เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LAKORNWATCHIES
Designated Survivor 60 Days เพราะการเมืองคือความพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์

  • ซีรีส์รีเมคจากอเมริกามาเล่าใหม่ในเวอร์ชั่นเกาหลีปี 2019 เรื่องนี้ ว่าด้วยการที่รัฐสภาเกาหลีใต้ถูกระเบิดทำให้ประเทศสั่นคลอน และจามรัฐธรรมนูญแล้วพระเอกของเราอยากรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม (พัคมูจิน) ที่กำลังจะโดนปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ยังไม่ไทันได้เซ็นเอกสารก็เกิดเรื่องซะก่อน กลายเป็นคนเดียวที่มีความชอบธรรมในการก้าวขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดี จนกว่าจะครบ 60 วันที่จะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่

    แนะนำตัวละครกันก่อนค่ะ

    พัคมูจิน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมจบจาก KAIST แต่ถูกเลือกตัวมาเป็นคนแก้ปัญหาด้านฝุ่นละอองในประเทศโดยเฉพาะ กลับเคราะห์หามยามซวยตำแหน่งประธานาธิบดีที่เข้าไม่เคยอยากได้กลับร่วงลงใส่ตักอย่างจัง แล้วเรื่องราวทั้งหมดของชายผู้ไม่รู้เรื่องการเมืองแต่ต้องมาทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี 60 วัน หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่รัฐสภา

    ฮันจูซึง หัวหน้าเลขานุการสุดเก่งกาจที่คอยเป็นมือขวาให้ประธานาธิบดียางจินมันมาตลอดตั้งแต่ได้รับเลือกตั้ง ผู้เช่ยวชาญเรื่องทำเนียบจนกลายเป็นที่ปรึกษาให้รักษาการประธานาธิบดีหน้าใหม่อย่างพัคมูจิน

    ชายองจิน อดีตผู้ช่วยหัวหน้าเลขานุการในสมัยของประธานาธิบดียางจินมัน ได้จับผลัดจับผลูมาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยทางด้านการเมืองให้พัคมูจินเหมือนกัน

    ฮันนาคยอง หนึ่งในสมาชิกหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ที่พบว่าว่าที่สามีของเธอเสียชีวิตในเหตุระเบิดครั้งนี้ และเธอก็เป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมตามหาความจริงว่าการระเบิดรัฐสภาในครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

    โอยองซอก สส.หน้าใหม่ ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเหตุการณ์ระเบิดรัฐสภา ชายผู้มาพร้อมความหวัง



    แค่ดูเรื่องย่อและตัวอย่างก็น่าสนใจแล้ว การรักษาการประธานาธิบดีที่อยู่ในมือของคนที่ไม่รู็จักการเมืองและไม่เคยถือครองอำนาจมาทั้งชีวิตจะนำประชาชนชาวเกาหลีไปทางไหน

    ต่อจากนี้จะมีความคิดเห็นของเราร่วมด้วย และแน่นอนว่าคงได้พบเจอกับสปอยล์นะ แต่เราพยายามยังถึงที่สุดแล้วที่จะไม่สปอยล์เยอะ 55555

    Designated Survivor : 60 Days เป็นซีรีส์การเมืองว่าด้วยการเมืองประเทศในยามวิกฤตที่เล่าผ่านการทำงานและวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี แน่นอนว่าด้วยเป็นช่วงวิกฤตและรัฐบาลก็ล่มหมด ทำให้ทุกอย่างเป็นปัญหาที่ต้องรอคนมีอำนาจมาตัดสินใจทั้งนั้น และนั่นก็ทำให้ พัคมูจิน รัฐมนตรสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะถูกปลด ทำให้เขาเป็นคนเดียวในคณะรัฐมนตรีที่ยังมีชีวิตรอดเพราะไม่ได้อยู่ที่อาคารรัฐสภาในวันนั้น ขึ้นมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี โดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเมืองเลย ซึ่งได้ความช่วยเหลือจากกลุ่มเลขาธิการประธานาธิบดีมาเป็นเป็นทีมงานช่วยเหลือให้เขานำพาประเทศนี้ฝ่าวิกฤตไปได้

    รักษาการประธานาธิบดี 'พัคมูจิน' ชายหนุ่มจบ KAIST ที่ถูกชักชวนเข้าวงการการเมืองมาเป็นรัฐมนตรีเพื่อกำจัดปัญหาด้านฝุ่นของประเทศแต่กลับหวยลงต้องมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี(พิมเรื่องนี้ซ้ำไปกี่รอบแล้วนะ5555) คาแรคเตอร์ในเริ่มแรกคือเป็นคนที่ไม่ได้อยากจะมีอำนาจอะไร เขามีปณิธานอย่างเดียวในการเข้ามาเป็นรักษาการประธานาธิบดีคือพาประเทศไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย

    เป็นตัวละครที่ยึดในหลักการค่อนข้างมาก ต่อให้จะดื้อแค่ไหน เขาก็ยังจะคงอยู่ในหลักการเสมอ ในเรื่องมองว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนดี แต่เอาจริงๆแล้วเราไม่ค่อยอยากใช้คำว่าคนดีเท่าไหร่ แต่อยากใช้คำว่าคนที่ยึดมั่นในหลักการทีี่่ตั้งมั่นอย่างถึงที่สุด และด้วยการเป็นคนแบบนี้ทำให้สร้างความปวดหัวกับทีมงานในทำเนียบมาก เพราะไม่สามารถคาดเดาการตัดสินใจของเขาได้ แต่นี่เป็นจุดสร้างความตื่นเต้นของเรื่อง เพราะคนดูก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าในที่สุดแล้วรักษาการประธานาธิบดี พัคมูจินจะตัดสินใจอย่างไร

    เป็นตัวละครที่วางมาอย่างดีมากแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความมึนงง แต่เขากลับเป็นตัวละครที่มีความหนักแน่นและมั่นคงมาก ชอบที่เล่าให้เห็นหลายๆมิติในความเป็นมนุษย์ของตัวละครตัวนี้ ชอบที่ได้เห็นมุมความเป็นพ่อที่พึ่งได้ เป็นสามีที่อบอุ่นของเขา เป็นตัวละครที่มีการพัฒนาที่ชัดมาก เพราะจากตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครตัวนี้เยอะในแบบที่เราคาดไม่ถึง เราชอบการพัฒนาตัวละครตัวนี้มากในแง่การตัดสินใจ หรือการทำงาน 

    และจีจินฮีก็เป็นพัคมูจินได้สมบูรณ์แบบมากๆ การดีไซน์ตัวละครของเขาออกมาสมบูรณ์มาก วิธีการขยับร่างกาย การพูด การเดิน (ส่วนตัวคือเราค่อนข้างชอบจังหวะในการพูดของจีจินฮีมาก ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าเราจะสามารถเชื่อตัวละครตัวนี้ไปได้สุดทาง สมกับเป็นประธานนาธิบดีจริงๆนั่นแหละนะ) และด้วยเป็นตัวละครที่มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด จีจินฮีก็ทำให้เราสัมผัสถึงความแตกต่างนั้นได้อย่างชัดเจน เก่งมากเลย

    ฮันจูซึง หัวหน้าเลขาธิการประธานาธิบดีคนก่อน เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่วางมาเพื่อเป็นคู่มือฝึกสอนให้กับพระเอกโดยเฉพาะ เป็นเทรนเนอร์ให้พระเอกเพื่อเป็นรักษาการประธานาธิบดีที่ดี ความฝันของคุณหัวหน้าเลขาคือการเห็นประเทศที่ดีตามแบบฉบับที่เขาต้องการ และดูจะมีหัวแนวอนุรักษ์นิยมหน่อยๆด้วย 

    ขาเลยมีภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นครูใจดีที่แอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในใจเสมอ เป็นตัวละครที่จะทำให้เรารู้สึกเคลือบแคลงอยู่บ้างแต่ก็จะไว้วางใจเขาในที่สุด ตัวละครนี้ถูกวางมาอย่างดี เป็นตัวละครที่มีความคิดน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเล่าทั้งหมดก็คงจะสปอยล์อีกไม่น้อย 55555

    คุณฮอจินโมเล่นได้เพอร์เฟคมาก ชายหัวอนุรักษ์นิยมผู้แกร่งกล้าไปด้วยประสบการณ์ กับการเทรนด์ชายหนุ่มผู้ยึดมั่นในหลักการให้สามารถปกครองประเทศได้อย่างราบรื่นน่ะ

    ชายองจิน ผู้ช่วยหัวหน้าเลขาธิการที่จับผลัดจับผลูได้ขึ้นมาเป็นกุนซือคนสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองให้กับพัคมูจิน ชายองจินคือคนวัยหนุ่มที่ฝันจะเห็นประเทศนี้พัฒนาไปในด้านที่ดีขึ้น เห็นทำเนียบที่เปลี่ยนแปลง เห็นการเมืองใหม่ๆ แต่ด้วยว่าเป็นคนในแวดวงนี้ ทำให้เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับตัวประธานาธิบดีในหลายๆเรื่อง 

    เป็นอีกตัวละครที่เราได้เห็นการพัฒนาค่อนข้างมาก แน่นอนว่ายังเป็นตัวละครที่ไหวพริบจังและเก่งกาจมากขึ้นเรื่อยๆ และแนวทางการมองเกมส์การเมืองของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดหลังจากได้คอยดูแลพัคมูจิน เรียกได้ว่าเป็นสองตัวละครที่ส่งเสริมการพัฒนาของกันและกันมาก เป็นเลขาชาที่เป็นมองโลกในแง่อื่นมากขึ้นหน่อยนอกจากเกมการเมือง 

    ซนซอกกูดีไซน์เลขาชาได้ออกมาเป็นที่รักของคนดูมาก หลายๆคนคงรักเลขาชามากกว่าคุณรักษาการประธานาธิบดีด้วยซ้ำ 555555 เราชอบการใส่ดีเทลตัวละครของเขามาก เขาทำให้เลขาชามีบุคลิกที่ไม่เคร่งขรึมจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้เล่นจนเกินไปอีกเช่นกัน เขาทำให้ตัวละครตัวนี้พราวเสน่ห์มาก ชอบการใช้ facial expression ในสถานการณ์ต่างๆของเขามาก ในซีนอารมณ์ก็ไปสุดเหมือนกัน ประทับใจเขามากเลย 

    ฮันนาคยอง เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ต้องมาตามหาสาเหตุของการเกิดระเบิดรัฐสภา เป็นตัวละครที่วางมาให้มีความมุทะลุสูง ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ เธอจึงเป็นตัวละครที่พาเราคนดูไปร่วมกันหาความจริงจนสุดทาง เป็นตัวละครที่เราไว้ใจได้ที่สุดในนี้เลย ว่าเธอจะไม่ล้มเลิกอะไรกลางคันแน่ๆ (เป็นตัวละครที่ทำให้ไว้วางใจได้ยิ่งกว่าตัวรักษาการประธานาธิบดีอีกนะ) 

    คังฮันนาเล่นเป็นฮันนาคยองออกมาได้ดีเลยนะ เขาทำให้ฮันนาคยองให้ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป และยังฉายให้เห็นอารมณ์ที่ค่อนข้างหลากหลายของตัวละครตัวนี้ด้วย เพราะเป็นตัวละครที่เจอแต่เรื่องราวชวนปวดหัวตลอดเลย ชอบลุคเขาตอนถือปืนไล่ล่าคนร้ายมาก อย่างเท่

    ตัวละครที่จะพูดถึงเป็นตัวสุดท้ายเรียกได้ว่า 'ไฮไลท์'

    โอยองซอก ชายผู้เป็นภาพลักษณ์ความหวังของประเทศเพราะเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์วินาศกรรมอย่างรัฐสภาระเบิดได้ เขาเป็นสส.สมัยแรกที่เคยเป็นทหารเรือมาก่อน และยังเป็นผู้นำทีมในการรบของประเทศเมื่อ 7 ปีก่อนด้วย 

    ตัวละครตัวนี้เราว่าซับซ้อนมากที่สุดในเรืองเลย เขามีคอนฟลิกกับตัวเองเยอะมากทั้งภายนอกและภายใน ภาพลัักษณ์นุ่มๆของเขาเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ ภายใต้ภาพลักษณ์สุภาพเขาทำให้เรารู้สึกอึดอัดกับการเห็นเขาปรากฎตัวขั้นจนแทบหายใจไม่ออก ทัศนคติภายในที่ขัดแย้งกันเองแบบสุดขั้วอีก และยังมีความเป็นคนอมทุกข์ที่กลายเปนภาพจำของตัวละครตัวนี้ มันเลยเป็นเรื่องยากมากที่จะตีความตัวละครตัวนี้ออกมา 

    แต่อีจุนฮยอกทำออกมาได้ดีมาก เขาคงบรรยากาศอมทุกข์ผ่านภาพลักษณ์ที่เงียบขรึมและเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจได้ยังไง ทุกครั้งที่เห็นนหน้าเขาทำเราทั้งโกรธ และเสียใจร่วมไปกับตัวละครตัวนี้ ต่อให้เกลียดตัวละครตัวนี้แต่ก็จะมีสักแว้บนึงที่เราอดสงสารเขาไม่ได้ นั่นน่าจะเป็นจุดสำคัญของตัวละครตัวนี้เลย เอาจริงๆรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่มีมิติ และซับซ้อนมาก 

    โดยส่วนตัวชอบเขาเล่นบทนี้มากกว่าซอดงแจที่เขาเล่นไว้ใน Secret forest อีก นี่น่าจะเป็นงานมาสเตอร์พีซของอีจุนฮยอกสำหรับเรา ใน Secret Forest ก็ดีมากเพียงแต่รู้สึกว่าตัวละครเขามันไม่ได้ส่งเท่าบทนี้ 

    จริงๆเราค่อนข้างชอบแก๊งผู้ช่วยพระเอกมาก เป็นตัวละครสมทบที่เราได้เห็นการพัฒนาของตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจน อาจเพราะเป็นีรีส์ที่เล่าเรื่องรอบตัวพัคมูจิน เราเลยได้เ็นการพัฒนาของตัวละครพวกนี้ไปพร้อมๆกับการพัฒนาตัวละครของพัคมูจินเอง

    เรื่องราวมิตรภาพอันดีระหว่างคนกลุ่มนี้ทำให้เรื่องไม่ตึงจนเกินไป แวะมีเลิฟไลน์ให้เราได้กรี๊ดกันคอแตกอีกหน่อยเคมีระหว่างนักแสดงก็ดีมากด้วย 

    เราชอบที่เขาใส่บทให้โฆษกเป็นผู้แปรพักตร์มาจากเกาหลีเหนือมาก มันเป็นจุดที่ทำให้เราได้เห็นทัศนคติบางอย่างที่น่าสนใจจากตัวละครนี้




    ซีรีส์เปิดเรื่องได้หนักมาตั้งแต่ต้น เขาเลือกที่จะเล่าด้วยปัญหาระหว่างประเทศก่อนแล้วค่อยบีบสโคปมาเป็นปัญหาในประเทศ ซีรีส์วิพากษ์การมีอิทธิพลของอเมริกาต่อเกาหลีใต้ได้น่าสนใจมาก 

    ประเด็นที่หยิบมาเล่าก็น่าสนใจตั้งแต่เริ่มต้น เขาเริ่มด้วยเรื่องง่ายๆอย่างการลดมาตรฐานการปล่อยไอเสียในการนำเข้ารถยนต์จากอเมริกาว่าส่งผลต่ออากาศของเกาหลียังไง 

    ไปจนถึงอิทธิพลทางการทหารที่มาในรูปแบบของมหามิตรผู้หวังดี (55555) ซีึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์เหนือใต้ที่กำลังจะดีขึ้นตามสนธิสัญญาสันติภาพที่สองประเทศได้ตกลงกันไว้ 

    ซีรีส์เรื่องนี้นอกจากจะวิพากษ์มหามิตรอย่างอเมริกาแล้วยังแวะพูดถึงมุมที่น่าสนใจของเกาหลีเหนือในแง่ที่ไม่ได้เป็นพิษภัยแต่เป็นมนุษย์ด้วย แต่ก็ไม่ได้ romanticize 

    นอกจากนี้ประเด็นถัดมาที่เลือกจะหยิบมาเล่าก็คือปัญหาผู้ลี้ภัยทางการเมือง หรือที่เรียกกันว่าผู้แปรพักตร์จากทางเหนือ แน่นอนอย่างที่ได้บอกไปว่าในคณะทำงานของพระเอกก็มีตัวละครที่มาจากผู้แปรพักตร์อยู่แล้ว 

    แต่ซีรีส์หยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเพื่อเล่าถึงปัญหาตรงนี้ให้เห็นชัดมากขึ้นด้วยการเล่าผ่านเซตติ้งง่ายๆ อย่างการที่นายกรัฐมนตรีโซลกำหนดพื้นที่ที่มีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่เยอะให้เป็นพื้นที่เขตอาชญกรรมพิเศษ เพื่อจะทำให้ชัดเจนขึ้นว่าผู้ลี้ภัยเป็นคนที่อาจะทำให้เกิดการก่อการร้าย เลยได้สะท้อนปัญหาการเลเบลคนลี้ภัยว่าเป็นคนไม่ดีของชาวเกาหลีใต้เอง ทั้งที่เขาก็แค่เลือกเกิดไม่ได้ว่าจะอยู่บนแผ่นดินไหน เราชอบมาก ไม่คิดเลยว่าซีรีส์จะหยิบปัญหาผู้ลี้ภัยมาเล่าในแง่นี้ อันนี้ทำเราประทับใจมาก 

    และเขายังเล่าถึงรักษาการประธานาธิบดีในฐานะผู้บัญชาการกองทัพที่ต้องจัดการปัญหาทางการทหารอีกครั้งในการทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีคลิปที่อ้างว่าเกาหลีเหนือเป็นคนวางระเบิดรัฐสภาทำให้สั่นคลอนความน่าเชื่อถือที่ประชาชนเกาหลีมีต่อความมั่นคงในประเทศ และท่านรักษาการประธานาธิบดีต้องเข้ามาดูส่วนนี้ด้วยตัวเอง นอกจากการทหารแล้ว พาร์ทนี้เล่าถึงการทำการทูตได้น่าสนใจอีกด้วย 

    เรียกได้ว่าช่วงแรกซีรีส์หมดแรงไปกับการเล่าถึงมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ได้หลากหลายและน่าสนใจมาก

     หลังจากที่จัดการกิจการระหว่างประเทศไปแล้ว ปัญหาภายในประเทศก็รอคิวให้แก้ปัญหามากมาย ตั้งแต่ปัญหาการตั้งรัฐมนตรีเฉพาะกิจ ไปจนถึงการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ  และพระเอกที่ถูกตั้งคำถามมากมายถึงความเหมาะสม และความสามารถในการเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ 

    ในเรื่องจะมีทีมฝ่ายค้านคอยตั้งคำถามกับพระเอกอยู่เสมอนั่นก็เป็นเรื่องที่เราเห็นชอบด้วยเลย แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันคือเกมการเมือง แต่อีกส่วนมันคือการตรวจสอบในระบบประชาธิปไตยที่ซีรีส์ได้สื่อให้เราเห็น (เป็นเรื่องโชคดีมากที่ทีมฝ่ายค้านเลือกคว่ำบาตรไม่ไปเข้าประชุมวันนั้น เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือของพรรครัฐบาล) เขาได้สร้างตัวละครฝ่ายค้านที่ไม่ได้แย่เกินไปจนเป็นตัวร้าย แต่ยังเป็นนักการเมืองที่ถือวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย

    การเมืองในประเทศที่พัคมูจินและทีมผู้ช่วยในทำเนียบต้องเจอก็หนักไม่แพ้กัน แต่พัคมูจินก็ยังเป็นตัวละครทืี่คงยึดมั่นในหลักการและเป็นเหตุเป็นผล แน่นอนว่าเลยทำให้ตัวละครตัวนี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็นคนดีเพราะเมื่อเทียบกับนักการเมืองคนอื่นๆที่เคยพบเจอ ก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี แต่เรานี่ ไม่ได้คิดแบบนั้น อย่างที่บอกไป พัคมูจิน สำหรับเราคือคนที่ยึดมั่นในหลักการ และเพราะการที่เป็นคนแบบนั้น ทำให้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอะไรไป ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง เขาจะเป็นคนที่่มีหลักยึดเสมอ

    ทีมงานได้หยิบประเด็นครอบครัวของพัคมูจินก็หยิบมาเล่าได้น่าสนใจมาก เขาใช้จุดนี้ในการสะท้อนความคิดของนักการเมืองมุมต่างๆในซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมาก จุดนี้คือเราชอบมาก (ไม่อยากพูดเยอะเพราะจะเป็นการสปอยล์มากกว่านี้ เราไม่อยากสปอยล์เลย อยากให้ทุกคนไปลุ้นกันเองมากกว่า) มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาก็มีชีวิตส่วนตัวที่เป็นสามีและคุณพ่อของลูกๆ 

    อีกเรื่องหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจคือการพูดถึงกฎหมายเลือกปฏิบัติในเรื่อง กฎหมายเลือกปฏิบัติที่ถูกพูดถึงในเรื่องคือการปฏิบัติคนทุกคนให้เท่าเทียมกันโดยไม่ได้สนใจเชื้อชาติ เพศ อายุ ศาสนา แน่นอนว่าในสังคมปิตาธิปไตยแบบเกาหลีใต้เรื่องนี้เป็นประเด็นอย่างมทากเรื่องเพศเดียวกัน เราจะได้เห็นตัวละครในเรื่องแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายเรื่องนี้ไว้หลายมิติ ทั้งมิติของมนุษยชน ความนิยมของประธานาธิบดี เสียงของมวลชน(อิพวก Homophobia)

    แต่ความคิดเห็นของตัวละครหนึ่งที่น่าสนใจมาก จนเราไม่อาจมองข้ามได้คือการที่เขาโยงเรื่องนี้เข้ากับมิติของอำนาจ ว่าการที่หลายๆคนไม่อยากผ่านกฎหมายนี้เพราะความไม่เท่าเทียมทำให้รู้สึกถึงอำนาจ แต่ว่าไม่กล้าออกมายอมรับ เลยโยนตรงนี้ให้เป็นเรื่อง LGBTQ ผ่านฉากหน้าของคำว่าศาสนาและประเพณี อันนี้รู้สึกว่าน่าสนใจมาก

    และชอบมากที่มีตัวละครในเรื่องที่เป็น LGBTQ บอกว่า กฎหมายเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เขาพิเศษไปกว่าคนอื่น แต่ทำให้เขาเป็นพลเมืองธรรมดาทั่วไป อันนี้เป็นอะไรที่โคตรตรงเป้า

    อีกจุดหนึ่งที่คิดว่าทำมาได้น่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งคำถามถึงเรื่องนี้คือการดิสคัสกันระหว่างคุณโฆษกที่เป็นผู้ลี้ภัยมาจากการหลีเหนือ กับคุณเลขาชายองจินผู้เป็นประชาชนและ CIS HET MEN ในประเทศแบบนี้เถียงกัน มันไม่ใช่ว่าเลขาไม่เห็นด้วย แต่เพราะเลขาห่วงเรื่องคะแนนนิยมของประธานาธิบดี เลยคิดว่าเรื่องนี้ผ่านได้ก็ให้ผ่านก่อน อันนี้ก็มองจากคนที่ยืนอยู่บนพริวิเลจอยู่แล้ว แต่ในฐานะทืี่คุณโฆษกเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศนี้ก็เลยอาจจะมีความคิดเห็นอีกแบบหนึ่ง มันก็น่าสนใจที่เราได้เห็นเขาดิสคัสกันเรื่องนี้ ในมุมมองของเลขาผู้ห่วงคะแนนความนิยมของประธานาธิบดี กับคนกลุ่มน้อยที่มี power dynamic น้อยกว่ามาตลอดในสังคมแบบนี้

    ตรงนี้สปอยล์เต็มๆ ข้ามได้ข้ามนะคะ 555555

    [แน่นอนว่ากฎหมายข้อนี้ถือเป็นจุดสำคัญของการพัฒนาตัวละครพัคมูจินมาก เขาเริ่มชินกับรองเท้าคู่นี้ที่เขาไม่คุ้นชินกับมันมาตลอดแล้ว การบอกผ่านการร่างกฎหมายข้อนี้ และยกไปไว้ในสมัยหน้าทำให้เขานึกถึงตัวเองที่เคยโดนปฏิเสธเรื่องการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน]



    ในพาร์ทของการสืบสวนนั้นก็เล่าได้อย่างน่าสนใจ ทีแรกเรื่องเริ่มมาเป็นสองเส้นเรื่องที่เล่ามาขนานกัน แล้วมารวมกันเป็นเส้นเรื่องเดียวในที่สุด เราค่อนข้างชอบวิธีการวางให้สองเส้นเรื่องนี้มารวมกันมาก ซีรีส์ใช้ฮันนาคยองเป็นตัวหลักในการไขความสงสัยให้คนดูเกี่ยวกับการตามหาความจริงเบื้องหลังการระเบิดรัฐสภาได้ดีเลย

    ความน่าสนใจของพาร์ทสืบสวนคือเรื่องนี้ใช้เป็นแนวทรีโอกึ่งๆตัวละครเดี่ยวในการนำทีมสืบสวน เนื่องด้วยมันยังมีเรื่องราวการเมืองภายในองค์กรหน่วยข่าวกรองที่เป็นปัจจัยหลักด้วย อันนี้ก็น่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่ช่วงนี้เราดูแต่แนวทีม Squad เยอะ และแน่นอนว่าการที่ตัวหลักอย่างฮันนาคยองได้สูญเสียแฟนไปในเหตุการณ์ระเบิด ทำให้ตัวละครตัวนี้มีแรงขับเคลื่อนในการทำคดีมากด้วย




    เราชอบการที่เขาเล่าดีเทลเล็กๆในการบอกเล่าถึงตัวละครแต่ละตัวมาก อย่างการใช้รามยอนในการอธิบายถึงเลขาชาที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาจะรอให้สามนาทีให้รามยอนถ้วยเดือดด้วยซ้ำ หรือจะเป็นการใช้รองเท้าเป็นเมสเสจในการเล่าเรื่องถึงพัคมูจินกับตำแหน่งทางการเมืองของเขา จากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ชินกับรองเท้าผ้าใบง่ายๆ กลับต้องมาสวมรองเท้าพิธีการไว้ตลอด เขาใส่ดีเทลเล็กๆให้ตัวละครไว้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว และยังหยิบยกดีเทลต่างๆที่ทำให้ตัวละครเล่านี้ดูเป็นมนุษย์มาใช้เล่าถึงพัฒนาการของตัวละครอีกด้วย เราเลยจะได้เห็นงานภาพที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับตัวละครเยอะมาก นี่เลยทำให้เราค่อนข้างประทับใจงานภาพที่เล่าเรื่องเก่งแบบนี้

    สิ่งที่ชอบมากอีกหนึ่งอย่าง คือเขาทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ในตัวประธานาธิบดีมากขึ้น ผ่านการเล่าถึงทีมทำงานเบื้องหลังประธานาธิบดีในทำเนียบ การตัดสินใจพลาดของตัวพัคมูจิน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาของตัวละครที่เมื่อมีอำนาจแล้วเป็นอย่างไร 

    เอาจริงๆซีรีส์เรื่องนี้เ็นอะไรที่ลำดับเรื่องเก่งมาก เขาสร้างจังหวะนรกเก่งมากอะ 5555555 แบบเป็นจังหวะที่เรารู้สึกว่ามันจะชิบหายแล้ว และก็ปล่อยให้เราลุ้นต่ในตอนถัดไป เขาบิลด์คนดูเก่งมาก บิล์ดมันทุกช่วง แต่ยังคงมู้ดให้เรื่องมันไม่น่าเบื่อใด้วยอะ เป็นซีรีส์ที่สนุกจนถึงวินาทีสุดท้ายเลย เรื่องนี้เป็นซีรีส์ในแบบที่เราต้องดูไปพอสไปและด่าไปอะ 55555 เป็นแบบนี้ล่าสุดน่าจะตอนดู whisper เมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ดูแล้วลุ้นจนเครียดขนาดนี้ แต่ทีมงานก็ยังแวะใส่ฉากที่เห็นแล้วชวนอมยิ้มเป็นจังหวะเบรกอารมณ์ที่ดีอีกด้วย ชอบการแอบหยอดเลิฟไลน์เล็กๆ ราวกับเป็นน้ำผึ้งให้เราได้เติมยามเดินทางกับซีรีส์มาอย่างเหนื่อยล้า

    อีกเรื่องหนึ่งที่ว่าเจ๋งมาก คือการที่เขาทำให้เราคาดหวังกับพระเอกไว้สูงมาก เขาพาเราไต่ระดับความคาดหวังในตัวพัคมูจินขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็ผลักเราลงจากความคาดหวังนั้นลงมา อันนี้ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกเหมือนกันไหม แต่เรารู้สึกจริงๆ เขาบิล์ดมาว่าเออว่ะ มันจะต้องเป็นแบบนี้แหละ ตามหลักการมันควรจะเป็นแบบนี้ แต่ในตอนสุดท้ายแล้ว เขาก็หักเรื่องลงอีกแบบหนึ่ง ทำเอาเราเจ็บใจมาก นี่อาจจะเป็นการที่ย้ำเตือนเราว่าในท้ายที่สุดแล้วตัวละครตัวนี้ก็ยังเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งนะ




    เนื่องด้วยเป็นซีรีส์การเมืองจ๋าขนาดนี้ ซีรีส์ได้ชวนให้เราตั้งคำถามไว้มากมายหลายประเด็นเกี่ยวกับการเมืองการปกครองประเทศ ประเด็นหนึ่งที่เรายังไม่ได้พูดถึงเลยก็คือสื่อ แน่นอนว่าสื่อมีผลต่อภาพลักษณ์และคะแนนนิยมของประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลเป็นอย่างมาก ซีรีส์ชวนเรามาตั้งคำถามถึงสิทธิที่ประชาชนควรจะได้รับรู้ข่าวสารจากรัฐ กับความมั่นคงของประเทศถ้าข่าวนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือจะสร้างความปั่นป่วนให้กับประชาชนได้ เนื่องด้วยว่าเป็นซีรีส์ที่เล่าในช่วงที่ประเทศดูจะไร้เสถียรภาพที่สุด คำถามนี้เลยถูกตั้งหลายครั้ง แน่นอนว่าตัวละครก็คิดแตกต่างกันไปตามสถานะที่ตัวเองยืนอยู่ แล้วเราเหล่าคนดูละ คิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้

    คำถามถัดมาที่เราว่าเรื่องนี้พยายามเน้น อาจจะเพราะว่าเล่าผ่านการเมืองเกาหลีใต้ที่มีระบบดีกว่าเราเยอะ เขาเลยตั้งคำถามกับการเป็นคนดีซะมาก เอาจริงๆ เราไม่ค่อยชอบที่ซีรีส์เลือกใช้คำว่าคนดี เรารู้สึกว่าคำว่าคนดีมันดูเป็นนามธรรมและจับต้องไม่ได้มาก แบบอะไรคือคนดี เลยอยากจะนิยามว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการที่ยืนอยู่บนสิทธิมนุษยชน และรากฐานประเทศดีกว่า เขาตั้งคำถามถึงการปกครองด้วยคนดีเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนในเรื่องนี้ยืนอยู่บนความคิดที่ว่าโลกตอนนี้มันสกปรกและอยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ในเมื่อระบบมันยากไปก็ต้องตามหาคนที่จะยึดมั่นในหลักการนี่แหละ
    และดูเหมือนว่าเหตุผลหลักที่ทำให้สำนักเลขาธิการจะโปรดปรานรักษาการประธานาธิบดีพัคมูจินแม้กระทั่งเลขาชาที่ดูจะไม่ค่อยเข้าแก๊ปกับเขาในตอนแรก ก็เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ แน่นอนว่าซีรีส์พยายามสะท้อนภาพที่ว่าเบื้องหลังประธานาธิบดีมีคนธรรมดาคอยซัพพร์ตอยู่มากมาย แต่เรากลับมีความคิดเพิ่มเติมที่ต่างออกไปนิดหน่อย เรามองว่าคนในสำนักเลขาที่มองตัวเองเป็น KINGMAKER เพราะเขาคือคนที่ให้คำแนะนำต่อประธานาธิบดี แน่นอนว่าไม่ใช่ประธานาธิบดีต้องเชื่อหรือทำตามที่บอก แต่จะบอกว่าเขาไม่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางเลยก็คิดว่าไม่ได้ และนั่น... เลยทำให้เราแอบรู้สึกแบบนี้กัับสำนักงานเลขา 555555

    คำถามอีกอย่างหนึ่งที่คิดว่าเป็นพอยท์ของเรื่องนี้คือ ระบบประชาธิปไตยเหมาะกับเกาหลีจริงไหม เรื่องนี้จะถูกเล่าผ่านการกระทำต่างๆที่เป็นการบ่อนทำลายกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศนี้ และผ่านความคิดเห็นของตัวละครคนหนึ่งที่เขาแสดงให้เราเห็นมาเรื่อยๆตลอดว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการเลือกตั้งนัก และอยากให้ประเทศนี้ปกครองด้วยความกลัว เพื่อที่ว่าคนจะได้เป็นระเบียบ และยอมรับสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดโดยไม่มีข้อถกเถียง แน่นอนว่าเขาคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศนี้ในแง่มุมของเขา นั่นก็เป็นการตั้งคำถาม และตัวซีรีส์ได้ตอบในแง่มุมของเขาผ่านสุนทรพจน์ของพัคมูจินไว้ว่า "การเลือกตั้งน่ะ อาจจะไม่ใช่หนทางสู่สวรรค์ และไม่มีทางเป็นหนทางสู่สวรรค์ แต่มันคือรากฐานของประเทศประชาธิปไตยแบบนี้"

    นอกจากนั้นซีรีส์ยังชวนให้เราตั้งคำถามถึงการทอดทิ้งผู้เสียสละเพื่อประเทศอีกด้วย ว่าประเทศนี้เห็นค่าของการเสียสละแค่ไหนกัน ทำไมดูเหมือนว่าประเทศจะไม่เห็นค่าของผู้คนที่ต้องเสียสละเพื่อตนเลยละ เพื่อให้บรรลุจุดเป้าหมายสูงสุดคือความมั่นคงของชาติ ชาติตอบแทนพวกเขาเหล่าน้้นอย่างไรบ้าง 

    ----------------------------------------
    จบแล้วกับการดู 16 ตอน เป็นซีรีส์ที่หนักมาก ในแง่ความตื่นเต้นและเครียด ระหว่างดูอดใจไม่ได้ที่จะต้องกดหยุดเรื่องเพื่อตะโกนด่าตัวละคร 5555555555 เรื่องเนื้อหาเยอะมาก เราว่าตัวเองก็น่าจะหลุดไปหลายประเด็น เป็นซีรีส์ที่พลอตแน่นมาก บทก็แน่นมากเหมือนกัน และนักแสดงนี่สุดยอดไปเลย เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์น้ำดีที่ควรค่าแก่การเสียเวลารับชมจริงๆ

    ปล. เราพูดถึงพาร์ทสืบสวนน้อยมาก เพราะพูดมากไม่ได้ มันจะเป็นการสปอยล์เนื้อหาทั้งหมด 55555 แต่ซีรีส์เขาแบ่งพาร์ทที่เล่าถึงการเมืองกับพาร์ทสืบสวนได้ดีเลย และเล่าถึงตรงนี้ได้ดีมากด้วย แต่ไม่อยากสปอยล์จริงๆ

    ขอบคุณมากนะคะที่อ่านมาถึงตรงนี้ เพราะคิดว่าเขียนยาวมากจริงๆ 5555555

    คิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะคะ รออ่านอยู่นะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in