เมื่อพี่หนุ่มรับหน้าที่ขับรถ ผมจึงมีหน้าที่เป็นคนนำทาง ซึ่งอย่าเรียกว่าหน้าที่เลย เพราะในรถมีจีพีเอส ผมก็แค่กดให้มันนำทาง ผมดูแผนการเดินทาง สะกดคำ นิ้วจิ้มคีย์บอร์ดบนหน้าจอที่กดไม่ค่อยติด รวมแล้วใช้ความพยายามคิดเป็นหน่วยพลังงานไม่เกินสองกิโลแคลอรี จะมีมากกว่านั้นบ้างก็แค่ตอนลองค้นแผนที่ในมือถือเป็นระยะเพื่อเทียบว่าจีพีเอสพาไปถูก ผมไม่ไว้ใจรถยนต์ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าขนาดที่จะฝากชีวิตไว้กับมันโดยไม่ตั้งข้อสงสัย
เพียงระหว่างทางไปโรงแรม ก็ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะตอบโจทย์ได้เร็วเกินคาด ผมตื่นเต้น สนุกเหมือนเด็กๆ มองซ้ายมองขวา ทุกอย่างใหม่ ไม่คุ้นชิน ผมไม่เคยเห็นอะไรพวกนี้ด้วยตาของตัวเอง—เอ้า คุณครับ ก็ยุโรปครั้งแรกนี่นา—รูปทรงตึกแปลกใหม่ ภาษาก็ไม่คุ้นหู ผมอ่านไม่ออกหรอก แต่ในความไม่รู้เรื่อง ในสิ่งที่เราไม่เคยมีประสบการณ์กลับมีความสนุกซ่อนอยู่
“ไม่เคยเห็นตื่นเต้นขนาดนี้เลย มีความรู้สึกกับเขาด้วยเหรอ” พี่หนุ่มหันมาตั้งข้อสังเกต
ปกติผมจะอธิบายสิ่งที่ชอบว่า “ก็ดี” เป็นก็ดีที่ไม่ยินดียินร้าย เหมือนกับกลัวว่าถ้ายินดีมากเกินไป ความเสียใจผิดหวังก็จะมากตาม ผมจึงพยายามมีความรู้สึกในกรอบแคบๆ เสมอ
แต่ความรู้สึกในวันนี้มันเกินคำนั้นไปหลายช่วงตัว นี่คงเป็นการเดินทางที่เรียกได้ว่า โร้ดทริปโดยสมบูรณ์ ในช่วงแรกเราจะเปลี่ยนที่นอนกันเกือบทุกคืน ตามแผน—เราจะขับรถจากเดนมาร์ก เข้าเยอรมนี เลี้ยวเข้าเนเธอร์แลนด์ แล้วไปจบที่เบลเยียม คืนรถที่นั่นแล้วบินกลับบ้านโดยทรานซิตที่เคียฟประเทศยูเครน รวมระยะทางขับรถประมาณสองพันกิโลเมตร
เราใช้เวลาทั้งหมดสิบสี่วัน
ไม่นานมากหรอกครับ แต่ผมคิดว่านานพอที่จะทำให้ตัวเองกลับมารู้สึกดีกับชีวิต
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in