ไฟแดงวาบจากปลายมวนบุหรี่ดูร้อนแรงแย้งกับความยะเยือกของสายฝนยามเย็นที่พรำลงมาอย่างไม่ขาดสาย อากาศร้อนชื้นปนละอองน้ำสร้างความครั่นกายให้ผมที่นั่งโดดเดี่ยวในป้ายรถเมล์บนถนนบางนา-ตราด 
มองไปในความมืดครึ้มเห็นหญิงสาวชุดสูทสีฟ้าอ่อนทะมัดทะแมง ถือร่มใสโปร่งแสงวิ่งฝ่าฝนออกจากซอยตรงมาที่ผม เมื่อถึงเธอมองมาที่ผม พยักหน้า ยิ้มอ่อน ๆ แล้วเก็บคืนกลับอย่างรวดเร็ว ในวันฟ้าหม่นแบบนี้ช่างขับรอยยิ้มให้ชัดเจนและติดตา เธอหุบร่ม คว่ำปลายแหลมให้น้ำไหลลง เคาะเบา ๆ ก่อนเสยผมที่เปียก ผมดับบุหรี่มองเธอเดินค้อมตัวเลยไปนั่งอีกฝั่ง กลิ่นความสดชื่นโชยเข้าจมูก 
“เธอ… มากับฝน” เพลงเก่าติดหูที่นึกไม่ออกว่าเป็นของใครผุดขึ้นมาในหัว 
ผมแอบชำเลืองมองเธอบ่อย--คิดว่าเธอรู้นะ 
ต่อด้วยอาการระส่ำระสายอยากเข้าไปทักทายเธอ แต่สิ่งที่รั้งข้อเท้า ร่างกาย และหัวใจของผมไว้คือ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาก่อนนี้
 “คุณไม่เคยเข้าใจฉัน ไม่เคยเลย… ” 
คำพูดสุดท้ายในวันที่ จิ๊บ จากไปเมื่อเดือนก่อน 
ใช่! ผมไม่เคยเข้าใจว่าเธอต้องการอะไร ตลอดเวลาที่คบกันมาปีกว่า มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายเรียกร้องต่าง ๆ นานา มองความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง รับบทผู้นำที่ไม่เคยชายตามองเหล่าผู้ติดตาม จนกระทั่งสุดท้าย หัวใจดวงเดียวที่เธอมีก็ไม่อาจทนไหว ในวันที่ฝนสาดกระหน่ำเช่นวันนี้ จิ๊บ เดินฝ่าม่านน้ำหนาสีเทาและหายไปจากชีวิตผม
ผมพบว่า ตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปหาใคร ด้วยรู้ว่ายังไม่สามารถมอบอะไรหรือทำตามความต้องการของใครได้ และที่สำคัญไม่อยากสร้างความเจ็บปวดให้ใครอีก… 
แต่ผมอดที่จะเหลือบมองเธอไม่ได้ ด้วยหัวใจที่ถูกหุ้มด้วยความรัก ในโมงยามนี้ ชั่วโมงนี้ นาที และวินาทีนี้ ผมรู้สึกรักเธอไม่น้อยกว่าผู้ชายคนใดในโลก แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอจะเหลือบมองผมกลับมา เธอเหม่อลอยไปข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ผิวหน้าดูขาวสะอาดเปล่งแสง มีน้ำไหลผ่านจมูกและริมฝีปากสีชมพูระเรื่อลงไปค้างที่ปลายคาง ผมด้านหน้าปอยหนึ่งย้อยเฉียงลงมาถึงปลายคิ้ว ละอองฝนเกาะสะท้อนแสงไฟคล้ายมีอัญมณีประดับ เธอเม้มปากแล้วสองมือก็ประสานกันบนกระเป๋าถือสีน้ำตาลที่วางอยู่เหนือหน้าตัก 
ในความนิ่งที่ปรากฏผมไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอตั้งใจรอคอยรถเมล์ รอคอยให้ผมเข้าไปพูดจากทำความรู้จัก หรืออาจทำตัวเหมือนไม่มีชีวิตดีกว่าต้องเหลียวมาสบตากับผม... ฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ ความอึมครึมสอดแทรกในท่วงทำนองแห่งฝน…
แน่ใจแล้วว่าถึงผมกล้าที่จะเข้าไปทักทาย เธอก็คงแค่ยิ้มรับ พยักหน้า ตอบบางคำถามแบบแกน ๆ ผมถอนหายใจ กระพริบตาแล้วหันกลับมามองหารถประจำทางสายที่ต้องการ 
เธอขยับตัว จับกระเป๋าและหยิบร่ม เคาะให้สะเด็ดน้ำอีกครั้ง เธอลุกขึ้นโบก รถประจำทางสาย ๑๘๒ จอดเทียบ ประตูเปิดเสียงตึงตัง ไม่มีผู้โดยสารลง มีเพียงแผ่นหลังของเธอที่ค่อย ๆ หายไปในแสงไฟสีส้มภายในตัวรถ 
ก่อนทุกอย่างเคลื่อนจากไป ผมลุกขึ้นยกมือ คำพูดที่จุกค้างในลำคอทะลักออกมา “จิ๊บ!” มันแผ่วเบา อ่อนแอกว่าเสียงกระซิบ ละลายไปกับบรรยากาศแห่งความพิพักพิพ่วน มือยังค้างเติ่งแต่รถเคลื่อนไปแล้ว ความหนาวเหน็บเกาะกินปลายนิ้ว 
ไม่มีการเหลียวมองกลับมาของเธอ มุ่งมั่น 
แน่วแน่และตัดขาดอย่างสิ้นเชิง… 
 
ผมจุดบุหรี่ตัวใหม่อีกครั้ง สูดเร่งแสงราวกับต้องการให้มันมอดไหม้ตัวผมเอง ควันคลุ้งปกคลุมใบหน้าราวเมฆบนท้องฟ้า สายฝนบรรเลงทำนองแสนเศร้า เนื้อเพลงในหัวเปลี่ยนเป็นท่อน “ฝนเทกระหน่ำ เธอหาย...ไป” 
ทุกอย่างดับวูบไปคล้ายกับเปลวเทียนอ่อนไหวพร้อมควันฟุ้งกระจายที่ค่อย ๆ หายไป 
ราวกับไม่เคยมีตัวตน ลบเลือนความสัมพันธ์อย่างตั้งใจ… 
เราไม่รู้จักกันแล้ว… 
กลายเป็น ค น แ ป ล ก ห น้ า ของกันและกัน
ลิง
15.9.16
 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in