เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ในหนึ่งวันrain_blablobly
เพราะบางคนไม่รู้ บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ
  • ญารินดา บุนนาค: แบ่งปันเวลาให้ตัวเองมีความสุขก่อนตื่นไปพบกับโลกแห่งความจริง

    “บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ... ลองไปทำอะไรอย่างอื่นดูสิ หรือลองมองโลกในอีกแบบหนึ่งไหมว่าบางทีก็ยังมีสิ่งที่ดีมากมาย”
    .
    ยิ่งโตขึ้นเราก็มีความรับผิดชอบมากขึ้น และเรื่องราวในสังคมหลายๆ อย่างก็มีส่วนทำให้วิญญาณของเราหมองลงไปเรื่อยๆ การหาเวลาให้ได้อยู่กับตัวเองบ้าง เพื่อที่เราจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ต้องเกลียดงานประจำที่ทำอยู่ คือแนวคิดที่ ญารินดา บุนนาค แนะนำให้ใช้ในการหาความสุขเล็กๆ ให้ตัวเอง เพื่อที่จะได้มีแรงกำลังในการมุ่งมั่นทำงานประจำสำหรับเลี้ยงชีพของเราต่อไป


    เป็นคำโปรยจาก a day BULLETIN  
    ____

    เจอประโยคนี้จากการสัมภาษณ์คุณพี่ญารินดา บุนนาค ถึงกับสะอึกและไม่ถึงกระอักเลือดเป็นคำที่ตรงกับตัวเองเลยนะ ไม่ใช่ตรงคนอื่น แล้วเอามาเม้านี่นั่น ฮ่าๆ

    “บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ..."

    ประโยคนี้ทำให้คิดถึงตัวเองในแบบ 2 ประเด็น 
    ประเด็นแรกคือ ตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ ในมุมที่อาจเป็นส่วน เป็นตัว เป็นคนที่น่าเบื่อสำหรับผู้อื่น โดยที่ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว พฤติกรรมในทุกมิติ เช่น ในโลกจริง ในโลกโซเชียลต่างๆ พฤติกรรมของเรานี่แหละ อาจเป็นสิ่งที่ตัวเราเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ 
    ประเด็นที่สองคือ ตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ ในมุมนี้คงอาจไปในแบบประโยคในสัมภาษณ์ 
    “บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ... ลองไปทำอะไรอย่างอื่นดูสิ หรือลองมองโลกในอีกแบบหนึ่งไหมว่าบางทีก็ยังมีสิ่งที่ดีมากมาย” 
    กำลังจะหมายถึงว่า เราเองนี่แหละไม่รู้ตัวว่าเราเองเบื่อบางสิ่ง บางอย่าง หรือหลายอย่างอยู่ แต่ก็ดำเนินชีวิตไปในทุกวัน ในสภาวะที่ไม่มีความตื่นตัว นิ่งเฉย เนิบช้า ไปแบบนี้ ในทุกๆ วัน จนบางครั้งนำไปสู่สภาวะขี้เกียจแบบไม่รู้ตัว หรือเป็นการสะสมสาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่แอ็คทีฟในทุกๆเรื่อง ประเด็นนี้เป็นการต่อสู้กับตัวเองพอสมควร

    ที่บอกว่าได้ยินแล้วสะอึกแต่ไม่ถึงกับกระอักเลือด เพราะเราก็ไม่รู้สาเหตุจริงๆ ว่าเราไม่แอ็คทีฟใดๆ เลย มันเนิบช้าไปหมด อาจเข้าข่ายที่ว่า ไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจจะรู้ตัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่รู้ต้องแก้อย่างไร ถ้าพี่ญารินดาบอกว่าให้ออกไปทำอย่างอื่นดูสิ มองโลกในมุมใหม่ดูบ้าง เราก็เชื่อว่าช่วยได้เยอะเลย ในสภาวะของเมื่อก่อนนะ ไม่ใช่ตอนนี้ ส่วนตอนนี้คือแค่คิดจะทำอะไรสักอย่างก็เบื่อมาแล้ว  นี่คือสิ่งที่ต่อสู้กับความรู้สึกข้างในอยู่

    อาการที่แสดงออกมา เราก็แอบหมองใจตัวเองนะว่า เราสนุกกว่านี้นะ ดูตื่นเต้นกับหลายสิ่งกว่านี้
    อยากออกเดินทางมากกว่านี้ อยากพบเจอสิ่งใหม่ๆ ให้มากขึ้น แต่ความคิดเหล่านี้ ตอนนี้ หายไป
    ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เท่าเมื่อก่อนแล้ว สิ่งที่เคยทำ เคยทำได้ ก็ไม่อยากทำและทำได้ไม่เท่าเมื่อก่อน
    และคิดว่านี่คือปัญหาในตัวเรา จิตใจเรา อย่างแท้จริง หรือสาเหตุแค่เพราะความเหงา...หรอ?

    ที่เอ่ยถึงความเหงาว่าเป็นสาเหตุให้คนเบื่อ เพราะอ่านเจอคนหนึ่งเขียนบ่นว่าทำนองว่า
    "บ่นๆ ว่าเบื่อ ที่แท้หรือแค่เหงา" แหนะ มาแนวนี้เฉย
    สาเหตุนี้คงทำใจโหวงเหวง ห่อเหี่ยวน่าดู สนับสนุนเสมอให้ทุกคนมีความรักและครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ
    เมื่อย้อนไปดูคลิปสัมภาษณ์พี่ญารินดา ก็พบว่าการอยู่กับลูก กับเด็ก กับครอบครัว มีความสุขในอีกแบบ
    และหลายๆ คนก็คงเป็นไปอย่างนี้ โลกในช่วงวัยที่ต้องเดินต่อไปก็สวยงามในอีกแบบ 
    วัยที่ควรมีครอบครัว เราวิเคราะห์และเชื่อว่า การมีครอบครัวเป็นกลไกหนึ่งของการดำรง ดำเนินชีวิตต่อ
    ชีวิตในแบบมนุษย์ ที่ทำให้เดินต่อไปได้อย่างมีแรงผลัก เป้าหมาย การทำเพื่อใครสักคนหรือหลายคน
    เป็นกลไกที่แทบจะอัตโนมัติ เพราะจิตใจมนุษย์นั้นรับรู้และยากหยั่งถึง
    แต่ถ้าความเหงาในความหมายจิตวิทยา ก็อิงไปทางสังคมมากกว่า ลองดูค่ะ

    กลับมาที่ความเบื่อ
    และประโยชน์ที่ได้จากสัมภาษณ์นี้ ก็เป็นการเตือนความรู้สึก ความคิดเราได้เหมือนกัน
    หันกลับมามองตัวเองว่าจะจัดการกับอาการตัวเองยังไงที่จะดีกว่านี้ ทำทุกอย่างได้อย่างกระตือรือร้น
    ทำสิ่งที่เคยทำได้ให้ได้เท่าเมื่อก่อน จากที่ลองจัดการด้วยการเบรคไว้ แต่ก็ไม่ยักกะหายนะ
    พยายามลดความสนใจต่อสิ่งเร้าภายนอกมากมาย แต่ก็ทำได้บ้าง บางครั้ง ไม่เสมอต่อเนื่อง
    นี่คือสิ่งที่สู้กับตัวตน จิตใจของตัวเอง เพราะเรามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอยู่ อย่างที่พี่ญารินดาบอก
    เราจึงต้องหมั่นทบทวนตัวเองว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไรบ้าง โอเคหรือไม่โอเค อย่างไร
    แล้วจะปรับแก้หรือเพิ่มเติมส่วนไหน ยังไง ก็เป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้เองได้ เบื้องต้น

    โพสต์นี้ เป็นโพสต์ที่มาเขียนอะไรยาวๆ จากความคิดตัวเองอีกครั้ง จากที่เบรคไว้พักใหญ่
    เบรคในที่นี้ไม่ใช่แผน แต่เป็นอาการที่ออกมาเอง ไม่รู้สึกอยากเขียนเท่าเมื่อก่อนและเขียนได้น้อยลง
    ครั้งนี้ก็ถือว่าคลิปสัมภาษณ์นี้ มากระตุ้นสมองให้คิดและพิมพ์สิ่งที่คิดออกมาได้ 
    ก็เป็นการกลับมาทำสิ่งเดิมที่ปากบอกว่าชอบ ชอบเขียน แต่มันกลับจางลงเรื่อยๆ แต่ไม่ได้กดดันตัวเองแค่สงสัยว่าทำไมทำไม่ได้เท่าเมื่อก่อนนะ ต่อให้ฮึบใจเขียนแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ดี ก็เลยไม่ทำดีกว่า
    หรือต้องกดดันตัวเอง

    เนื้อหาทั้งหมดที่พิมพ์มา เหมือนเป็นภาคต่อของตอน จุดดำบนกระดาษขาว 
    ครั้งนี้มาทวนความเบื่อ โฟกัสที่ตัวเองให้มาก และหวังว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้
    หรือจริงๆ ไม่ใช่ความน่าเบื่อแต่เป็นความขี้เกียจ น่าจะใช่ :)

    คลิปสัมภาษณ์จากลิงค์ล่างนี้ค่ะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in