เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Ode to BTSjahgi
Spring Day in Winter: Another Concept of Happiness

  • เมื่อความสุขคือฤดูใบไม้ผลิที่ซ่อนอยู่ใต้ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ



     Notes:

    บทความว่าด้วยความสุขในMV Spring Day - BTS

    ดัดแปลงจาก paper ที่ใช้ส่งในวิชา Reading and Analysis for the Study of English Literature ( ปี 2017) หากข้อมูลผิดพลาด ขออภัยไว้ ณ ที่โน้นนนนค่ะ 55555  

    *เป็นแค่การ analyze ของผู้เขียน โปรดใช้วิจารณญาณ 


     



    “When spring come, even the false spring, there were no problems except where to be happiest. The only thing that could spoil a day was people and if you could keep from making engagements, each day had no limits. People were always the limiters of happiness except for the very few that were as good as spring itself.” (Ernest Hemingway, A movable Feast)
             

     

    Happiness in the Garden


     

              เมื่อพูดถึงความสุข แต่ละคนต่างก็นึกถึงอะไรที่ต่างกันออกไป และเมื่อต้องเปรียบเทียบ ความสุขจึงกลายเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมได้หลากหลายแบบ เช่น ความสุขของฉันคือการได้ฟังเพลงบังทัน ในที่นี้ BTS ใช้ฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวแทนการอธิบายสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามอย่างความสุขและความทุกข์

                สำหรับการจะพิจารณา MV นั้น จำเป็นต้องดูเนื้อเพลงประกอบ โดยเนื้อหาของเพลงพูดถึงการที่ต้องอยู่ห่างไกลจากคนที่เรารักและเฝ้ารอคอยที่จะเจอกันอีกครั้ง ในกรณีนี้คือกลุ่มเพื่อนเจ็ดคน (ถ้าเชื่อมกับ BU** ก็คงเป็นช่วงที่ทั้งเจ็ดคนแยกย้ายกันไป) และแม้เพลงจะใช้ชื่อว่า Spring Day แต่ตัวเนื้อเพลง รวมถึงฉากใน MV ต่างก็เกี่ยวข้องกับฤดูหนาวทั้งสิ้น


                 “이젠 얼굴 한 번 보는 것도 힘들어진 우리가여긴 온통 겨울 뿐이야 8월에도 겨울이 와”
                 “การจะเจอหน้ากันสักครั้งกลายเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว ที่นี่เหลือแต่เพียงฤดูหนาว
                  แม้แต่เดือนสิงหา ฤดูหนาวก็มาเยือน”
                  (*เดือนสิงหาถือเป็นฤดูร้อนในเกาหลี)

               การนำฤดูหนาวเข้ามาใช้ในเพลง เป็นการใช้สัญลักษณ์ (symbol) แทนความเศร้า เพื่อให้เห็นว่าความเศร้าที่ต้องจากกับใครสักคนนั้นก็เหมือนกับฤดูหนาว ช่วงเวลาที่แสนเหงา อ้างว้าง และหนาวเหน็บ เราติดอยู่ในนั้นโดยหวังว่าฤดูใบไม้ผลิ (ความสุข) จะมาเยือนเสียที นอกจากนี้ ในเกาหลีมักจะอธิบายถึงฤดูใบไม้ผลิว่า "따뜻하다" ซึ่งหมายถึงรู้สึกอุ่น (อุ่นขึ้นจากฤดูหนาว)  การเปลี่ยนผ่านมาเป็นฤดูใบไม้ผลิจึงเปรียบได้กับเรื่องราวดี ๆ นั่นเอง

              ในบทความเรื่อง “Regarding Happiness” ชาร์ลส์ แบ็กซ์เตอร์ได้ให้นิยามความสุขเอาไว้ว่า เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ของมนุษย์ เปรียบได้กับสวนดอกไม้ท่ามกลางไฟแห่งความทุกข์ทรมาน

               เราจะรู้จักความสุขได้ดีขึ้นก็ต่อเมื่อรู้จักความทุกข์เสียก่อน ก็คงเหมือนตอนรอคิวหน้าร้านอาหาร พอถึงเวลาได้ทานอาหารที่รอมานานก็รู้สึกอร่อยขึ้น ความสุขใน Spring Day เองก็เช่นกัน เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ของกลุ่มคน 7 คน การมีอยู่ของฤดูหนาวจึงทำให้ฤดูใบไม้ผลิที่พวกเขารอคอยมีคุณค่ามากขึ้น



                

    Happiness is something you remember

     

                ใน MV มีฉากที่จองกุกนั่งอยู่ข้างหน้าต่างรถไฟ  เหม่อมองเหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง ตัดกับฉากที่ทั้งเจ็ดคนอยู่ด้วยกัน เล่นสนุกกันด้วยรอยยิ้ม จึงเข้าใจได้ว่าเขากำลังหวนระลึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อน ไม่ใช่แค่จองกุก แต่คนอื่น ๆ เองก็กระจายไปอยู่ในที่ที่ต่างกันเพียงลำพังเช่นกัน (โดดเดี่ยวด้วยกัน-- getsunova...)

               “Happiness isn’t something you experience, it’s something you remember” (Levant)

             หลายครั้งความสุขก็เป็นสิ่งที่เราจดจำได้ ไม่ใช่สิ่งที่เราเผชิญ ในช่วงเวลานั้นเราอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเจอคือความสุข ตอนคุยเล่นกับเพื่อน หรือเล่นอะไรแผลง ๆ อะไรที่เป็นเหมือนเรื่องทั่วไป แต่เมื่อมองย้อนกลับมาถึงได้พบว่า ตอนนั้นเรามีความสุขนะ

               รถไฟออกเดินทางไปเรื่อย ๆ แต่ความคิดของจองกุกก็ยังย้อนกลับมาตอนที่ได้อยู่ด้วยกันกับเพื่อน เพราะถึงแม้ฤดูหนาวจะทำให้หนาวและโดดเดี่ยวไปจนถึงหัวใจ  แต่พอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ยังอยู่ด้วยกัน มันก็กลายเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นมาให้หัวใจอุ่นขึ้น

               เพราะช่วงเวลานั้นนั่นแหละ ที่เป็น ฤดูใบไม้ผลิ ของเขา



              

      

    Our Omelas 


                    ตึกที่ทั้งเจ็ดคนอยู่ด้วยกัน มีป้ายติดอยู่ว่า “Omelas” ซึ่งเป็นการอ้างถึง (allusion) เรื่องสั้นของ Ursular K. Le Guin ชื่อเรื่อง “The Ones Who Walk Away from Omelas” (ต่อจากตรงนี้จะสปอยล์เนื้อหาสำคัญ)

              เรื่องนี้พูดถึงเมือง Omelas ที่ซึ่งผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จัดงานรื่นเริงบันเทิงใจ แต่ทว่าความสุขนั้นมีเบื้องหลังที่ไม่น่าอภิรมย์นัก กล่าวคือ มีเด็กคนหนึ่งถูกจับมาขังเอาไว้ในห้องใต้ดิน โดยเชื่อว่าความทุกข์ทรมานของเด็กคนนี้จะทำให้ทั้งเมืองมีแต่ความสุข คนในเมืองบางคนที่รู้ความจริงอันน่าโหดร้ายนี้ก็ตัดสินใจหันหลังให้เมืองนี้แล้วเดินจากมา

             จะเห็นได้ว่าเมืองแห่งนี้ปฏิเสธความทุกข์โดยสิ้นเชิง หากมีสุขก็ต้องไม่มีทุกข์ มีทุกข์ก็ต้องไม่มีสุข เป็นเหมือนขั้วตรงข้ามที่ไม่มีทางบรรจบกัน แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งสองอย่างจำเป็นต้องเกิดควบคู่กันไป ไม่มีใครที่จะสามารถอยู่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้ตลอด

               Omelas จึงเป็นตัวแทนแห่งยูโทเปียของทั้งเจ็ดคน เป็นเหมือนที่ที่พวกเขานึกถึงแต่ความสุข พยายามลบความเศร้าออกไป แต่ความสุขนั้นก็ไม่ได้ถาวรอย่างที่คิด และความเศร้านั้นก็ไม่สามารถลบออกไปได้อย่างแท้จริง เหมือนสวนดอกไม้สีชมพูที่แท้จริงรายล้อมด้วยไฟนั่นแหละ


    No darkness, no season lasts forever 


                อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าเราไม่สามารถมีความสุขโดยปราศจากความทุกข์ได้ การยอมรับว่าความเศร้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเองก็สำคัญ แต่อย่างไรความเศร้าที่ว่านั้นก็ไม่ได้อยู่ตลอดไป เพราะจริง ๆ แล้วทุกอย่างต่างหมุนวนเป็นวัฏจักร เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป ฤดูใบไม้ผลิก็จะมาเยือนอีกครั้ง และจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าในเอ็มวีมีอะไรหลายอย่างที่สื่อถึงวงโคจรดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ม้าหมุน เครื่องซักผ้า และบันไดที่หมุนวน

               จองกุกยึดติดกับความทรงจำในอดีต พยายามจุดไฟที่มอดขึ้นมาใหม่ หวนกลับไปที่เดิมครั้งแล้วครั้งเล่า เขาหลงทางในความทรงจำของตัวเอง วิ่งหาอะไรบางอย่างในห้องที่ปิดไฟ  ถ้ามองในแง่จิตวิทยาอาจจะเป็นตัวน้องที่อยู่ในจิตใต้สำนึก ที่คอยแต่จะมองหาพี่ ๆ ในขณะที่ตัวตนที่แท้จริงก็ต้องมุ่งหน้าไปตามทางของตัวเอง

               เด็กหนุ่มทั้งเจ็ดมองไปยังต้นไม้ที่แห้งเฉาด้วยความโหดร้ายของฤดูหนาว

               จริง ๆ แล้ว ความสุขของทั้งเจ็ดคนอาจเป็น การปล่อยวาง และความหวัง ก็ได้ หวังว่าสักวันจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ณ ปลายเส้นทางรถไฟ ทิ้งรองเท้าเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ไร้ใบ รอคอยให้สายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมา เพื่อที่ดอกไม้จะงอกงามขึ้นใหม่อีกครั้งในอนาคต

                


                 ความสุขคือฤดูใบไม้ผลิที่ซ่อนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เพราะเราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยปราศจากความทุกข์ได้  ขอแค่สร้างฤดูใบไม้ผลิที่เป็นของเราขึ้นมา หรือหวังไว้ว่าฤดูหนาวจะจบลงในไม่ช้าก็เพียงพอแล้ว



    --------
    **BU: BTS Universe เส้นเรื่องหลักของบังทันโซนยอนดัน พูดถึง เด็กหนุ่มทั้งเจ็ดที่มีบาดแผลมารวมตัวกัน แต่มีเหตุให้ต้องแยกกันไป ก่อนจะมารวมตัวอีกครั้ง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mrpuppysamoyed (@mrpuppysamoyed)
เขียนเหี้ยอะไรปัญญาอ่อน
injoinme (@injoinme)
@mrpuppysamoyed ถ้าคิดอะไรๆไม่ได้ ก็อย่าพิมพ์แบบนี้ออกมาเลยค่ะ ถ้าคุณได้มาอ่านคอมเม้นท์คุณตอนที่คุณคิดได้แล้วจะเสียใจค่ะ