เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วัตถุ WI-FISALMONBOOKS
ขอใจแลกเมลเธอ

  • หลังจากเข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตและเข้าเว็บไซต์เป็น สิ่งพื้นฐานต่อมาที่คนเล่นเน็ตทุกคนต้องทำก็คือการสมัครอีเมล

    ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าจะมีอีเมลไปทำไม เพื่อนทุกคนก็เจอหน้ากันที่โรงเรียนอยู่แล้ว ติดต่อธุรกิจข้ามประเทศก็ไม่มี แต่เพื่อนก็บอกแกมบังคับว่ามึงต้องสมัคร ก็เลยทำไปตามกระแสสังคม

    พูดว่า “สมัครอีเมล” ในวันนี้คงฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ ทำสามนาทีก็เสร็จ แต่ในยุคอินเทอร์เน็ตผลิบาน มันถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นประหนึ่งกรอกเอกสารทำเรื่องขอข้ามประเทศอะไรเทือกนั้นเลย

  • ในขั้นแรกเราก็ต้องเลือกว่าอยากใช้บริการอีเมลเจ้าไหน หรือจะเรียกกันว่าอยากมีเมล 'นามสกุล' อะไร ที่คุ้นกันก็พวก Hotmail หรือ Yahoo นอกจากนั้นยังมีเมลของไทย เช่น Thaimail หรือ Chaiyo ด้วย แต่เพื่อนจะบอกว่าอย่าสมัครเมลไทยโว้ย มันสะเหล่อ (เป็นเทรนด์ของวัยรุ่นยุคปลาย 90s คล้ายกับการแอนตี้เพลงค่ายอาร์เอส) เพื่อนเลยบอกให้สมัครเมลของฝรั่งที่ชื่อ mailcity อะไรสักอย่าง (ตอนหลังกลายเป็น Lycos แต่ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว) อันนี้แหละเก๋ ไม่โหล ไม่เหมือนใครดี ผลคือเก๋มากครับ ใช้ยากฉิบหาย แถมเวลาสมัครสมาชิกในเว็บต่างๆ มันก็ไม่ค่อยรับรอง (จำไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เหมือนว่าลับแลเกิน) สุดท้ายก็จบด้วยการสมัครอะไรที่แมสขึ้น อย่าง Hotmail นั่นแหละ

    เลือกนามสกุลได้แล้ว ต่อมาก็ต้องเลือก 'ชื่อ'

    จำได้ว่าใช้เวลานานมาก เพราะสมัครชื่ออะไรไปมันก็มักจะขึ้นว่ามีคนใช้แล้ว หรืออย่างผมชื่อ ต่อ ก็พยายามจะตั้งว่า [email protected] เว็บก็ไม่ยอมให้ใช้ บอกว่าสั้นเกินไป แนะนำว่าให้ใส่เลขต่อท้ายไป เช่น tor123

    อะ ลองทำตาม

    tor555 ...ไม่ได้

    tor666 ...ไม่ได้อีก

    tor777 ...ก็ไม่ได้

    จนกูไล่เลขถึง tor3957693 แม่งถึงจะได้! แต่จะยากไปมั้ยวะ นี่อีเมลหรือรหัสลับเอฟบีไอ…
  • ท้ายสุด ผมจึงตั้งชื่ออีเมลด้วยวิธีสิ้นคิดของยุคสมัยนั้น คือใช้ชื่อตัวเองต่อด้วยรุ่นที่โรงเรียน อย่างผมชื่อต่อ เรียนสาธิตจุฬาฯ รุ่น 38 อีเมลก็เลยเป็น [email protected] และช่วงนั้นอีเมลของเพื่อนๆ ในโรงเรียนก็จะเหมือนกันไปหมด ประมาณ pink_cud38, ohm_cud38, dao_cud38 (ดูแล้วเหมือนกลุ่มลัทธิอะไรสักอย่าง)

    ความสิ้นคิดของการตั้งชื่ออีเมลยังไม่จบเท่านี้ เด็กผู้หญิงบางคนไม่รู้เป็นอะไร ชอบใส่คำว่า cute ในเมลตัวเอง เช่น jan_cute หรือ jan_cute_cute บางคนบ้าดาราบ้าเซเลบก็มโนมาใส่ในเมลตัวเอง เช่น beckham_love_jan แต่ฮิตสุดคงเป็นการใช้ชื่อเมลเป็นชื่อตัวเองกับแฟน เช่น ตั้มเป็นแฟนกับกิ๊บ ก็ตั้งชื่อเมลว่า tum_and_kib โดยไม่คิดเลยว่าต่อมามึงจะเลิกกัน และถึงตั้มจะเปลี่ยนแฟนเป็นเอ้ ปูเป้ หรือจ๋า แต่อีกิ๊บก็จะสิงอยู่ในเมลมึงตลอดไปหรือไม่มึงก็ต้องวุ่นวายเปลี่ยนอีเมลให้เป็นการลำบากแก่ชีวิตในภายภาคหน้า

    เห็นอีเมลเพื่อนๆ เป็นดังที่ว่ามา คุณคันฉัตรในวัยนั้นที่พยายามแอ็กอาร์ตก็คิดในใจว่า มันดาษดื่นเหลือเกิน และอีเมล tor_cud38 นี่ก็ช่างไม่คูลเอาเสียเลย เราต้องมีอีเมลที่ยูนีคไม่เหมือนใครสิ! ผมนั่งคิดอยู่สามคืน สุดท้ายก็ได้เมลชื่อเก๋ไก๋ว่า [email protected] (เป็นชื่ออัลบั้มของวงร็อคญี่ปุ่นครับ อ่านรายละเอียดเต็มๆ ได้ใน แอดเวนเจอร์ออฟเมอฤดี ฉบับ โตเกียวดริฟต์ นะจ๊ะ—ขายของตามสไตล์)

    ทว่าอีเมลที่ตั้งไปเพราะความอยากเก๋กลับนำมาซึ่งความปวดกบาลมากมาย เพราะมันซับซ้อน สะกดยาก และเสี่ยงจะพิมพ์ผิดเหลือเกิน ผมถูกเพื่อนรุมด่าประณามกันไม่หยุดหย่อน ทั้ง “เมลมึงอ่านว่าเชี่ยอะไรวะ” หรือ “ไอ้สัสมึงจะตั้งชื่อเมลยากๆ ทำไม กูจะส่งงานกลุ่มให้มึงดู กูพิมพ์เมลมึงผิดมาสามรอบแล้วเนี่ย ส่งไม่ไปสักที ห่า!”  

    และไอ้ความยากเกินไปของชื่อเมลก็ยังหลอกหลอนผมมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างล่าสุด ผมโทร.ไปต่อประกันโน้ตบุ๊คเจ้าหนึ่ง หลังจากคุยรายละเอียดเสร็จสรรพ

    คอลล์เซ็นเตอร์: “งั้นเดี๋ยวดิชั้นจะส่งข้อมูลไปให้นะคะ รบกวนขออีเมลคุณคันฉัตรด้วยค่ะ”

    ผม:[email protected] ครับ”

    คอลล์เซ็นเตอร์: “เอ่อ อะไรนะคะ”

    ผม: “เดี๋ยวสะกดให้นะฮะ...เอ็ม อี อาร์ วี อี ไอ แอล แอล อี เอส เอ็กซ์ เอ็กซ์ครับ”

    คอลล์เซ็นเตอร์: “…รบกวนขอใหม่อีกรอบค่ะ”

    (วนลูปไปอีกอย่างน้อยสามรอบ)
  • ช่วงที่มีอีเมลใหม่ๆ ผมก็ศึกษาว่าเขาใช้ทำอะไรกัน สอบถามจากเพื่อนๆ จึงได้ความว่าพวกมันนิยมเล่น 'เมลเฟรนด์' กันก็คล้ายๆ เพนเฟรนด์ (เพื่อนทางจดหมาย) แต่เปลี่ยนจากเขียนจดหมายเป็นอีเมลแทน บางคนก็มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว แต่ผมไม่มีเพื่อนทางเมลเฟรนด์เลย เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงหรือจะไปหาเพื่อนที่ไหน ดังนั้นประโยชน์สูงสุดของอีเมลคือใช้สมัครเว็บโป๊เพื่อรับพาสเวิร์ดเข้าเว็บฟรีสามวันแรก... (ชีวิตช่างต่ำตมจมธรณีเหลือเกิน)

    อีกอย่างที่นิยมเล่นกันคือ ‘ฟอร์เวิร์ดเมล’ แรกๆ มันก็สนุกกุ๊กกิ๊กดีอยู่หรอก ได้เมลเก๋ๆ มาก็ส่งต่อให้เพื่อน แต่ตอนหลังชักน่าเบื่อ เรื่องที่ส่งก็เป็นแนวซ้ำๆ เดิมๆ เช่น เรื่องรักซึ้งๆ เลี่ยนๆ เรื่องผีที่อ่านกันจนเลิกกลัวผีไปเลย หรือพวกข่าวลือว่าวันนี้วันนั้นจะเป็นวันสิ้นโลก แต่ที่น่าเบื่อสุดคือ “ด่วน! Hotmail จะเก็บตังค์แล้ว” ลือว่าจะเก็บตั้งแต่กูอยู่มัธยม เข้ามหา’ลัย เรียนจบมาหลายปีจน Hotmail เปลี่ยนชื่อเป็น Outlook แล้ว อีฟอร์เวิร์ดเมลฉบับนี้ก็ยังถูกฟอร์เวิร์ดมาเรื่อยๆ

    ผมไม่ได้ใช้อีเมลอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไร จนกระทั่งช่วงที่ผมไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา และได้เจอเพื่อนต่างโรงเรียน ก็จะมีบางคนที่เราคุยด้วยแล้วถูกชะตา อยากคุยกันต่อนอกเหนือจากตอนเรียนพิเศษ แต่จะคุยกันยังไงล่ะ? ยุคนั้นเพจเจอร์เริ่มเอาต์ มือถือมาแล้วแต่แพงโคตร เด็กไฮโซเท่านั้นถึงจะมีได้ ไอ้ครั้นจะขอเบอร์บ้านก็ดูบุกรุกเกินไป แถมสมมติจะจีบอลิสา ถ้าโทร.เข้าบ้านอาจได้เจอคุณสมศักดิ์ที่เป็นพ่อของอลิสาแทน

    การสานสัมพันธ์กับเพื่อนต่างโรงเรียนจึงมาลงตัวที่การใช้อีเมลคุยกันนี่แหละ เพราะไม่เป็นการบุกรุกอีกฝ่ายมากเกินไป แล้วก็เป็นส่วนตัวดีด้วย ช่วงนั้นประโยค “ขอเมลเธอหน่อยดิ” เลยเป็นวรรคทองยอดฮิตเวลาที่เราอยากจะรู้จักใครเพิ่มเติมหรือจีบใครสักคน จะว่าไปก็คงคล้ายกับ “ขอ LINE เธอหน่อยดิ” หรือ “ขอ Facebook เธอหน่อยดิ” ของน้องๆ สมัยนี้



  • อย่างไรก็ดี แม้จะพยายามจีบเพื่อนต่างโรงเรียนมากมาย แต่สุดท้ายผมก็มีแฟนเป็นคนโรงเรียนเดียวกัน (ซะงั้น) ตอนที่อินเลิฟก็คุยโทรศัพท์ข้ามวันข้ามคืนจนพ่อแม่ด่าเปิง จะหยิบจับโทรศัพท์บ้านทีก็หวาดระแวงว่าพ่อแม่จะเดินมาด่า เลยตกลงกับแฟนว่าเราเปลี่ยนมาเป็นคุยอีเมลกันเถอะ (ที่จริงโปรแกรมแชตก็เริ่มมีแล้ว แต่อยากได้ฟีลโรแมนติกแบบเขียนจดหมาย) และคุยเป็นภาษาอังกฤษกันนะ จะได้ฝึกภาษาไปด้วย เห็นมั้ยถึงจะอินเลิฟ แต่ก็อินเลิฟแบบมีสาระนะเฟ้ย (...เหรอวะ)

    ทว่าด้วยความที่อยู่แค่ ม.ต้น การคุยภาษาอังกฤษจึงงูๆ ปลาๆ และแถมาก เช่น จะนินทาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งว่าแร่ดมาก แต่ไม่รู้ว่าแร่ดใช้คำว่าอะไร เลยตีมึนพิมพ์ไปเลยว่า “I think she is very RAD.” (เราคิดว่าเขาแร่ดมากเลย) อันนี้ว่าฮาแล้ว แต่ที่ตลกกว่าคือแฟนเมลกลับมาว่า “I don’t know what RAD means. Tomorrow, please explain to me at school.” (เราไม่รู้ว่า RAD คืออะไร พรุ่งนี้อธิบายให้ฟังที่โรงเรียนหน่อยนะ)

    ...อะไรของพวกมึง!


  • แต่อย่างที่เขาว่ายามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ช่วงอินเลิฟ เจอหน้าที่โรงเรียน กลับบ้านยังต้องมานั่งเขียนเมลหากันเลย แต่พอทะเลาะจนเลิกรากันไป เขียนเมลไปกี่สิบฉบับก็ไม่มีวันตอบกลับ การเขียนเมลหาแฟนจึงจบลงเพียงเท่านั้น ผมเลยเอาเมลไปใช้สมัครเว็บโป๊เหมือนเดิม เอวัง

    ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครส่งอีเมลมาคุยกับผมแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไปคุยกันช่องทางอื่นแทน เมลที่เข้ามาก็จะเป็นพวกจดหมายข่าวหรือยานมฟูรูฟิต บลา บลา บลา แต่ผมก็ยังติดนิสัยต่อเน็ตปุ๊บเช็กเมลปั๊บอยู่ดี และเมื่อลองนั่งไล่ดู ผมก็พบว่าสมัครอีเมล [email protected] มาตั้งแต่ปี 1998

    นั่นหมายความว่าผมใช้เมลนี้มา 16 ปีแล้ว!

    เป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานเหลือเชื่อ พูดแล้วก็แอบขนลุกนิดๆ

    บางทีนี่คงเป็นเหตุที่ผมยังทู่ซี้ใช้เมล [email protected] ต่อไป แม้ทุกวันนี้เพื่อนๆ จะค่อนแคะว่า “อี๋ ยังใช้ hotmail อยู่อีกเหรอ เขาย้ายไปใช้ gmail กันหมดแล้ว” หรือเวลาบอกเมลตัวเองกับคอลล์เซ็นเตอร์แล้วอายทุกทีก็ตาม

    ป.ล. จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้อธิบายให้แฟน (เก่า) คนนั้นฟังว่า RAD คืออะไร เพราะเลิกกันแล้วก็ไม่คุยกันอีกเลย...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in