ความเดิมตอนที่แล้ว กระผมได้รับคำชักชวนให้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง แล้วก็เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น มียักษ์มาทลายกำแพงบ้าง มีคนฆ่าคุนปู่บ้าง How to ทิ้งซัมซิงบ้าง (เดี๋ยว ๆ เมากัญชาปะเนี่ย) เอาเป็นว่าก็ทู่ซี้อยู่ต่อมาได้อะนะ
เริ่ม!
เช้าตรู่ แบบตรู่มาก แบบที่ไม่ใช่เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน คือได้นอนไม่นาน ตื่นขึ้นมาราว ๆ ตีสามครึ่ง ก็ยังมีเรื่องมึน ๆ งง ๆ ให้คิดอยู่บ้าง แต่ที่น่าอัศจอรอหันการันต์ยอก็คือ เฮ่ย ไอ้ที่ขุ่นข้องหมองใจมันดีขึ้นว่ะ ทุกข์ร้อนน้อยลง ก็เข้าไปเตรียมตัวเพื่อที่จะเริ่มกิจกรรมในตอนตี 4 ครึ่งพอลงมาที่โถงก็มีบางท่านเข้ามาถามไถ่ เป็นไงบ้าง ปวดมั้ย สู้ ๆ นะ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกการ์ตูน หรือซีรี่ย์กีฬาที่ตัวเอกมือใหม่ จะอ่อนกาก แล้วก็มีคนมาให้กำลังใจ ก็ดีแหละ สบายใจขึ้นแล้ว พอถึงเวลาก็ปฏิบัติต่อไป อ้อ มีสวดทำวัตรเช้า คือผมไม่มีปัญหากับบทสวดอะไรนั่นหรอก แต่ผมมีปัญหากับข้อนิ้วหัวแม่เท้าที่เวลานั่งคุกเข้านาน ๆ แล้วมันจะแบบเจ็บมาก ซึ่งน่าจะเป็นจากการที่ไม่ได้นั่งท่านี้บ่อย ๆ ไอ้วันแรกก็ว่าเจ็บแล้ว วันที่สองโอย น้ำตาเล็ด สวดไม่รู้เรื่องเลยจ้า
มันทำให้นึกถึงตอนที่เคยดูรายการพื้นที่ชีวิต ตอนที่คุณเอ๋ นิ้วกลม คุณเบนซ์ แล้วก็ใครอีกคนจำไม่ได้ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง คุณเอ๋ก็บอกทำนองว่า การปฏิบัติธรรมมันเหมือนกับโดนทรมาน ให้ไปนั่งนาน ๆ เมื่อย ปวด ไปหมด แต่สุดท้ายเมื่อปฏิบัติได้ครบคุณเอ๋ก็ได้เจอกับประสบการณ์อันน่าประหลาดใจในการปฏิบัติธรรมในครั้งนั้น
ย้อนกลับมามันก็น่าแปลกใจตรงที่ กับการแค่ทำอะไรช้า ๆ อืด ๆ เท่ากับการขยับของสลอธ พอได้เวลาเสร็จก็นั่งนิ่ง สลับไปมา มันจะทำให้คนเราได้ค้นพบอะไรบางอย่างเลยหรือ สงสัยเลยว่า รึว่าจริง ๆ แล้ว...สลอธมันเดินจงกรมอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะบรรลุธรรมบางอย่างนะ! รู้สึกตัวอีกทีเราก็เดินอย่างแช่มช้า ก้าวทีละก้าวอย่างรู้สึกตัว (มั่งไม่รู้สึกตัวมั่ง) ก็ยังมีความคิดที่เข้ามาลอย ๆ อยู่ในหัว แต่คือมันแจ่มชัดขึ้นนะ ว่าเรากำลังเดินอยู่ แล้วก็คิดไปด้วย ถึงจะเอามันออกไปจากหัวไปไม่ได้ แต่ก็รับรู้ได้ชัดขึ้นว่ามันยังอยู่ ไปพร้อม ๆ กับก้าวเดินในจังหวะสลอธไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ
มันก็ทำให้ผมเริ่มนึกถึงห้วงเวลาหนึ่งที่พระอาจารย์กำลังสอนเรา แล้วเราก็ไม่ตั้งใจฟังเลยว่า ที่เรามาปฏิบัตินี่ไม่ได้มาทำให้สงบ ทำนองว่าเรามาทำให้รู้ว่ามีอะไรผ่านเข้ามา ทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้า และพลัสวัน คือความคิด พออะไรเข้ามาก็กำหนดรู้ อย่าไปตามว่ามันมาจากไหน ให้เรารู้ กำหนดรู้ เท่าทันมัน แต่อะไรที่ไม่ทันก็ปล่อยไป พอมันมาก็กำหนดอีก กำหนดอีก กำหนดอีก กลับไปจะทำอะไร มีอะไรให้ทำบ้าง เฮ่ยเราจะมัวมาเรื่อย ๆ หลัก ๆ ลอย ๆ ไม่ได้แล้วว่ะ อะไรที่เป็นอยู่ก็แก้มัน อะไรที่ต้องทำก็ไปทำมันซะ
"ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ" เป็นสัญญาณบอกหมดกิจกรรม พระอาจารย์ก็บรรยายประมาณว่าเลคเช่อร์นั่นแหละ ซึ่งเราโคตรไม่จำเลยว่ะ 555 ไม่ถนัดจำคำนั่นนู่นนี่เยอะแยะ แล้วสุดท้ายก็ถึงเวลาที่เราจะออกมาตามเวลาที่เราตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ถึงช่วงเพล ก็ร่ำลากับพระอาจารย์ และทุกท่านไป และออกเดินทางกลับบ้าน
บ่ายวันนั้นยอมรับว่าปวดหัว แต่ก็ทำงานไปจนสัปงกและ เออนอนสักงีบแล้วกัน พอตื่นมา หาอะไรกินช่วงเย็น แล้วก็กลับมาทำงาน เออเว้ย ไฟทำงานทำไมมันกลับมาแบบสุดยอดเลย ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก แถมยังเขียนเรื่องความป่วงในการปฏิบัติธรรมของเราได้อีกเป็นวรรคเป็นเวร จนใกล้จะนอนนั่นแหละ
เออมันก็ดีแหละการปฏิบัติธรรม เจริญสติน่ะ ดีมากด้วย ผมว่าเป็นอะไรที่ควรทำเลยว่ะ ซึ่งจริง ๆ จะไม่ต้องอิงกับศาสนาก็ได้ แบบทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ นั่นนู่นนี่ ซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งแอพทั้งยูทูปสุดที่จะหาได้หาไปเถอะ เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด อะผมว่าท็อปทรีในชีวิตนะ มันคือสติว่ะ ถ้าสติดี มันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ต่อให้เจอเรื่องราวเข้ามา เราจะจัดการมันได้อย่างเป็นระบบ และไม่ประมาท และหวังว่าที่เขียนมาบ้าบอมากมายอาจจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ว่าแต่... ทำไม... เออช่างมันเถอะ หยิบมือถือ จิ้มลัดซะดา จิ้มไปกางเกงขายาวสีขาว แล้วจิ้มที่ หยิบลงตะกร้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in