักนิด จุดเริ่มต้นจริงๆมันอยู่ต่อจากนี้ต่างหาก... 






    .....



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in