เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตามจริงก็เคยปฏิบัติธรรมมาแล้วนะ!Watch Take
ตามจริงก็เคยปฏิบัติธรรมมาแล้วนะ! (1)
  • ช่วงวันก่อน ๆ ได้เข้าไปก็ค้นพบว่า จิตใจเราโดนอะไรเกาะก็ไม่รู้เต็มไปหมด มันอาจจะเป็นสะเก็ดแผล พังผืด หรืออะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ ๆ น่าจะเป็นการสั่งสมจากการใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีสติ
    ผมเข้าไปที่วัดที่จัดกิจกรรม ก็ไปติดต่อเข้าไปกินเพล (รึเรียกว่าฉัน แต่ฉันไม่ใช่พระ จะเรียกว่าฉันได้มั้ย แต่ฉันก็เป็นฉัน เฮ่ย! พอ!)
    ความเจื่อนในอย่างแรก คือการไปนั่งกินข้าวกับใครก็ไม่รู้ (ช่วงนี้แม่งแพ้ทางกับสถานการณ์แบบนี้มาก เพราะใช้ชีวิตแบบ Introvert สมบูรณ์แบบมานานมาก ไม่ดีเลอ) ก็ไม่รู้จะคุยอะไร อาจจะด้วยรุ่นที่ต่างกัน (ก็แพ้ทางอีกแหละ บอกตามตรงว่าแพ้ Baby Boomer OK!) สองเจื่อนแล้วนะ เจื่อนที่สาม กำลังจะอาบน้ำ พี่เลี้ยง (ลุง) เค้าบอกว่าเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นชุดขาวนะ
    เราก็รู้สึกว่าเอ่อ... ทำไมต้องชุดขาววะ เสื้อผ้าสีขาวมันเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองรู้มั้ย กว่าจะฟอกให้ขาวโอโม่แบบนั้น มันทำลายสิ่งแวดล้อมไปมากมายขนาดไหน แล้วต้องขาวความสว่างเท่าไร ถึงจะเรียกว่าขาว เราว่าเราก็ใส่ไม่เทามากนะ แค่กางเกงมันเทาข้ม แต่ก็เป็นสีกลางนะ! แล้วถ้าใส่ชุดดำนี่จะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เลยเหรอวะ! โวยวาย ๆๆๆๆ อีกสามสี่ประเด็นวนไปมา (ในใจ) เฮ่อ!
    พอเตรียมตัวเสร็จ เราก็เสื้อขาวกางเกงเทา แกะดำตัวเดียวในห้อง เราก็มานั่งที่เบาะ พอเริ่มปุ๊บ ก็กราบสติปัฏฐาน 4 ... หา อะไรนะ!?
    ก็เห็นคนกำลังทำท่ากราบที่ความเร็ว 1 เซนติเมตรต่อนาที ราว ๆ สลอธจะรีดผ้าแล้วผ้าก็ไหม้... เราก็งง ๆ แล้วก็โดนดึงตัวออกมาเลยจ้า (เด่นมาก) พระอาจารย์ก็ถามวาเคยปฏิบัติมั้ย เอ่อ จริง ๆ เราเป็นนักเรียนนิสัยไม่ดีอะนะจำอะไรแทบไม่ได้เลย ท่านก็เลยสอนทีละสเต็ป ให้ทำท่าช้า ๆ เนิบ ๆ (ทำะไรเนี่ย! เป็นไงสโลว์ไลฟ์สมใจมั้ยล่ะ นึกในใจ) แล้วสเต็ปเยอะ ซึ่งถ้าสรุปแล้วคือการกราบอะ ก็กราบไปดิ ทำไมต้องค่อย ๆ เอามือขวา ค่อย ๆ พลิก ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา โว้ยยยยยย (โวยวายในใจอีก) เราก็ทำตามเสต็ปไป แต่ใจนี่แม่ง ต่อต้านฉิบหายเลยว่ะ พอยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งไม่อยากทำ
    พอท่านสอนเสร็จเราก็ไปเข้ากิจกรรม ก็เดินจงกรมไป ซึ่งในที่ไม่ได้กว้างมากเมื่อเทียบกับจำนวนคน นี่คือคำพูดในหัว
    "เห้ย จะล้มมั้ยเนี่ย"
    "เดินได้แค่นิดเดียวเอง"
    "เฮ่ย แล้วเจ๊แกจะเดินยังไง จะได้ไม่ไปตัดหน้า"
    "เฮ่ย เบื่อแล้วว่ะ สี่โมงเย็นกลับดีกว่า"
    แต่ ๆ จริง ๆ ก่อนหน้านั้นมีอีกช็อตคือ
    พระอาจารย์ให้ไปนั่ง เราก็นั่งไป มีเสียงนาฬิกาดังขึ้นมา เราก็งง อะไรวะ! ชั้นต้องทำยังไง! เบื่อแล้วนะ
    แต่เราก็ก็นั่งต่อไปไม่สนใจโลก
    "แป๊ก! แป๊ก! แป๊ก! (สเียงดีดนิ้ว) ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ"
    จำคำเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่ทำนองว่าไปเดินจงกรมได้แล้ว อย่านั่งนานเกิน สรุปคือมารู้ทีหลังว่ามือใหม่จะให้นั่ง 15 นาที เดิน 15 นาที ก็ต้องมีนาฬิกา (จริง ๆ พระอาจารย์บอกแล้ว แต่เราไม่เข้าใจเพราะมัวแต่ต่อต้านในใจ) แล้วท่านก็บอกให้ตามโยมผู้หญิงท่านนี้ โอเคชั้นจับทางได้และ ชั้นจะตามเจ๊อย่างเดียว เจ๊ลุกเราลุก เจ๊นั่งเรานั่ง อะไป้!
    ระหว่างเดินเค้าก็ให้เอาจิตไว้ที่เท้าที่กำลังจะก้าวนั่นนู่นนี่ ทำไมต้องใส่เสื้อขาววะ ทำไมผู้เฒ่าผู้แก่ต้องตามขนบตลอด รู้ว่าสีขาวคือความบริสุทธ์ แต่อาชญากรก็สามารถใส่ชุดปฏิบัติธรรมไปฆ่าใครสักคนก็ได้นะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไมทำไม ทำไม ทำไม ทำไมทำไม ห้าโมงออกดีกว่า ผมไม่แฮปปี้แล้ว เซย์กู๊ดบาย กลับ ๆ (ถ้าอยากเข้าใจความรู้สึกของเรากรุณาอ่านจนครบทุกคำ) จนพระอาจารย์ก็เรียก เอาล่ะเสร็จโจร ชั้นจะบอกลาแล้วกลับบ้านไปนอนดีกว่า เครียดมาก
    "เป็นยังไงบ้าง โยม"
    "เครียดครับ"
    "มันอย่างนี้นะ...."
    แล้วก็เป็นทฤษฎีอะไรที่เราไม่ค่อยพร้อมฟังเท่าไร แต่ก็เหมือนโดนตบหน้าเบา ๆ เรื่องว่า ปัญญามากไปก็ดื้อ ศรัทธามากไปก็งมงาย (เราขอเวลาไปอภิปรายก่อนนะ เพราะเราเองก็ดื้อกับประเด็นนี้อยู่ สรุปว่าเราศรัทธาในปัญญาตัวเองนี่สรุปปัญญาหรือศรัทธาเยอะเกิน) แต่ระหว่างฟังท่านพูดเรื่องสัจจะ เราก็เอ่อ ถ้าเราไปตอนนี้เราจะเสียสัจจะตัวเอง แล้วจะไม่พ้นจากความเป็นไม้หลักปักขี้เลนแบบนี้เสียที! เพราะใจจริงคือจะออกวันพรุ่งนี้ โอเคไม่ไปแล้วก็ได้ แล้วทันใดนั้น มีคนหอบของพะรุงพะรังมา ท่านพระอาจารย์ทักว่า
    "อ้าวกลับแล้วเหรอ"
    "..."
    รึว่าชั้นจะเนียนกลับไปดี...

    รู้สึกตัวอีกทีเราก็นั่งปวดขาปวดหลัง เดินสลอธฟุ้ง ๆ จนนาฬิกาตีดัง 11 ที แล้วไหว้พระแผ่เมตตา แล้วก็นอน...
    โอยยยย เมื่อยหลัง...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in