เพลงนี้ได้นำพวกคำหรือประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ปัจจุบันเลิกใช้หรือไม่ค่อยใช้แล้ว มาเรียบเรียงเป็นเนื้อเพลง Aimyonคงแต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่จดจำคำเหล่านั้นไว้ ไม่อยากให้ลืมคำที่เคยฮิตสมัยก่อน รวมทั้งไม่อยากให้ลืมสิ่งที่เคยโด่งดังในอดีต แม้ปัจจุบันจะเป็นยุคสมัยที่อะไรก็เร็วไปหมด มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาก็ตามที
ชื่อเพลงถ้าแปลไทยจะได้ประมาณว่า "เป็นธรรมดาที่หนุ่มสาวสมัยใหม่จะเป็นที่นิยมขึ้นมา" ซึ่งในชื่อเพลงก็มีการใช้คำที่เลิกใช้ไปแล้วอย่าง atari maeda no kurakka (当たり前だのクラッ歌) ที่พ้องเสียงกับคำว่า 当たり前だのクラッカー
ซึ่งคำนี้เป็นแก๊กที่หมายถึง แน่นอนอยู่แล้ว, เป็นธรรมดา (atari mae da yo; 当たり前だよ) และแก๊กนี้มีที่มาจาก ขนมแครกเกอร์ของ บ.มาเอดะ
(前田製菓) ที่หน้าถุงขนมเขียนว่า あたり前田のクラッカー (atari maeda no kurakkaa) ดังภาพ
⁂ ขอขอบคุณ
Blogนี้ ที่ช่วยอธิบายความหมายของคำต่างๆ ที่ปรากฏในเนื้อเพลงให้กระจ่าง ⁂
เพลง : ナウなヤングにバカウケするのは当たり前だのクラッ歌
(Nau na yangu ni baka uke suru no wa atarimae dano kurakka)
เนื้อร้อง & ทำนอง : Aimyon
ザギンで見かけたアベックの
女はパイオツカイデーだったな
Zagin de mi kaketa abekku no
on'na wa pai otsu kaidē datta na
สาวที่เห็นมากับคู่รักแถวกินซ่าน่ะ
อกสะบึ้มมากเลย
rīman kyō mo yoso yososhī
พวกพนักงานวันนี้ก็ดูห่างเหินเย็นชาจัง
タイミング見計らってドロン
tai mingu mihaka ratte doron
รอจังหวะดีๆ แล้วจะขอวาบหายตัวไปละ
5人中3人アウトオブ眼中
giroppon de hisa shiku gōkon
gonin chū sannin auto obu ganchū
นัดบอดที่ไม่ได้ไปนานแล้วแถวรปปงงิ
3 ใน 5 คนนั้นไม่อยู่ในสายตาเลย
お先にテクシーでアディオス
soreni ashita mo hayai mon de
osakini tekushī de adi osu
ขอตัวกลับก่อนนะ
เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่เช้า ลาก่อนจ้า
するとまさかのあの女優に
クリソツなちゃんねーロックオン
suruto masaka no ano joyū ni
kuri sotsu na chan nee rokku on
พอทำเช่นนั้นแล้ว ไม่น่าเชื่อ!
เด็กสาวนั่นเหมือนดาราสาวคนนั้นเลย
ล็อคเป้าหมายละ!
「ヘイ彼女 お茶しない?」
声をかけたら キモイと言われた
`Hei kanojo ocha shinai?'
koe o kake tara kimoi to iwareta
พอลองทักไปว่า "เธอจ๋า ไปดื่มชากันมั้ย*"
ก็โดนตอกกลับมาว่า "อี๋ ขยะแขยง!"
aimu sōrī hige sōrī
ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ
kono machi wa mainichi eburi taimu
yūwaku bakka sa
เมืองนี้มีแต่สิ่งล่อตาล่อใจทุกวัน ทุกเวลา
kono hoshi wa
itsumo naui o moto mete
ดาวเคราะห์ดวงนี้ต่างมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
furuki yoki kotoba tachi o
wasurete shimau no darou
คงหลงลืมพวกคำเก่าๆ ที่ตกยุคไปซะแล้วมั้ง
ご機嫌が斜めでチョベリバ
āa komatta chan kyō wa yome no
gokigen ga naname de cho beriba
อา.. แย่ละ วันนี้คุณภรรยาอารมณ์เสียสุดๆ
yuru shite chon mage waru katta
ยกโทษให้ผมเถอะนะ ขอโทษที
ごめんごメンゴしてバイビー
gomen go mengo shite baibī
ขอโทษ ขอโทษน้า บ้ายบายจ้า
son'na banana masaka
uwaki ga bare teta da nante
เรื่องที่นอกใจเธอ ความแตกซะแล้ว
เป็นไปได้ไง! บ้าน่า!
インド人もびっくりですな
odo roki momo noki sansho noki
indojin mo bikkuri desu na
ตกใจหมดเลย! คุณพระคุณเจ้า!
คนอินเดียยังตกใจ!
エッチスケッチワンタッチ
etchi suketchi wan tatchi
วาดลวดลาย ทะลึ่งตึงตัง ฉันจะไล่จับเธอ**
カワイコチャンだらけ
kono machi wa doko ni itte mo
kawai kochan darake
เมืองนี้ไม่ว่าจะไปทางไหน
ก็มีแต่เด็กน่ารักๆ เต็มไปหมด
kono hoshi wa
fuyashi sugi teru aidoru o
ดาวเคราะห์ดวงนี้มีไอดอลเพิ่มขึ้นมากมาย
o nyan ko ni wa katenai zo
โอเนียนโกะก็เอาชนะไม่ได้แล้วล่ะ☆
聖子ちゃんを知っているのか
seiko chan o shitte iru no ka
จะรู้จักเซโกะจังกันไหมนะ★
จากท่อนนี้ดูเหมือนผู้แต่งเพลงจะยกตัวอย่างคำที่เลิกใช้ไปแล้วรัวๆ
เนื้อเพลงจึงไม่ได้มีความหมายอะไรต่อเนื่องกัน ↓
当たり前だのクラッカー
atari mae da no kurakkā
แน่นอนอยู่แล้ว
atto odo roku tame gorō
ตกอกตกใจหมดเลย
mochi no ron yatta ze beibī
แน่นอนอยู่แล้ว ทำได้แล้วนะที่รัก
jōdan wa Yoshiko-chan
เลิกล้อเล่นกันซะทีเถอะ
otto bikkuri tama te bako
ตกใจหมดเลย
kishoi kibon'nu nan jara hoi
รู้สึกแย่อ่ะ คาดหวังนะเนี่ย
หมายความว่าไง
象が踏んでも壊れない
zō ga fun demo kowa renai
แข็งแรงทนทาน
ขนาดช้างเหยียบก็ไม่แตกไม่หัก
chotto tanma
tu gyazā shiyou ze
รอเดี๋ยวสิ ทำไปด้วยกันเถอะ
----------------------------------
この街は ホントにエブリデイ
おニューが産まれる
kono machi wa honto ni eburi dei
o nyū ga uma reru
เมืองนี้มีอะไรใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นทุกวันจริงๆ
kono hoshi no mukashi wa
ima yori ike ike sa
ดาวเคราะห์ดวงนี้
เมื่อก่อนสุดยอดกว่าสมัยนี้เยอะ
知りたければ インターネットで
ジュリアナ東京を見てみなさい
shirita kereba intā netto de
juri ana tōkyō wo mite minasai
ถ้าอยากรู้ละก็ลองค้นหา
คำว่า Juliana's Tokyo ในเน็ตดูสิ
kono machi wa
mai nichi eburi taimu
yūwaku bakka sa
เมืองนี้มีแต่สิ่งล่อตาล่อใจทุกวัน ทุกเวลา
kono hoshi wa
itsumo naui o moto mete
ดาวเคราะห์ดวงนี้ต่างมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
furuki yoki kotoba tachi o
wasu rete shimau no darou
คงหลงลืมพวกคำเก่าๆ ที่ตกยุคไปซะแล้ว
wasure naide...
ได้โปรดอย่าลืมเลยนะ...
Wasure naide ite kure tara
manmosu ure pii
ถ้ายังจดจำไว้อยู่ละก็ ฉันจะดีใจมากเลยล่ะ
--------------------------------------------
*ชวนไปดื่มชา มีความหมายซ่อนเร้นคล้ายๆ ชวนไปมีเซ็กส์ด้วยกัน สมัยนี้ก็คงคล้ายๆ ชวนไปดู Netflix
**エッチスケッチワンタッチ (Etchi suketchi wantatchi) เป็นคำที่มาจากการละเล่น鬼ごっこ (Oni gokko) ของเด็กญี่ปุ่นที่เริ่มฮิตพูดมาตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งเป็นการละเล่นที่มีกำหนดให้คนหนึ่งเป็นยักษ์แล้ววิ่งไล่จับคนอื่น ตอนที่ยักษ์สัมผัสแตะตัวคนที่ถูกจับ ยักษ์จะพูดคำว่า "เอจจิ・สเกตจิ・วันทัชจิ" แล้วคนที่ถูกจับจะต้องมาเป็นยักษ์แทน // จะสังเกตได้ว่าเสียงคำที่ยักษ์พูดนั้นจะเรียงเป็นจังหวะ 3・4・5 → エッチ(E-et-chi)・スケッチ(Su-ke-et-chi)・ワンタッチ(Wa-an-ta-at-chi) โดยภาษาญี่ปุ่นจะนับ 1 ตัวอักษร เท่ากับ 1 เสียง
★เซโกะจัง ในที่นี้หมายถึง Seiko Matsuda
(松田聖子) ไอดอลสาวญี่ปุ่นยอดนิยมยุค80 ที่มีผลงานฮิตติดชาร์ตยาวนานจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "Eternal Idol" ดูบันทึกการแสดงของเธอได้
ที่นี่
☆โอเนียนโกะ ในที่นี้หมายถึง โอเนียนโกะคลับ (おニャン子クラブ) กลุ่มไอดอลสาวญี่ปุ่น 52 คนที่เคยโด่งดังในยุค 80 อ่านเพิ่ม
ที่นี่
-------------------------------------------
คำที่ปรากฏในเนื้อเพลง ที่ปัจจุบันไม่ค่อยใช้ หรือเลิกใช้ไปแล้ว
เรียงตามลำดับในเนื้อเพลง
1. ザギン (Zagin) หมายถึง กินซ่า (銀座) ย่านหนึ่งในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นคำแสลงที่เอาตัวอักษรมาสลับหน้าหลังให้กลายเป็นคำใหม่แต่ยังมีความหมายเดิม จาก Ginza → Zagin
2. アベック (A-bekku) หมายถึง คู่รัก, คู่หนุ่มสาว // มาจากคำฝรั่งเศส avec
3. パイオツカイデー (Pai otsu kaidē) หมายถึง หน้าอกใหญ่, นมใหญ่ เป็นคำแสลงมาจาก Oppai Dekkai (オッパイデッカイ) จาก Oppai (หน้าอก) → Pai Otsu + Dekkai (ใหญ่) → Kaidē เอามาผสมกันเลยกลายเป็น Pai otsu kaidē
4. リーマン (Rii man) หมายถึง พนักงานบริษัท, พนักงานกินเงินเดือน เป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า ซาลารี่มัง (サラリーマン)
5. ドロン (Doron) เป็นคำที่ใช้พูดเวลาจะขอกลับก่อน เช่น เวลาไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน แล้วจะกลับก่อน ก็พูดว่า Osaki ni doron shimasu (お先にドロンします; ขอหายตัวไปจากตรงนี้ก่อนละคร้าบ) อะไรประมาณนั้น
6. ギロッポン (Gi roppon) หมายถึง รปปงงิ ย่านหนึ่งในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นคำแสลงที่ผวนจาก Roppongi → Gi roppon
7. アウトオブ眼中 (Out of ganchuu) หมายถึง ไม่อยู่ในความสนใจ ไม่อยู่ในสายตา
8. テクシー (Tekushii) หมายถึง การเดินเท้า มาจากการผสมระหว่างคำว่า テクテク (tekuteku) เสียงตอนเดิน + タクシー (takushii) รถแท็กซี่
9. アディオス (Adi osu) หมายถึง ลาก่อน มาจากคำว่า adiós ในภาษาสเปนที่แปลว่า ลาก่อน
10. クリソツ (Kuri sotsu) หมายถึง เหมือนมาก คล้ายกันมาก ผวนจากคำว่า Sokkuri (そっくり) → Kuri sotsu (くりそつ)
11. ちゃんねー (Chan nee) เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กสาวอย่างสนิทสนม เป็นคำที่ไม่ค่อยสุภาพ ในกรณีเพลงนี้ตัวละครลุงใช้พูดเต๊าะเด็กสาวเพราะอยากจีบเขา ผวนจากคำว่า Nee chan (ねえちゃん) → Chan nee (ちゃんねー)
12. ロックオン (Rokku on) หมายถึง เล็งเป้าหมาย, ล็อคเป้าหมาย มาจากคำว่า Lock on ในภาษาอังกฤษ
13. アイムソーリーヒゲソーリー (Aimu sōrī hige sōrī) หมายถึง ขอโทษ มาจาก I'm sorry ในภาษาอังกฤษ เป็นแก๊กที่ฮิตพูดกันในหมู่เด็กประถมสมัยก่อน
14. ナウい (Nau i) หมายถึง สิ่งใหม่ๆ ที่นำสมัย นำเทรนด์ ตามกระแสนิยม คำตรงข้ามคือ dasai (ダサい) ที่หมายถึง เชย ล้าสมัย //มาจากคำว่า Now ในภาษาอังกฤษ ผสมกับ い (อิ) กลายเป็นคำ adj.
15. チョベリバ (Cho beriba) หมายถึง แย่มาก แย่สุดๆ เป็นคำที่ฮิตพูดกันในหมู่วัยรุ่นช่วงหลังปี 1990 มาจากการผสมคำว่า 超(cho; มาก) + Very bad โดยคำตรงข้ามคือ チョベリグ (Cho berigu) ที่มาจาก 超(cho; มาก) + Very good
16. 許してちょんまげ (Yuru shite chon mage) หมายถึง ยกโทษให้ฉันทีได้ไหม (Yuru shite choudai; 許してちょうだい)
17. ごめんごメンゴ (Gomen go mengo) หมายถึง ขอโทษ โดย Mengo (メンゴ) ท้ายประโยคก็มาจากการผวนคำจาก Gomen → Mengo ที่หมายถึงขอโทษเช่นกัน
18. バイビー (Bai bii) = Bye bye เป็นคำที่ฮิตพูดในยุค 80 หมายถึง บ้ายบาย ลาก่อน เหมือนจะเป็นคำที่เลิกใช้ไปแล้วนะ แต่ปัจจุบันสาวแกลบางคนก็ยังใช้กันอยู่
19. そんなバナナ (Sonna banana) มาจาก そんなバカな!(Sonna Bakana!) หมายถึง บ้าน่า! เป็นไปได้ไง!
20. おどろ木ももの木さんしょの木 (Odoroki momonoki sanshonoki) เหมือนเป็นชุดคำที่ใช้พูดกันตอนตกใจมากๆ อย่างไทยก็จะมีพวกคำอุทานต่างๆ เวลาตกใจ เช่น อุ๊ย! อีแม่ร่วง! / เชี่ยยยยย! / คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย! อะไรแบบนี้
21. インド人もびっくり (Indojin mo bikkuri) หมายถึง "คนอินเดียก็ตกใจ" เป็นคำพูดในโฆษณาซุปก้อนที่ใช้ทำแกงกะหรี่ยี่ห้อ S&B ที่ว่า แกงกะหรี่ที่ทำออกมานั้นมีรสชาติอร่อยมากจนคนอินเดียก็ยังตกใจ ดูโฆษณาได้ที่นี่ (ช่วงนาทีที่ 2.20-2.32)
22. カワイコチャン (Kawai kochan) หมายถึง "เด็กสาวน่ารักๆ" มาจากการผสมคำว่า Kawaii (かわいい; น่ารัก) + ko (子; เด็ก) + chan (ちゃん; คำต่อท้ายชื่อ ใช้เมื่อผู้พูดรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่าย เช่น ชินจัง มารูโกะจัง)
23. アッと驚く為五郎 (Atto odoroku tame gorō) อันนี้ก็เป็นแก๊กสมัยก่อน ที่ใช้พูดเวลาตกใจ คลิกดูคลิปตอนพูดที่นี่
24. モチのロン (Mochi no ron) = もちろん (Mochiron) หมายถึง แน่นอนอยู่แล้ว
25. やったぜベイビー (Yatta ze beibī) เป็นชื่อหนังสมัยปี 1986 แสดงนำโดย Kazuya Takahashi (高橋和也) ชื่อหนังถ้าแปลเป็นไทยจะได้ประมาณว่า "ทำได้แล้วนะที่รัก, สำเร็จแล้วนะที่รัก"
26. 冗談はよしこちゃん (Jōdan wa Yoshiko-chan) หมายถึง เลิกล้อเล่นได้แล้ว, หยุดล้อเล่นเสียทีเถอะ คงมาจากคำว่า Jōdan wa Yoshite (冗談はよして) ส่วน yoshiko chan (よしこちゃん) ที่ฟังดูคล้ายชื่อคนนั้นน่าจะเป็นคำที่เอามาต่อท้ายเฉยๆ ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเปลี่ยน yoshite (よして) เป็น yoshiko chan (よしこちゃん) เพื่อให้ฟังดูนุ่มนวลขึ้นรึเปล่า
27. おっとビックリ玉手箱 (Otto bikkuri tama te bako) น่าจะเป็นคำที่ใช้พูดตอนตกใจ ลองค้นดูแล้วไม่เจอว่ามีที่มาจากไหน รู้แค่ว่าเป็นคำที่ปัจจุบันเลิกใช้ไปแล้ว
28. きしょい (Kishoi) เป็นคำแสลงหมายถึง รู้สึกแย่ รู้สึกขนลุก รู้สึกขยะแขยง มาจากคำว่า Kishoku ga warui (気色が悪い) สมัยนี้น่าจะคล้ายกับความหมายของคำว่า คิโม่ย (キモイ)
29. キボンヌ (Kibonnu) หมายถึง คาดหวัง, หวังให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้น (kibou suru; 希望する) มีที่มาจากชื่อของ Yvonne Kanazawa Scott (ชื่อในภ.ญี่ปุ่นของเธอคือ Kanazawa Ibonnu (金沢イボンヌ)) ตัวแทนนักกีฬาญี่ปุ่นที่เข้าร่วมแข่งขันกรีฑา 100 เมตร ในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2000 ที่ซิดนีย์ ด้วยความที่ชื่อของเธอแปลกใหม่น่าสนใจจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาของชาวเน็ตในสมัยนั้น และเกิดการสร้างคำใหม่ขึ้นมา กลายเป็น kibonnu (キボンヌ)
30. ナンジャラホイ (Nan jara hoi) = 何のことだ (Nan no koto da) หมายความประมาณว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หมายความว่าไง?
31. 象が踏んでも壊れない (Zō ga fun demo kowa renai) ความหมายตรงตัวคือ ช้างเหยียบก็ไม่พังทลาย ความหมายโดยนัยคือ โคตรแข็งแรงทนทาน เป็นคำพูดในโฆษณากล่องใส่เครื่องเขียนของ บ.sun-star สมัยปี 1967 คลิกดูโฆษณาที่นี่
32. ちょっとタンマ (Chotto tanma) หมายถึง "รอเดี๋ยวก่อน รอสักครู่" โดยคำว่า tanma (タンマ) ผวนมาจากคำว่า matta (待った)
33. トゥギャザーしようぜ (tugyazā shiyou ze) = Together +しようぜ!(shiyou ze!) หมายถึง ทำไปด้วยกันเถอะ! เป็นคำพูดฮิตที่มาจากข้อความในโฆษณาที่ Lou Ohshiba(ルー大柴) แสดงในช่วงปี 1992 คลิกดูโฆษณาที่นี่ (ช่วงนาทีที่ 0.25-0.29)
34. おニュー (O nyuu) หมายถึง สิ่งใหม่ๆ มาจาก お (โอะ; ใช้นำหน้าเพิ่มความสุภาพ) + New
35. ジュリアナ東京 (Juri ana tōkyō) หมายถึง ดิสโก้เทคจูเลียน่าโตเกียว ตั้งอยู่แถวชิบุยะ เป็นดิสโก้เทคที่โด่งดังมีชื่อเสียงมากๆ เปิดให้บริการช่วงปี 1991-1994 อ่านเพิ่ม ↓
36. マンモスうれぴー (Manmosu ure pii) หมายถึง ดีใจมากๆ เป็นภาษาที่ไอดอลสาว Sakai Noriko (酒井法子) ใช้พูดติดปาก โดยเธอมีชื่อเล่นในวงการว่า Noripii (のりピー) จึงมีชื่อเรียกภาษาที่เธอใช้ว่าคือ Noripii go (のりピー語; ภาษาโนริพี่) ตัวอย่างคำที่เธอใช้ เช่น
- "ทาโนะพี่~" ที่แปลว่า สนุกจัง (มาจาก tanoshii (たのしい) แต่เปลี่ยนท้ายเสียงให้เป็น pii กลายเป็น tanopii (たのぴー))
- "อุเรพี่~" ที่แปลว่า ดีใจจัง มาจาก ureshii (うれしい) แต่เปลี่ยนท้ายเสียงให้เป็น pii กลายเป็น urepii (うれぴー)
- "แมมมอสอุเรพี่~" (マンモスうれピー) ที่แปลว่า ดีใจมากๆ , ดีใจสุดๆ เลย
-------------------------------------------
// อยากบอก Aimyon ว่า ใส่คำที่เลิกใช้ไปแล้วไว้ในเพลงเยอะขนาดนี้แฟนๆ คงลืมไม่ลงแล้วล่ะ555 ถึงว่าทำไมฟังแล้วไม่เข้าหัวเลย เปิดอ่านเนื้อเพลงก็ไม่เข้าใจ ดีที่มีแฟนคลับคนนึงเขียน
Blog อธิบายไว้นะ รู้สึกขอบคุณเขามากๆ เลย TwT)b
หากแปลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ฝากอุดหนุนเพลงของศิลปินด้วยค่า :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in