เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกการอ่านmenalin
มี บีฟอร์ ยู
  • "บางครั้งนะ คลาร์ก คุณก็เป็นเหตุผลเดียว
    ที่ทำให้ผมอยากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า"
    - วิลล์ (หน้า 318)



    "มี บีฟอร์ ยู (Me Before You)"

    ผู้เขียน: Jojo Moyes
    ผู้แปล: กฤตยา รามโกมุก และ วิลาส วศินสังวร
    สนพ. เอิร์นเนส, พิมพ์ครั้งที่ 1, มิถุนายน 2559

    ภาพ cover popsugar.com
    ภาพปกหนังสือ readery.co

              "คุณทำให้เวลาหกเดือนนั้นมีค่ายิ่งกว่าที่ผมคิดไว้ คุณทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไม่ต้องทนเหนื่อยล้าจนเกินไป..." (วิลล์, หน้า 386) ลูอิซ่า คลาร์ก หรือ ลู ตกงานกระทันหัน ครอบครัวของเธอก็กำลังลำบาก พ่ออาจจะตกงานในอีกไม่ช้า น้องสาวอยากจะกลับไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย (หลังจากต้องหยุดเรียนก่อนกำหนดเพราะว่าท้อง) ทำให้เธอไม่มีทางเลือกมากนักเมื่องาน "ผู้ดูแล" ผ่านเข้ามาเป็นตัวเลือก งานนี้เงินดีมาก แม้ว่าลูจะกังวลกับการดูแลคนป่วยเดินไม่ได้ แต่เธอก็จำเป็นต้องรับงานนี้เพราะต้องการเงินก้อนนั้นมาจุนเจือครอบครัว ลูไม่เคยคิดเลยว่าโชคชะตาของเธอและเจ้านายหนุ่มบนรถเข็นจะถูกเกี่ยวกระหวัดกันไว้นับจากนั้น

              วิลล์ เทรเนอร์หนุ่มหล่อ รวย เก่ง นักธุรกิจที่กำลังไปได้สวย ประสบอุบัติเหตุขณะข้ามถนนทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว ชีวิตของเขาหยุดชะงักทันที วิลล์ต้องพบกับความทรมานจากความเจ็บป่วยและการใช้ชีวิตบนรถเข็น จากชายหนุ่มแข็งแรง ใช้ชีวิตโลดโผนผจญภัยกับกิจกรรมกลางแจ้งเสมอกลายเป็นชายทุพพลภาพ ภาพความทรงจำ สุขภาพที่อ่อนแอและแรงขับภายในกำลังทำลายเขาอย่างช้า ๆ แล้วลูอิซ่าก็ก้าวเข้ามา เธอพกความสดใสและความจริงใจมาให้เขา เธอทำให้วันอันทุกข์ทนและน่าเบื่อของวิลล์กลายเป็นวันที่เลวร้ายน้อยลงกว่าที่เคย ลูกำลังทำให้เขารู้จักกับความสุขอีกครั้ง...

              เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นของเราเสียราบคาบ ก่อนอ่านนี่ก็มั่นใจพอตัวว่าเราดูหนังมาแล้ว รู้เรื่องแล้ว แน่นอนว่าภูมิคุ้มกันต้องแข็งแรง แต่...สุดท้ายก็ต้องเสียน้ำตาให้กับตัวนิยายอีกจนได้ สำหรับเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี่ต้องยอมรับว่า Emilia Clarke เป็นลูอิซ่าที่น่ารัก สดใส และทำให้เรายิ้มได้ น่ารักจริง ๆ นึกไม่ออกว่าถ้าคนอื่นมาเล่นเป็นลูอิซ่าจะน่ารักได้เบอร์นี้ไหม ลูอิซ่าในหนังสือเราว่าหม่นแสงลงไปเยอะเมื่อเจอลูอิซ่าเวอร์ชั่น Emilia ในหนัง (ส่วน Sam Claflin นี่ก็หล่อบาดจิตบาดใจเหลือเกินพ่อคุณเอ๊ยยยย)

              มาดูกันที่ตัวนิยาย เนื่องจากขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษ บวกกับช่วงที่เริ่มสนใจเรื่องนี้ก็มีข่าวออกมาว่าสนพ. เอิร์นเนสจะนำมาแปลเป็นภาษาไทยพอดี ก็เลยรอ จะได้อ่านฟิน ๆ ไม่ต้องมาแปลเอง พล็อตของเรื่องเราชอบมาก เป็นนิยายรักโรแมนติกที่ไม่ได้เน้นแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่ให้แง่คิดเรื่องการใช้ชีวิต และอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้หลายคนได้เลยนะ จริง ๆ เราก็คล้าย ๆ ลูอิซ่า เป็นพวกไม่เคยออกจากที่ที่คุ้นเคยไปดูโลกภายนอกเท่าไร ก็เลยจะอินเป็นพิเศษ ในหนังสือลูบรรยายตัวเองไว้ชัดเจนมาก "ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดา ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย" (หน้า 30) ในหนังคนดูอาจจะไม่ค่อยรู้สึกว่านางธรรมดา เนื่องจากเสื้อผ้ากับทรงผมนางออกจะแฟชั่นนิสต้าไปนิดหนึ่ง 55

              มี บีฟอร์ ยูฉบับแปลไทยไม่รู้ว่าตอนนี้พิมพ์ครั้งที่เท่าไรแล้ว แต่ฉบับที่เราซื้อมานี่พิมพ์ครั้งแรก พิมพ์ผิดอยู่บ้างบางจุด อ่านแล้วเสียอรรถรสนิดหน่อย หวังว่าจะมีการตรวจทานซ้ำก่อนตีพิมพ์รอบใหม่ นี่เราก็รออยู่ว่าถ้าพิมพ์ใหม่จะเปลี่ยนปกหรือเปล่า ถ้ามีว่าจะซื้อ เพราะอยากได้ปกที่ออกแบบอาร์ต ๆ มากกว่าปก Movie Tie-in อะ เห็นปกเรื่องนี้ภาษาอังกฤษแล้วสวยมากเลย มี 2 แบบ

    รูปประกอบจาก samanthajaynegrubey.wordpress.com

    รูปประกอบจาก chatelaine.com

              พล็อตในหนังกับในนิยายมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกัน ใครดูหนังมาแล้วเราแนะนำให้อ่านหนังสือด้วย น่าจะช่วยให้เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น อย่างเช่น การที่นางเอกไม่เคยออกจากเมืองนั้นไปไหนเลย ไม่มีแรงขับเคลื่อน และออกจะกลัวการเริ่มอะไรใหม่ ๆ นั้นในตัวหนังไม่ได้กล่าวถึง "ปม" ในอดีตบางอย่างซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูเป็นคนขี้กลัวและไม่กล้าไว้ใจใคร และความรู้สึกของพระเอกที่เป็นแรงผลักดันให้เขาตัดสินใจเลือกทางเดินของเขาแบบนั้น ตอนดูหนังบางคนอาจจะรู้สึกขัดใจ แต่ถ้าได้รู้ความคิด ความทรมานใจของวิลล์ที่บรรยายไว้ในนิยายเรื่องนี้ อาจจะพอเข้าใจและยอมรับได้แบบที่เรารู้สึก "มันเป็นทางเลือกของเขา เขาควรเป็นคนเลือกมัน" (นาธาน, หน้า 361)

              คนที่มีแรงขับในชีวิตให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา ชอบเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ แบบวิลล์ เมื่อประสบชะตากรรมเช่นนั้นย่อมจะยอมรับความจริงได้ยากกว่าคนอื่นหลายเท่า การทำร้ายที่ให้ผลรุนแรงและฝังรากลึกที่สุดคือการทำร้ายที่จิตใจ ร่างกายเจ็บปวดอาจจะพอรักษาเยียวยาตามอาการได้ แต่จิตใจที่บอบช้ำนั้นไม่ใช่ความเจ็บไข้ที่คนอื่นจะเข้าไปรักษาได้หากว่าคนไข้เองไม่ให้ความร่วมมือ สำหรับวิลล์ การใช้ชีวิตอยู่กับความจริงว่าวันนี้เขาเดินไม่ได้ ออกไปดำน้ำ ปีนผา ทำงานไม่ได้เหมือนเดิม มันก็คงเหมือนกับถูกหวดด้วยไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ตรงหัวใจในทุกวินาทีที่ผ่านไป แม้ว่าการก้าวเข้ามาของลูจะช่วยทำให้ชีวิตของวิลล์สดใสขึ้น แต่ตอนนั้นเราว่าวิลล์เองบอบช้ำมานานมากแล้ว ลูก็เลยเจอศึกหนักยิ่งกว่าศึกวันทรงชัย

              สำหรับลู การได้มาเจอกับวิลล์นั้นถือเป็นการเปิดโลกใหม่ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอได้รับการปฏิบัติจากคนรอบข้างในแบบที่เรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร พ่อแม่ไม่ได้ให้เกียรติเธอเท่าที่ควร และออกจะดูหมิ่นนิด ๆ ด้วยซ้ำมั้งเพียงเพราะเธอไม่ฉลาดเท่าทรีน่าผู้เป็นน้องสาว ทรีน่าผู้ที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยและดูจะเป็นความหวังของครอบครัว แต่เมื่อลูได้งานเป็นผู้ดูแลของวิลล์และกลายมาเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว พ่อกับแม่ก็ปฏิบัติกับเธอดีขึ้น ช่วงแรกที่รู้จักกัน วิลล์เคยถามลูว่าเธอต้องการอะไรในชีวิต ตอนนั้นลูนิ่งเงียบ เธอไม่มีคำตอบให้คำถามนี้ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เธอมักจะดูถูกตัวเองอยู่เสมอ วิลล์พยายามผลักดันให้เธอก้าวไปข้างหน้า เขามักจะเหน็บแนม ไม่ก็ท้าทายให้เธอทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่กล้าทำมาก่อน "คุณมีแค่ชีวิตเดียว คุณมีหน้าที่ต้องใช้มันให้เต็มที่" (หน้า 231) เขาทำให้เธอค้นพบศักยภาพในตัวเอง

              คนหนึ่งได้รักอีกครั้ง ส่วนอีกคนได้เรียนรู้ที่จะออกไปใช้ชีวิต...

    And if you hurt me, that's OK, baby, only words bleed inside these pages.  You just hold me, and I won't ever let you go.
    Wait for me to come home...

    (Ed Sheeran, Photograph)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in