เพื่อนตอนม.ต้นจะมาเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวเลยมาค้างกับเราสองคืนระหว่างที่ยังอยู่โตเกียว แชร์เฮ้าส์ของเรามีกฎว่าสามารถนำคนนอกมาค้างได้ไม่เกิน 4 คืนต่อ 1 เดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อนเราก็เลยค้างได้สบายๆ เราตื่นเต้นกับการมาของเพื่อนเพราะไม่ได้เจอคนไทยที่รู้จักตัวเป็นๆมาเดือนกว่าๆแล้ว แถมเพื่อนคนนี้ไม่ได้เจอกันบ่อยมากเพราะอยู่คนละโรงเรียนกันตอนม.ปลาย คล้ายกับเป็นการรียูเนี่ยนเลย
เพื่อนมาถึงวันที่ 12 พฤษภาคม นัดเจอกันที่ฮาราจุกุ11โมง แต่ว่านาฬิกาปลุกเราไม่ดังเลยมาถึงเลตสุดท้ายก็เจอกันเที่ยงครึ่ง พวกเราไปเดินงาน Thai Festival ด้วยกัน เป็นงานที่เราอยากไปมาตั้งแต่สองปีที่แล้วแต่ต้องกลับไทยก่อนเลยพลาดไป งานนี้จัดแค่ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น เหตุผลที่รู้จักงานนี้เพราะเคยดูคลิปคนไทยไปสัมภาษณ์คนญี่ปุ่นที่มางาน Thai Festival แล้วบรรยากาศดูคึกคักน่ามามากๆ
ที่งานมีบูธอาหารไทยให้เลือกเยอะเลย ไม่เคยรู้สึกอยากกินอาหารไทยขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งวันนี้นี่แหละ ที่ผ่านมาก็กินแต่ราเมง โซบะ ข้าวหมูทอด เทมปุระวนไปเรื่อยๆ มาวันนี้ได้กินส้มตำซักที เป็นอาหารไทยครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่นี่ ร้านที่เราซื้อได้ Michelin Star ด้วยแต่รสชาติก็ยังไม่อร่อยเท่าร้านส้มตำแถวบ้านที่ไทยอยู่ดี ทั้งเซ็ต 1000 เยน หรือเกือบ 300 บาทเลย
ในงานเจอคนใส่ชุดนักเรียนไทย ตกใจมากตอนที่เห็น เค้าดูเป็นนักเรียนคนไทยจริงๆมากกว่าคอสเพลย์ซะอีก ในงานก็มีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น มีการแสดงเพลงลูกทุ่ง เพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทร เห็นมีคนเต้นเอ็นจอยไปกับเพลงด้วย เห็นผ่านๆในเว็บไซต์ของงานว่ามีศิลปินคนไทยมา แต่เราจำไม่ได้ว่ามีใครบ้าง จำได้แค่ bnk48 จะมาร่วมงานนี้
มีบูธขายพวกอาหารแห้ง ซอส เครื่องปรุงราคาไม่แพงในงาน เราเหมามาม่ามาสี่ซอง ทีีไทยขายซองละ 6 บาท ที่นี่เขาเอามาขายประมาณ 10 กว่าบาท ก็ถือว่าราคาสมเหตุสมผลอยู่ น้ำส้มมาลีก็ราคาประมาณสองเท่าของไทย เราเดินที่งานไม่นานมาก เพราะใจจริงๆคือแค่อยากมากินแล้วก็มาดูบรรยากาศนิดหน่อยแค่นั้น เดินออกมาตรงทางออกอีกฝั่งก็เห็นรถตุ๊กตุ๊กจอดโชว์ ขายในราคาประมาณสามแสนกลางๆ แล้วก็มีสแตนดี้พี่ตูนที่ชอบตั้งในเซเว่นพิงอยู่ เค้าแบกของพวกนี้กันมาที่ญี่ปุ่นยังไง สงสัยมาก 555555
จากนั้นก็พาเพื่อนไป Meiji Shrine (ที่เพิ่งไปมาเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว) ครั้งที่ 4 สำหรับการมาที่นี่แต่ก็ยังชอบบรรยากาศของมันอยู่ดี รอบนี้โชคดีมาก เรามาแล้วเจอเขาจัดพิธีแต่งงานกันในศาลเจ้า เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแบบญี่ปุ่นขนาบข้างไปด้วยคนจับมือสองข้างเดินขบวน พอเห็นอะไรแบบนี้ก็รู้สึกได้ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้นอีกระดับนึงเลย
พอเสร็จก็ไปนั่งแช่ที่คาเฟ่หน้าถนน Takeshita ซักพักแล้วค่อยเดินไปช็อปปิง เราได้รองเท้า Oxford Shoes กลับมาคู่นึง ทำไมสองรอบที่แล้วที่มาถึงไม่สังเกตเห็นก็ไม่รู้ พอเกือบทุ่มครึ่งก็กลับบ้าน แวะซื้อเบนโตะ(ข้าวกล่อง)ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอาไปกินที่บ้าน คืนวันนั้นก็คุยแบ่งปันเรื่องราวกับเพื่อน ดีใจที่ถึงแม้ตอนม.ปลายจะไม่ได้อยู่กับเพื่อนคนนี้ แต่ก็ยังคุยกันได้แบบไม่อึดอัด บรรยากาศระหว่างเราก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจจริงๆ พอดึกแล้วเพื่อนก็หลับไปในขณะที่เราต้องมานั่งอ่านหนังสือถึงดึกเพราะวันรุ่งขึ้นมีสอบคันจิ นี่แหละชีวิต
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in