"เวลาผมชอบอะไรมากๆ ผมชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น"
ผมว่าใครๆ ก็เป็นนะ
ตอนมัธยมต้นผมติดเกม เลิกเรียนเป็นต้องเข้าร้านเกมกับเพื่อนจนเจ้าของร้านสนิทใจพอจะฝากร้านไว้กับผมเวลาไปไหนมาไหน
แต่ความชอบและหลงใหลในเนื้อเรื่องของเกมกลับส่งผลให้ผมชอบออกแบบตัวละครของตัวเองบนหน้ากระดาษ วาดออกมาจากน้ำมือและจินตนาการในสมอง และคิดระบบเกมของตัวเองเล่นๆ ผมวาดหน้าจออินเทอร์เฟซออกมาเป็นฉากๆ
และทุกวันนี้ิผมก็ยังคงวาดรูปและออกแบบตัวละครอยู่เหมือนเดิม
แค่เปลี่ยนจากวาดมาเป็นเขียนมากขึ้นก็เท่านั้น
พอมัธยมปลายจับพัดจับผลูอะไรไม่รู้จนกลายเป็นติ่งเกาหลี
บางคนอาจมองว่าไร้สาระเหมือนเด็กติดเกม
แต่สิ่งที่ผมได้จากการเป็นติ่งคือผมเข้าร้านหนังสือซื้อตำราสอนภาษาเกาหลีเบื้องต้นมานั่งเรียนด้วยตัวเองหลังเลิกเรียนวันละ 2 ชั่วโมง
ตั้งใจกว่าอ่านหนังสือสอบซะอีก
ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองมีระเบียบแบบแผน มีการจัดวางเวลาที่ดี เวลานี้อ่านหนังสือสอบของโรงเรียน ชั่วโมงต่อไปอ่านเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ชั่วโมงต่อจากนั้นอ่านเพื่อฝึกฝนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
"ผมฝึกเพื่อจะได้เข้าใจภาษา เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้น"
ตอนนี้ผมเลิกติ่งแล้วก็จริง แต่ผมยังอ่านภาษาเกาหลีได้อยู่ ถึงจะแปลไม่ได้ แต่การอ่านได้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีและถือเป็นคลังข้อมูลที่เหลือติดตัวไปใช้ได้ในอนาคต
ผมไม่รู้ว่าความชอบของผมเท่ากับของคนอื่นรึเปล่า แต่ผมว่าคนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนผมนี่แหละ
"การได้รักอะไรสักอย่าง ได้ชอบอะไรสักอย่าง จะทำให้คุณมีเป้าหมาย มีแรงจูงใจ"
บางครั้งตัวคุณเองอาจมองว่ามันไร้สาระไปบ้างในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ แต่เชื่อเถอะ คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่คุณทำมันให้อะไรกับคุณ
......
ตลอดเวลายาวนานตั้งแต่จำความได้จนถึงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เหมือนผมจะอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบมาโดยตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งช่วงใกล้จบมัธยมปลายกลับมีสิ่งหนึ่งที่ผมหาไม่เจอ
กีฬา
หลังเลิกเรียนผมเห็นเพื่อนนัดกันเตะบอลที่สนามของโรงเรียน บางกลุ่มแยกย้ายกันไปซ้อมดนตรี บางคนก็ไปเล่นบาสเกตบอล บางคนไปเดินเล่นสยาม
ตอนนั้นทำให้ผมรู้ว่าตัวเองชอบหมกตัวอยู่กับบ้านมากแค่ไหน ผมมีเพื่อนสนิทก็จริง แต่หลังเลิกเรียนผมแทบไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนนอกจากแถวโรงเรียน ผมกลับบ้าน เอาเวลาไปติ่ง ดูหนัง ฟังเพลง แต่งนิยาย วาดรูป อ่านหนังสือ
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองควรหากิจกรรมนอกบ้านทำบ้างได้แล้ว
วันหนึ่งตอนกินข้าวเย็นกับที่บ้าน หนังหุ่นยนต์บุกโลกชื่อดังกำลังถูกฉายบนจอทีวีผ่านระบบเคเบิ้ลเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมชอบ มีพระเอกชื่อ แซม วิทวิคกี้ เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้ดวงดีหรือไม่ดีไม่ทราบมีรถที่ดันกลายร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ซะอย่างนั้น
ผมจำได้ดี
ฉากที่แซม ตัวเอกในเรื่องวิ่งกระโจนข้ามกระโปรงรถที่จอดขวางหน้าก่อนทิ้งตัวไถลไปกับพื้นลอดใต้ท้องรถอีกคันเพื่อไปหาเพื่อนหุ่นยนต์ของเขา
แค่ 10 วินาที เท่านั้น
ทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่านี่แหละคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้ จะบอกว่าชอบเพราะเท่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ที่ผมชอบเพราะมันเป็นการเคลื่อนไหวที่สวยงามมาก ทุกวันนี้ย้อนกลับไปดูก็ยังอดชมไม่ได้อยู่ดี และดันเป็นฉากเดียวที่เวลาได้ยินชื่อหนังแล้วจะนึกขึ้นมาได้
หลังมื้อเย็นผมนั่งหาทันทีว่าการเคลื่อนไหวในฉากที่เห็นนั้นเรียกว่าอะไร ผมรู้แหละว่ามันต้องมีแน่แค่ผมไม่รู้ และไม่นานผมก็หาเจอ
มันคือ ปากัวร์
แต่สิ่งที่เห็นบนยูทูบมันไกลเกินฉากในหนังมาก ในหนังแค่วิ่งข้ามรถข้ามสิ่งกีดขวาง แต่ที่ผมเห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าคือการตีลังกาหลายตลบราวกับนักยิมนาสติก การเคลื่อนไหวแบบที่ผมหามีอยู่ก็จริง แต่แทบเรียกว่าเศษเสี้ยว
ผมหาข้อมูลว่าในประเทศไทยมีคนเล่นไหม แต่ไม่เจอ รู้อีกทีก็ในห้องเรียนเพราะเพื่อนบอก
“เย็นนี้มึงไปกับกู อยู่แค่สวนสาทรนี่เอง”
ต้า เพื่อนสนิทในห้องคนหนึ่งผู้ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลและเล่นกล้ามเป็นพิเศษ มันรู้ว่ามีคนเล่นกีฬานี้ก็เพราะมันชอบไปเล่นกล้ามและเล่นบาสฯ ที่สวนเป็นประจำ
……
หลังเลิกเรียน ผมกับต้าและเพื่อนอีกคนพากันไปที่สวนสาทรทันที
ภาพแรกที่เห็นเหมือนกับที่ผมเห็นในหนังราวกับแปะวาง เปลี่ยนก็เพียงสถานที่ ผมเห็นกลุ่มคนหลายสิบ บ้างโหน บ้างกระโดด บ้างกระโจนข้ามแท่นปูน นี่แหละกีฬาที่ผมตามหา ผมยังจำความคิด ณตอนนั้นได้
แต่วันนั้นผมยังไม่ได้เล่น ผมกับเพื่อนแค่นั่งดูเฉยๆ
"เราจะเล่นกันจริงๆ เหรอวะ"
เพื่อนสองคนที่พาผมมาดูพอเห็นเขาเล่นก็เกิดความอยากเล่นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ลังเลเพราะบางท่าช่างน่าหวาดเสียวเหลือเกิน แต่ผมตัดสินใจไปแล้วนี่ ก็เลยปลุกปั่นพวกมันให้มาเล่นเป็นเพื่อนซะเลย ซึ่งก็ได้ผล
ตอนนั้นผมตอบกลับเพื่อนทั้งสองแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
"เออดิ"
……
อ่านตอนที่เเล้ว กดที่นี่!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in