เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ในหนึ่งวันrain_blablobly
โตมาแล้ว ยังซักรองเท้าผ้าใบกันอยู่มั้ย?
  • เมื่อเอ่ยถึงรองเท้าผ้าใบ เราเองก็จะย้อนไปตอนประถม ไม่ก็มัธยมทันที
    เพราะเป็นวัยที่ไปโรงเรียนด้วยเครื่องแต่งกายที่เรียบร้อย ส่วนหนึ่งคือรองเท้า
    และส่วนหนึ่งของประเภทรองเท้าในวัยเรียนนั้น คือ รองเท้าผ้าใบ
    เข้าใจว่า รองเท้าผ้าใบ ไว้ใส่ตอนเล่นกีฬาในวิชาพละศึกษา และทำกิจกรรมลุยๆ หน่อย
    และรองเท้าดำจำพวกเกอรี่แก๊งนั้น ก็คงสำหรับเรียบร้อย ทางการ ปกติใช่มั้ย
    ก็ไม่เข้าใจความสำคัญที่แท้ของการแยกรองเท้าใส่ไปโรงเรียนนัก
    และตัวเองตั้งแต่เรียนประถมจนจบ ม.ปลาย ก็ไม่ได้ใส่รองเท้าดำเลย
    ใส่รองเท้าผ้าใบไปโรงเรียนตลอด อ๋อ ตอนประถมนี่ใส่รองเท้าแตะนะคะ
    เพราะอยู่โรงเรียนบ้านนอก เล็กๆ โดยรวมที่โรงเรียนก็ใส่แตะกัน 
    ผอ.ยังใส่แตะมาทำงานเลยอันนี้ล้อเล่นค่ะ 



    สำหรับรองเท้าผ้าใบ

    เชื่อว่าในวัยประถม มัธยม ที่ทุกคนน่าจะมีเหมือนๆ กันนั้น ทุกคนน่าจะมีช่วงเวลาของการหวงแหน
    รักษาความสะอาด ดูแลรักษาเป็นอย่างดี โดยทำการซักรองเท้าผ้าใบแทบจะทุกอาทิตย์
    โดยส่วนตัว เราเองก็เห่อและรักมันมากนะ คืออยากให้ขาวสะอาดไปนานๆ ทุกเวลาที่ได้ใส่
    เหมือนมันสะอาดแล้วเราจะสบายใจ ดูใหม่ตลอด เราเลยซักรองเท้าผ้าใบเกือบทุกอาทิตย์
    หรืออย่างนานหน่อยก็ 2-3 อาทิตย์ ซักครั้งหนึ่ง ทั้งที่จริงๆ มันก็ไม่ได้เลอะ สกปรกขนาดนั้น
    แล้วเมื่อซัก ขัดด้วยแปรงซักผ้าอย่างบ้าบิน จนผ้าใบขาวราวกับแช่ไฮเตอร์นาน 3 วัน
    ขั้นตอนสำคัญคือ การแปะกระดาษทิชชูให้รอบรองเท้า เป็นวิธีการทำให้ผ้าใบขาว
    ไม่มีคราบเหลืองติดขอบหลังจากที่แห้งแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ใครเป็นคนต้นคิดวิธีนี้นะ แต่มันได้ผลดีเลย
    โดยช่วงพีคของขั้นตอนนี้คือ ตอนที่รองเท้าแห้งแล้วเรามาแกะกระดาษทิชชูที่ห่อไว้ออก
    การได้เห็นผลของการซักนั้น คือ ผ้าใบขาวขึ้น ขาวกว่าเดิม เห็นแล้วฟิน ใส่ไปโรงเรียนอย่างสดใส

    พฤติกรรมแบบนี้ เราเป็นช่วง ม.ต้นมากกว่านะ พอเริ่มสู่ ม.ปลาย ก็ไม่ค่อยซักแล้ว
    ไม่รู้ทำไม อาจเพราะ
    - เราโตขึ้นแล้วรักษาความสะอาดเก่งหรอ? หรือ
    - รองเท้ามันก็ไม่ได้เลอะมากมาย มุมมองเปลี่ยนจากตอน ม.ต้น หรือ
    - ขี้เกียจซักกันแน่ เลยมองว่ามันไม่เลอะ หรือ
    - ยอมรับในความเลอะได้มากขึ้นตามวัยที่โตขึ้น หรือ
    - เริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่เมื่อโตขึ้นกว่าเดิม หรือ
    - เห็นว่ายิ่งมันเลอะ มันเก่าก็ยิ่งมีเสน่ห์ ดูเท่กว่าตอนขาวสะอาด
    ก็อาจเป็นไปได้ทั้งหมดที่เอ่ยมา ซึ่งมันก็แสดงถึงการเติบโตของเราได้ 
    การเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพ ความนึกคิด ความรู้สึก ในวัยที่โตขึ้น

    หรือบางคนอาจจะไม่ได้อยู่ในจุดนี้เหมือนเรา อาจจะไม่ได้มีช่วงเวลายิบย่อยแบบนี้
    ก็ถือว่ามาเล่าสู่กันฟังนะคะ




    โตมาแล้ว ยังซักรองเท้าผ้าใบกันอยู่มั้ย?

    เป็นคำถามที่คิดขึ้นมาได้ตอนที่คิดจะซักรองเท้าผ้าใบ ในวันที่เราอยู่ในวัยทำงานแล้ว
    เราเติบโตมาจากช่วงวัยประถม มัธยม เหล่านั้น โตพอที่จะลำดับความสำคัญในชีวิตได้
    แต่จะดีหรือไม่ดีนั้น ก็ไม่แน่ใจนัก ฮ่า แต่ถ้าประเมินตนเองก็คงยังไม่ดีนักหรอกค่ะ แต่สู้ๆกันไป

    เมื่อคิดจะซักรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ที่ดูเลอะพอสมควร กะว่าซักแล้วจะเอามาซ่อมสักหน่อย 
    เพราะเสียดายที่พื้นมันยังดีอยู่ เสียแต่ผ้าใบอาจจะสีซีดและเก่าไปมาก จากที่ใส่มาหลายปี
    เราเป็นคนที่ซ่อมของใช้น่ะค่ะ ถ้ามันไม่พังจนเยินมากๆ ใช้งานไม่ได้ ถึงจะตัดใจทิ้ง
    อาจเพราะเราไม่อาจซื้อใหม่ได้ทันที ต้องคิดก่อนใช้ตังค์ให้เหมาะสมกับตัวเอง
    และอาจเพราะมีนิสัยซ่อมของใช้ใหม่ด้วย รองเท้าผ้าใบคู่นี้จึงถูกหยิบไปซักจนได้

    และแน่นอน จะหยิบไปซักคู่เดียวก็กลัวคู่อื่นๆ เสียใจ ก็ใส่พวกมันมาหลายปีเหมือนกัน
    จะไม่ใยดีเลยก็คาใจตัวเอง เลยหยิบไปซักทั้ง 4 คู่พร้อมกัน ซักมือค่ะ ยังแมนนวลเหมือนเดิม
    ทำการแช่ผงซักฟอกไว้นาน 2 ชม. แล้วจึงใช้แปรงขัดๆ แต่คราวนี้ ไม่ได้ขัดให้ขาวมากนัก
    ไม่ได้ขัดจริงจังเหมือนตอนเด็ก แค่ได้ทำความสะอาดก็รู้สึกดีขึ้นมา ที่ได้ดูแลพวกมันหน่อย
    จากนั้นก็แช่น้ำยาปรับผ้านุ่มให้ติดหอมมาบ้างเล็กนอน แช่ไปราว 2 ชม. ก็ค่อยตากแดดแรง
    จนเมื่อมันแห้งสนิท ได้เก็บ ได้เห็น ได้ดูว่ามันสะอาดกว่าเดิม บรรยากาศฟินตอนเด็กๆ
    ก็หวนกลับมา แม้จะไม่ได้สะอาดเอี่ยม แต่ก็ฟินที่ได้ดูแลสิ่งของที่ตัวเองใช้ประจำ 

    อีกทางหนึ่งเราก็เชื่อว่า หลายๆคนอาจไม่ได้เลือกทางนี้ หรือไม่ได้ทำแบบนี้
    เพราะมีหลายทางเลือกมากมายในการจัดการ ดูแลสิ่งของของตัวเอง 
    สิ่งที่เราชื่นชอบ หวงแหน อยากได้มา ทุกคนจัดการในรูปแบบของตัวเอง
    ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นแค่รองเท้าผ้าใบเท่านั้น เหมือนที่เคยอ่านใน อิคิไก
    มีบทหนึ่งที่พูดถึงการเคารพสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้าน ตั้งแต่ถ้วยชาม เครื่องครัว
    เครื่องนอน สิ่งของทุกอย่างที่เราใช้ ชาวญี่ปุ่นจะให้ความเคารพ ใส่ใจ รายละเอียดมากๆ
    สิ่งของบางอย่างก็มีพิธีกรรมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่า วิถีชีวิตและคนญี่ปุ่น
    เป็นแนวทางที่มีความใส่ใจรายละเอียด มีความละเมียดละไมสูง ทำให้มีความระเบียบสูง



    โตมาถึงตอนนี้ เราเองที่ยังซักรองเท้าผ้าใบอยู่

    ทุกอย่างเปลี่ยน วัยเปลี่ยน อายุเปลี่ยน แนวคิด ทัศนคติ มุมมอง ต่างๆ เปลี่ยน
    ไปตามที่ควรจะเป็น และการซักรองเท้าผ้าใบในหนึ่งวันของเรานี้
    ก็เป็นความฟินนิดๆหน่อยๆในชีวิตช่วงวัยทำงานแล้ว เหมือนได้กลับไปตอนเด็กอีกครั้ง

    "ในหนึ่งวัน" ของเรา เป็นอัลบั้มที่เอาไว้เขียนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้จำกัดว่า
    ต้องเป็นเรื่องราวในทิศทางไหน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน ในช่วงเวลานั้น
    ที่ผ่านมาหลายเดือนไม่ได้เข้ามาเขียนเลย ในขณะที่มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
    ทั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บางอย่างที่คงเดิม ต่างๆ ที่แวดล้อมในชีวิตเรา
    แต่เรากลับอยากเขียนน้อยลง ตอนนี้จึงเป็นเรื่องที่ผลักให้มาเขียนบ้าง
    ยังอยากเขียนอยู่ แต่ความขยันมันต่างออกไป ในสิ่งแวดล้อมที่หมุนไปรอบตัวเรา

    รู้สึกดีอีกครั้งที่ได้เขียนร่ายยาวแบบนี้
    "ในหนึ่งวัน" เขียนเพื่อที่จะได้เขียนต่อ

    แล้วจะกลับมาใหม่
    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ


    ขอบคุณภาพประกอบจากเพลง 

    รองเท้าผ้าใบ - Seal Pillow [Official MV]



     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in