เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Amor Fati #JamSung [Omegaverse]icypumpkin
Chapter 1: First Met
  • Title: Amor Fati
    Pairing: JamSung [NaJaemin x ParkJisung]
    Genre: Angst, Omegaverse, Romantic, Yaoi
    Chapter: 1 - First Met
    Author: icypumpkin
    Noted: First try of my life ever and ever, hope you all enjoy reading it.






    เพราะในโลกใบนี้ มนุษย์ไม่ได้ถูกแบ่งแค่เพศสภาพว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
    หากแต่เรายังถูกกำหนดจากยีนส์และลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน คือ อัลฟ่า เบต้า และ โอเมก้า


    อัลฟ่า คือ กลุ่มคนชนชั้นสูง ไม่ว่าจะด้วยด้านศักยภาพทางร่างกาย มันสมองหรือสติิปัญญา คนกลุ่มนี้ถูกจัดให้อยู่บนยอดของพีระมิด เป็นชนชั้นปกครองที่มากไปด้วยอำนาจ


    เบต้า คือ กลุ่มคนชนชั้นกลางที่สามารถพบเจอได้ง่ายในสังคม คนธรรมดาผู้ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ สามัญชนที่ไม่ได้สูงส่งหรือมากความสามารถแบบอัลฟ่า แต่ก็ไม่มองเป็นชนชั้นต่ำแบบโอเมก้า


    โอเมก้า  คือ กลุ่มคนชนชั้นต่ำ อยู่ใต้ร่างสุดเป็นฐานพีระมิด ร่างกายมีขีดจำกัดอยู่มากมาย จุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารจึงมักถูกรังเกียจเดียดฉันและเหยียดเย้ยจากคนชนชั้นอื่น




     

    มือเรียวปิดหนังสือที่อ่านอยู่ นวดหัวตาตนเองแผ่วเบาก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะเสียงเรียกของเพื่อนที่นั่งตรงข้ามกัน


    "อ่านอะไรอยู่ หน้าเครียดเชียว" เจ้าของเรือนผมสีเขียวสว่างทักขึ้นพร้อมกับดึงหนังสือในมือออกไป


    "ไม่ได้เครียดสักหน่อย" เสียงใสตอบรับพลางหลับตาลงอีกครั้ง


    "ต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์... ถามจริง ปาร์คจีซอง อ่านทำไมกัน ไม่ได้มีทำรายงานไม่ใช่หรอ" ดวงตารีหรี่ลงมองคนตรงข้ามที่ไม่ยอมสบตา


    "อ่านเฉยๆ ไม่มีอะไรจะอ่าน"


    "ไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้หรอกนะ" 


    "เกิดมาจะยี่สิบปี เลิกคิดหาแล้วคำตอบไร้สาระพวกนั้น" ยกมือขึ้นยีผมสีน้ำตาลของตนเองไม่เบานัก สะบัดศีรษะไปมาก่อนจะสบตาเพื่อนที่ยังคงมองมาไม่เลิก 


    "ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ก็เห็นอยู่ว่าเพิ่งจะเปิดหนังสืออ่านแล้วปิดเลย อย่ามามองกันด้วยสายตาแบบนั้นนะ จงเฉินเล่อ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไร เขาจึงเอื้อมมือไปดึงหนังสือคืนมาแต่ไม่คิดจะเปิดอ่านอีกครั้ง 



    ไม่ว่าจะหนังสือกี่เล่ม แม้จะเลือกใช้คำบรรยายที่แตกต่าง แต่คำนิยามก็เหมือนกันไปหมด นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สังคมจะมองว่า ปาร์คจีซอง เป็นชนชั้นต่ำและดูถูกเหยียดหยามกันต่างต่างนานา เพราะไม่ได้เกิดมาเป็น อัลฟ่า หนำซ้ำยังผิดแผกเกิดมาเป็น โอเมก้า ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชาย 




    "ก็ทำให้ได้แบบที่พูดแล้วกัน" จีซองยกยิ้มแต่ไม่ต่อบทสนทนาอีก




    "ขอโทษที มาช้าไปหน่อย" จีซองหันมองผู้มาใหม่อีกสองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบจนผมชี้ฟูพร้อมด้วยข้าวของที่ยังเก็บไม่เรียบร้อย


    "พักหายใจก่อนไหม ไว้ค่อยพูด สภาพเหมือนจะขาดใจตาย" เฉินเล่อบอกพลางหัวเราะน้อยๆ ให้กับสภาพของเพื่อน


    "ไม่ต้องรีบหรอกดงฮยอก ค่อยๆ พักหายใจ เหรินจวิ้นก็ด้วย" เขาบอกสำทับแต่กลับได้รับการโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ


    "เดี๋ยวพี่มาร์ครอ" ดงฮยอกละล่ำละลักบอก พยายามปรับลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติ


    "อีกตั้งสิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลานัด" 


    "วันนี้พี่มาร์คจะควิซ จำไม่ได้หรอ" เพียงเท่านั้นคนตัวขาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวหุบยิ้มฉับก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว


    "แล้วไม่รีบไปล่ะ ควิซเลยนะ ควิซ" เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากบอกให้เพื่อนใจเย็นอีกสักพักกว่าจะถึงเวลานัด กลับเร่งคนอื่นจนจีซองยิ้มขำ 



    พี่มาร์ค หรือ มาร์ค อี คือรุ่นพี่ที่อีดงฮยอกรู้จักและทาบทามให้มาสอนพิเศษให้กับพวกเขาทั้งสี่คน เนื่องจากการเรียนในห้องเรียนผ่านคำสอนของอาจารย์นั้นไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับความสามารถของคนอื่นที่เหลือในห้อง ถ้าอยากเก่งขึ้น ก็ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น 


    โดยเฉพาะปาร์คจีซอง ถ้าคนอื่นพยายามสิบเท่า เขาจะต้องพยายามให้ได้ยี่สิบเท่าหรือมากกว่านั้น ไม่ใช่เพราะความขยันหรืออยากเอาชนะ แต่โลกนี้น่ะ มันไม่ยุติธรรมสำหรับโอเมก้าแบบเขามาตั้งแต่เกิด แค่เชื้อสายที่ติดตัวมาก็ทำให้เขาหัวช้ากว่าคนอื่น พละกำลังร่างกายน้อยกว่าคนอื่น รวมไปถึงสภาวะต่างๆ ที่อาจเกิดได้ในอนาคตอีก แค่มานั่งเรียนในห้องร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นก็โดนมองและหัวเราะเยาะจะแย่ ถึงต้องอ่านให้มากกว่าคนอื่น เสียสละเวลากับมันให้มากยิ่งกว่าใคร


    ส่วนเพื่อนอีกสามคน... ความจริงคนเหล่านั้นไม่ต้องมาเรียนเสริมก็ได้ แต่เพราะรู้ว่าเขาต้องการถึงยอมมาเรียนร่วมด้วย ปาร์คจีซองไม่เคยร้องขอ มันก็เหมือนเป็นโชคดีที่มีโอกาส แต่แน่นอนสุดท้ายผลดีไม่ได้ตกอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว คนเหล่านั้นก็ได้ความรู้ไปพัฒนาตนเองเช่นกัน






    "ถ้าฉันทำควิซได้คะแนนแย่ ต้องโดนพี่มาร์คตัดออกจากการสอนแน่เลย" เฉินเล่อโอดโอย กระต่ายตื่นตูมแบบที่ชอบทำบ่อยๆ


    "แต่ถ้าได้ท็อป นายต้องเลี้ยงมื้อเย็นพวกเรา โอเคไหม" เหรินจวิ้นตอบกลับขณะกำลังเดินไปยังจุดนัดพบซึ่งก็คือร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก เป็นร้านกาแฟขนาดกลางที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน บรรยากาศเงียบเหมาะแก่การเรียนการสอน


    "ใช่ คิดไปก่อนตลอดว่าได้คะแนนน้อยแย่ๆ ผลออกมาทีไร เฉินเล่อก็ได้คะแนนดีทุกที" ดงฮยอกรีบเสริม


    "ทุกคนพูดจาเหมือนลืมจีซองไปอะ คือหลายครั้งจีซองก็ได้คะแนนเยอะกว่าฉันปะ" คนถูกพาดพิงสะดุ้งแต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร บทสนทนาก็ไหลไปเสียก่อน


    "จีซองไม่เคยพูดอะไรไง แต่อย่างนายอะพูดบ่อย ทำไม่ได้นู่นนี่ ฟังแล้วรำคาญ"


    "ดงฮยอกพูดถูก คนทำไม่ได้มันต้องแบบพวกฉันนี่ ปากคาบมีน ตีนเหยียบเอฟ ใช่ไหมดงฮยอกเพื่อนรัก" เหรินจวิ้นรีบปรี่เข้าไปทำท่าจะกอดคอคนข้างกาย


    "ขอโทษทีนะเหรินจวิ้น วิชาตัวล่าสุดฉันผ่านมีนมาไกลอยู่" ก่อนแขนนั้นจะค้างอยู่กลางอากาศและหุบลงดังเดิมพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนในกลุ่ม




    กรุ๊งกริ๊ง




    "ไง อารมณ์ดีกันเชียวเด็กๆ เดินหัวเราะเดินยิ้มกันเข้ามาเลย มีข่าวดีอะไรหรือเปล่า" เสียงของคนที่นั่งรออยู่ในร้านทักขึ้น มาร์ค อี ไม่เคยมาสายกว่าเวลานัดเลยสักครั้ง แม้กระทั่งเวลาจะยกเลิกการสอนในอาทิตย์นั้นก็บอกก่อนล่วงหน้าขั้นต่ำถึงสามวัน เป็นคนวางแผนในชีวิตดีจนน่านับถือและทำตาม


    "สวัสดีครับพี่มาร์ค อารมณ์ดีเพราะเฉินเล่อจะเลี้ยงข้าวครับ" 


    "ใช่ครับ เฉินเล่อบอกถ้ารอบนี้ทำควิซได้คะแนนท็อปจะเลี้ยงข้าวพวกเราทุกคนเลย"


    "ผมสั่นไปทั้งตัวแล้วครับพี่มาร์ค อยากเลี้ยงข้าวเพื่อนจะแย่" คำพูดสุดท้ายของเฉินเล่อทำเอาคนฟังหัวเราะร่าก่อนจะเอ่ยแซวน้องอย่างเป็นกันเอง นี่ก็นับเป็นเดือนที่สองแล้วตั้งแต่เริ่มเรียนพิเศษด้วยกันแบบนี้ อาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งขึ้นอยู่กับความว่างของผู้สอน เนื่องจากมาร์คเองก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เช่นกัน แต่โตกว่าพวกเขาถึงสองปี ปีสามการเรียนน่าจะเข้มงวดกว่าและมีรายงานรวมถึงโปรเจกต์ที่ต้องทำเยอะกว่า



    "จีซองเป็นอะไรหรือเปล่า เงียบเลย" ดงฮยอกพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ เพราะเห็นถึงความผิดปกติ มันก็ใช่ที่จีซองเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็ไม่ใช่จะไม่แม้แต่ทักทายรุ่นพี่คนตรงข้ามแบบนี้


    "ปะ... เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" จีซองตอบรับ หันมองหน้ารุ่นพี่ก่อนจะโค้งทักทายตามมารยาทหากแต่ความรู้สึกในใจยังไม่หายไป



    อึดอัด



    รู้สึกคล้ายถูกจ้องมองนับตั้งแต่วินาทีที่เปิดประตูร้านเข้ามาจนรู้สึกถึงความกดดันแปลกๆ ลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศ ปกติการเจอพี่มาร์คที่แม้อีกฝ่ายจะเป็นอัลฟ่าแต่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้ หายใจติดขัดและเสียวสันหลังวาบจนต้องยกมือจับคอตัวเองว่า ปลอกคอ ที่เป็นทั้งเครื่องกำบังอันตรายและเครื่องแสดงความเป็นชนชั้นต่ำยังอยู่ดีหรือไม่ เมื่อพบว่ามันยังคงในที่เดิมอยู่ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่จีซองแก้ไม่หาย เขาจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อใส่ปลอกคอแม้จะรู้ดีว่าถ้าถึงตอนเข้าตาจนจริงๆ มันคงช่วยอะไรไม่ได้มากก็ตาม



    "ซอง... ซอง... จีซอง" เสียงเรียกพร้อมมือที่แตะลงบนต้นแขนทำเอาคนที่ตกอยู่ในภวังค์ของตนเองสะดุ้งสุดตัว


    "ครับ" เขามองหน้าเหรินจวิ้นที่บุ้ยไปทางต้นตอของเสียงคือรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน


    "เป็นอะไรหรือเปล่าเรา ไม่สบายตรงไหนไหม" 


    "ไม่ครับ ไม่เป็นอะไร เริ่มควิซเลยไหมครับพี่มาร์ค" คนฟังเพียงพยักหน้ารับก่อนจะแจกกระดาษเอสี่ที่มีเพียงตัวอักษรไม่กี่บรรทัด นอกนั้นคือหน้ากระดาษขาวให้คนละชุด 


    "พี่ให้เวลาสิบนาทีแล้วจะเก็บคำตอบไปตรวจหลังจากนั้นถึงเริ่มสอนต่อนะ" หลังจบคำพูดนั้นทั้งสี่คนพยักหน้าตอบรับก่อนจะเริ่มลงมือทำแบบฝึกหัดที่ได้รับ



    สำหรับจีซอง ความอึดอัดนั้นยังคงไม่หายไป หันมองไปทางเพื่อนอีกสามคนที่เหลือก็ไม่เห็นจะมีใครรู้สึกแบบนั้น จนสุดท้ายเขามองไปที่รุ่นพี่ผมดำตรงหน้าที่ยกคิ้วรอ ถามแบบไม่มีเสียงว่าเป็นอะไรหรือเปล่าอีกครั้ง จีซองส่ายหน้าและก้มหน้าทำแบบฝึกหัดต่อ



    อาจจะคิดมากไปเอง





    "ตรงนี้ใส่สูตรผิดนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นชิดใบหูทำเอาคนที่ตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำสะดุ้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่นั้นแต่จีซองลุกขึ้นยืนและถอยหลังหนีไปหลายก้าวจนบุคคลร่วมโต๊ะต่างเงยหน้าขึ้นมอง



    หนึ่ง พวกเขาสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    สอง พวกเขาสงสัยว่าบุคคลที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้เก้าอี้นั้นเป็นใคร

    และสาม พวกเขาไม่เคยเห็นปาร์คจีซองเสียอาการมากถึงขนาดนี้มาก่อน ดวงตารีเรียวเบิกกว้าง ลมหายใจถี่กระชั้น มือเรียวจับบริเวณคอตนเองเสียแน่น



    "อ่า... 'โทษทีนะทุกคน นี่เพื่อนพี่เอง" เป็นมาร์คที่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน เพียงเท่านั้นรุ่นน้องสามคนที่เหลือก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนจะกลับไปสนใจกระดาษคำตอบของตนเองต่อ มาร์คกลอกตาให้กับการกระทำของเพื่อน


    "ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ ขอโทษที" เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล เพื่อนของมาร์ค อียังคงมีรอยยิ้มพรายเต็มใบหน้าและสาวเท้าเข้าหาพลางจับต้นแขนของคู่สนทนาแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงลำตัวแข็งเกร็งผิดปกติของอีกฝ่ายก่อนจะบ่ายตัวออก


    "ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัว" ก้มหน้าก้มตาพูดโดยไม่สบตาและรีบเดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง 



    ปาร์คจีซองหลับตาลง พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ เพราะรู้ดีแก่ใจถึงความตกใจที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่มีใครมาจับโดนตัวแบบที่เขาไม่ชอบ หากแต่การเดินเข้ามาใกล้โดยไม่รู้สึกตัวนั่นต่างหาก เขาไม่ได้จดจ่อกับข้อสอบตรงหน้าขนาดนั้นเพราะจิตใจวอกแวกตั้งแต่เริ่มต้น แต่คนๆ นี้กลับเดินเข้ามาใกล้จนวางใบหน้าไว้บนหัวไหล่และกระซิบจนริมฝีปากชิดใบหู




    "นายนี่นะ" จีซองได้ยินเสียงรุ่นพี่ตรงหน้าพูดขึ้นเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้น เห็นรุ่นพี่หันไปมองคาดโทษเพื่อนที่ยังคงไหวไหล่และยิ้มรับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว 


    "ซีเรียสไปได้มาร์ค แค่ทักทายลูกศิษย์นายเฉยๆ นายชวนฉันมาเองนะ" เมื่อสบสายตากันอีกครั้ง เป็นจีซองเองที่หลบตา สูดลมหายใจรวบรวมสมาธิเพื่อทำโจทย์ตรงหน้าให้เสร็จ เขาไล่อ่านโจทย์และทบทวนสิ่งที่ตนเองทำอย่างละเอียดเป็นรอบสุดท้ายเพราะเวลาในการทำแบบทดสอบกำลังจะหมดลง ก่อนพบว่าคำพูดที่อีกฝ่ายบอกไว้ว่าตนเองใช้สูตรผิดนั้นมันผิดจริงๆ


    เงยหน้าขึ้นมองเห็นใครอีกคนที่มองอยู่ก่อนแล้วพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่คลายไปจากใบหน้า ยักคิ้วน้อยๆ พร้อมขยับปากแบบไร้เสียงว่า 'ไม่เป็นไร ยินดี' หัวคิ้วก็อดจะกระตุกไม่ได้ เขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ





    "โอเค งั้นวันนี้พอแค่นี้ครับ กลับบ้านกันดีๆ นะ" หลังสองชั่วโมงแห่งการเรียนการสอน ทั้งสี่คนถอนหายใจออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินคำนี้จากรุ่นพี่ที่อยู่ในบทบาทของคุณครู


    "ยากขนาดนี้คือซิ่วดีกว่าว่ะ" ดงฮยอกเอ่ยขึ้นขณะที่แก้มยังคงแนบอยู่กับโต๊ะ


    "ไม่ยากขนาดนั้นหรอก ดงฮยอกทำได้" มาร์คตอบรับ เอื้อมมือขึ้นยีผมของคนที่นั่งหมดแรง


    "ข้อสอบจะประมาณนี้เลยหรอครับพี่มาร์ค" เหรินจวิ้นถามต่อ เขย่าเรียกเฉินเล่อที่เหมือนสติหลุดออกจากร่างไปแล้ว


    "ตอนที่พี่สอบก็ใช่นะ แต่มันก็เป็นแค่แนวข้อสอบนะ อาจจะยากหรือง่ายกว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์จะใจดีไหมเทอมนี้" รุ่นพี่หัวเราะร่า เก็บของลงใส่กระเป๋าเป้และรวบหนังสือรวมถึงชีทมาถือไว้


    "ผมดรอปไว้เรียนเทอมหน้าได้ไหมพี่มาร์ค หนักหนามากจริงๆ" เฉินเล่อพูดขณะเอาหัวโหม่งโต๊ะเบาๆ จนเหรินจวิ้นต้องจับตัวให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ


    "ไม่ได้ มันเป็นไม้ต่อ ตัวนี้ไม่ผ่านเรียนอีกทีปีหน้า กลายเป็นจบช้าไปอีกหนึ่งปีเลยนะ" เพียงเท่านั้นเสียงโอดครวญก็ดังขึ้นรอบโต๊ะจนรุ่นพี่หัวเราะยกใหญ่



    "ดงฮยอก ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ" จีซองสะกิดเพื่อนที่ยังคงเอาหน้าแนบอยู่กับโต๊ะ หมดสภาพมากๆ วันนี้ดงฮยอกคงเหนื่อยตั้งแต่เข้าเรียนในคาบแล้ว เขานึกถึงภาพเพื่อนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแล้วก็สงสาร


    "อือฮึ เดี๋ยวรอ" ตอบรับเสียงเบา จีซองยกยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่ยังคงตอบคำถามและพูดปลอบใจรุ่นน้องทั้งสามคนอยู่และเดินไปยังห้องน้ำหลังร้าน





    "จีซองอา..."


    เสียงเรียกที่มาพร้อมกับแรงกอดจากด้านหลังทำเอาคนถูกกระทำตัวแข็ง ลืมหายใจจนกระทั่งแรงกอดรัดนั้นน้อยลงและเห็นมือไวๆ มาโบกอยู่ตรงหน้า


    "ช็อคไปเลยหรอ ฮ่ะๆๆ ตลกจัง" หลังเรียกลมหายใจกลับมาเป็นปกติ จีซองหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองรับกับใบหน้าเรียว ดวงตาคมเหมือนหลุมลึกที่หากจ้องนานๆ คงไม่อาจหาทางออก จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางที่คลี่ยิ้มอยู่เสมอ จนกระทั่งตอนนี้


    "รู้จักผมหรอครับ" อัลฟ่า... อีกฝ่ายไม่ได้พูดหากแต่สัญชาตญาณเขาบอกแบบนั้น โดยปกติก็ไม่น่าจะมาเข้าใกล้โอเมก้าแบบเขาไม่ใช่หรือไงกัน ยิ่งรู้จัักกันหรอ ไม่มีทางหรอก ปาร์คจีซองรู้จักคนในโลกนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย


    "ก็เป็นลูกศิษย์ที่มาเรียนพิเศษกับมาร์คนี่น่า ต้องรู้จักสิ" 


    "แล้วชื่อ..."


    "ได้ยินมาร์คเรียก หูฟังอยู่ต่อให้ตาจะเล่นเกมส์ในมือถือ" พร้อมกับเอานิ้วแตะหูของตัวเอง


    "มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ" ยอมรับว่าหงุดหงิดกับท่าทางเหล่านั้น อัลฟ่าก็เป็นแบบนี้ หยิ่งผยอง ทระนงคิดว่าตัวเองเก่งและอยู่เหนือกว่าใคร แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดหรือไม่น่าอยู่ใกล้แบบที่เขารู้สึกกับอัลฟ่าคนอื่น


    "พูดจาเย็นชาจังเลยอะ" โอเค คิ้วเขาเริ่มกระตุกแล้ว "โอ๊ะๆๆ เป็นโอเมก้าโมโหร้ายจังเลยนะ อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ"


    "ผมเปล่า" แม้จะตอบกลับไปแบบนั้นแต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายดูออกทั้งหมด 


    จีซองเคยคิดว่าตนเองเก็บความรู้สึกเก่ง จนกระทั่งวันนี้
     
    หรือเขาคิดไปเองกันนะ


    "เรามาทำความรู้จักกันดีกว่า พี่ชื่อแจมิน นาแจมิน นานะ แล้วแต่นายจะสะดวกเรียก" อีกฝ่ายแนะนำตัวก่อนจะยื่นมือมาค้างไว้กลางอากาศ


    "พี่ก็รู้จักผมอยู่แล้วนี่" 


    "มันเป็นการทำความรู้จักกันไง อย่างเป็นทางการ นะ" ปลายเสียงลากยาวจนเขาถอนหายใจยาว


    "จีซองครับ ปาร์คจีซอง" หลังจบคำพอไม่เห็นเขายื่นมือออกไป อีกคนจึงยื่นมือมาจับไว้พร้อมเขย่าไปมา



    "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ... 




    น้องจีซอง


    เพียงชั่วพริบตา อีกฝ่ายกลับเข้าประชิดตัว กระซิบคำพูดชิดริมหูของเขาอีกครั้งและกดจูบลงแผ่วเบา ปาร์คจีซองยืนค้างมองคนที่ยืนยิิ้มอยู่ในระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนรินรดใบหน้า




    "จีซอง" ก่อนเสียงเรียกและแรงผลักประตูจะทำเอาอีกฝ่ายผละจากไป


    "ทำไมมาเข้าห้องน้ำนานจัง" จงเฉินเล่อเป็นคนเข้ามาตามเพราะเห็นเพื่อนหายไปนานจนผิดสังเกตการไปเข้าห้องน้ำ คนตัวขาวหันมองรุ่นพี่อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจีซองมากนัก


    "รอข้างนอกก็ได้เฉินเล่อ เดี๋ยวตามออกไป" จีซองพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินลึกเข้าไปในห้องน้ำ 


    เพียงคล้อยหลัง รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ารุ่นพี่คนนั้นหายไป ดวงตาคมจ้องมองไปยังคนตัวขาวไม่วางตากระทั่งเดินออกจากห้องน้ำไป เฉินเล่อไม่รู้เลยว่าตนเองกลั้นหายใจจนกระทั่งรู้สึกอึดอัดในอกจนได้ลมหายใจกลับมาอีกครั้งพร้อมขนลุกชันไปทั่วตัว




    To Be Continue...
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in