คุณอาจต้องซูมกว่า 300% ในแผนที่ยุโรป เพื่อเห็นขนาดประเทศของพวกเขา แต่ประเทศที่โดนสวิสเซอร์แลนด์กับออสเตรียโอบรัดไว้อย่างเหีนยวแน่นเช่น ลิคเทนสไตน์ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมาย ทั้งการไม่มีภาระทางทหาร ทำมาหากินกับสแตมป์ และการเป็นที่หลบภัยของเหล่าบรรดานักธุรกิจจากทั่วโลก


1. ชื่อประเทศ ลิคเทนสไตน์ ได้มาจากชื่อราชวงศ์เจ้าของแผ่นดินเล็กๆ แห่งนี้ ราชวงศ์ลิคเทนสไตน์สถาปนาขึ้นในปี 1699 ซึ่งมีเชื้อสายเยอรมัน และเป็นส่วนหนึ่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มสมาพันธ์แห่งเยอรมัน และแยกตัวออกมาในปี 1866 สถานะของประเทศที่เป้นาชรัฐเล็กๆ ทำให้ประมุขของประเทศสูงสุดมีตำแหน่งเป็นเจ้าชาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการปกครองของเจ้าชาย ฮันส์ อดัม ที่ 2 ขณะที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเพิ่งเปิดให้มีเลือกตั้งเพียง 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ของประเทศ คือปี 2009 และ 2013 โดยล่าสุดเป็นรัฐบาลของพรรคประชาชนก้าวหน้า ซึ่งได้รับเลือกจากผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 15,000 คน จากผู้มีสิทธิทั้งประเทศ 19,000 คน

(ฮันส์ อดัม ที่ 2, ภาพโดย en.wikipedia.org/wiki/Hans-Adam_II,_Prince_of_Liechtenstein)

2. ลิคเทนสไตน์ไม่มีกำลังทหาร กองทหารกองสุดท้ายที่ราชวงศ์ปลดประจำการ เกิดขึ้นในปีที่พวกเขาแยกตัวออกมาจากสมาพันธ์แห่งเยอรมัน คือ ปี 1866 ซึ่งมีกองกำลัง 80 คน เนื่องจากขาดงบประมาณ และไม่มีความจำเป็นในการสู้รบ เนื่องจากได้รับความคุ้มครองจากสวิสเซอร์แลนด์ ลิคเทนสไตน์ยุคก่อตั้งประเทศต้องสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด ขณะที่รายได้เข้าประเทศมีไม่มากนัก โรงงานแห่งแรกของประเทศก่อตั้งขึ้น 1836 ขณะที่ปี 1861 พวกเขาเพิ่งมีระบบธนาคารสำหรับการฝากและกู้ยืม ขณะที่ระบบคมนาคมเพิ่งสร้างอย่างสมบูรณ์ ภายหลังจากมีอธิปไตยของตัวเอง 20 ปี

3. ลิคเทนสไตน์ เป็นเหมือน โมนาโก ในหุบเขาลึก เพราะมีนักลงทุนมาอาศัยอยู่ในราชรัฐเล็กๆ นี้จำนวนมาก เพราะแรงจูงใจทางภาษี ซึ่งลิคเทนสไตน์เป็นประเทศที่มีการเก็บภาษีน้อยเป็นอันดับ 2 ของยุโรป ด้วยความที่ประชากรน้อยและอยู่เหนือเส้นความยากจนทั้งหมด ทำให้ GDP per capita ซึ่งวัดรายได้ประชาชาติต่อหัวของลิคเทนสไตน์ สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก คือ 89,400 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

4. อย่างไรก็ตาม ลิคเทนสไตน์เคยถูกวิจารณ์เรื่องสิทธิของผู้หญิงในประเทศ แม้เสียงวิจารณ์จะไม่ดังมากเท่าไหร่ เพราะเป้นประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีผลประโยชน์อะไร แต่พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นประเทศสุดท้าย ที่ให้สิทธิการออกเสียงทั้งประชามติของผู้หญิงเป็นประเทศสุดท้ายของยุโรป เมื่อ ปี 1981

5. ตำรวจที่ลิคเทนสไตน์แทบไม่เคยจับโจร ประเทศนี้ไม่มีผู้ถูกคุมขังในสถานเรือนจำแต่อย่างใด ถึงจะมีการสร้างคุกไว้รองรับก็ตาม ตำรวจจำนวน 90 คนที่ประเทศแห่งนี้ จึงเน้นภาระงานด้านรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองเสียมากกว่า และถ้าหากมีการจับคุมขังนักโทษด้วยระยะเวลาเกิน 2 ปี พวกเขาจะส่งไปให้เพื่อนบ้าน อย่างออสเตรียคุมขังแทน

6. ลิคเทนสไตน์มีโรงพยาบาลแห่งเดียวอยู่ที่วาดุซ เมืองหลวงของประเทศ ชื่อ Liechtensteinische Landesspital แต่ไม่ต้องห่วง ด้วยพื้นที่ทั้งประเทศ 160 ตารางกิโลเมตร แม้คุณจะอยู่ที่เมืองอื่น ขับรถไม่ถึง 10 นาทีก็เข้าเมืองหลวงแล้ว และโรงพยาบาลวาดุซก็มีเทคโนโลยีที่ทันสมุย รวมถึงระบบขนส่งที่สามารถพาตัวไปรักษาต่อที่สวิสเซอร์แลนด์ หรือออสเตรียได้ทันท่วงที