เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านเจอKotcharak Kaewsurach
บันทึกการตามหาเพื่อน เราไม่ลืมจารุพงษ์
  • บันทึกการตามหาเพื่อน
    เราไม่ลืมจารุพงษ์
    เนื่องในงาน 46 ปี 6 ตุลา


    สำหรับคนที่ไม่รู้จัก 6 ตุลามาก่อน มันคือเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลา 2519 นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยมาชุมนุมเพื่อต่อต้านถนอม กิตติขจร เข้าประเทศ หลังจากถูกไล่ออกเมื่อ 14 ตุลา 2516 ความพยายามกลับมาของเผด็จการทำให้เกิดการชุมนุมต่อต้าน

    ก่อนหน้านั้นไม่นานที่จังหวัดนครปฐม มีนักกิจกรรมทางการเมืองสองคนออกติดป้ายไล่พระถนอมที่กำลังเข้ามาเช่นกัน สองคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ศพถูกแขวนประจานราวกับเป็นอาชญากร แน่นอนมันสร้างความไม่พอใจแก่นักศึกษาและประชาชนบางส่วน พวกเขารับรู้ถึงความไม่ยุติธรรม ไม่มีใครถูกดำเนินคดีจากการฆ่าสองนักกิจกรรม

    หนึ่งในกิจกรรมที่นักศึกษาในมหาลัยทำช่วงก่อนหน้าคือการแสดงถึงเหตุการณ์ที่สองนักกิจกรรมถูกทำร้าย เพื่อเป้าหมายให้นักศึกษาเลิกสอบและกลับมาชุมนุม กลุ่มการแสดงจัดกิจกรรมเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น ตั้งคำถามกับนักศึกษาว่าจะกล้าข้ามศพเพื่อนไปสอบหรือ

    เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี การแสดงจบลงแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นแต่สื่อมวลชนฝ่ายขวาเอารูปแขวนคอขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัวคำโตว่านักศึกษาเหยียบย่ำหัวใจคนไทยทั้งชาติ บอกนักศึกษาล้มล้างสถาบันอันเป็นที่รัก รับช่วงต่อโดยสถานีวิทยุฝ่ายขวา ทมยันตี สมัครสุนทรเวช

    เช้ามืดของวันที่ 6 ตุลา เมื่อฟ้าสาง อาวุธสงครามกระหน่ำยิงเข้าไปในมหาวิทลัยธรรมศาสตร์ ถล่มนักศึกษาที่นั่งฟังปราศรัยในช่วงเช้า อาวุธสงครามสาดเข้าไปเต็มที่ประหนึ่งผู้ก่อการร้าย แน่นอนว่าเกิดผู้เสียชีวิตหลายสิบคน บางส่วนถูกลากศพออกมาทำร้ายต่อ แขวนคอฟาด ตอกอก เผาไฟ

    หลังเหตุการณ์สงบรายชื่อผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และถูกจับทยอยออกมาให้สาธารณะชนรับทราบ แต่ไม่ใช่กับชื่อ จารุพงษ์ ทองสินธ์ เขาหายตัวไปปริศนาในเช้าวันนั้น พ่อของเขาเริ่มออกตามหาตัว ตามโรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานที่ที่คิดว่าลูกชายเขาจะไป ผ่านบันทึกของคนเป็นพ่อที่เขียนตามหาลูก ในวันที่การสื่อสารไม่ได้ทันสมัย คนคุยผ่านจดหมาย ช่างช้าและเนินนาน ทั้งที่ใจร้อนอยากตามหาลูก

    คงไม่เป็นการเฉลยมากนักที่สุดท้ายบันทึกของพ่อจารุพงษ์ไม่ได้จบอย่างที่พ่อต้องการ ไม่เจอแต่ก็ไม่ได้คำตอบ บึนทึกถูกค้างเติ่งไว้ช่วงหนึ่งไม่ถูกกลับมาเขียนต่อ เราก็พอเดาความหมายของมันได้บ้าง เป็นหน้ากระดาษเปล่าที่เจ็บปวด

    ภายหลังเหตุการณ์คลี่คลายมากขึ้น ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี กว่าจะเริ่มกลับมาพูดถึงเรื่องนี้จริงจัง เพื่อนของเขากลับมาตามหาเพื่อนอีกครั้ง เพื่อนที่หายไปในรุ่งสางวันที่ 6 ตุลา กลายมาเป็นบันทึกที่เขียนต่อโดยธงชัย วินิจกูล เรารู้จักเขาในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างประเทศ แต่ในบันทึกฉบับนี้เขาคือคนตามหาเพื่อน เริ่มตามสิ่งที่พ่อของเพื่อนเขาเคยตามไว้

    ด้วยความเคารพหนังสือขนาดไม่ได้หนามาก บรรจุเพียงสามสี่บทความที่เคยตีพิมพ์มาก่อน แต่เป็นหนังสือที่ผมต้องพักหายใจ หยุดอ่าน แล้วตั้งสติทบทวนความคิดกับความหนักหน่วงของหนังสือ ในฐานะคนที่อ่านงานเกี่ยวกับ 6 ตุลามาเยอะ บทความตามหาเพื่อนของอาจารย์ธงชัยชิ้นนี้ หนักหน่วงเกินไป แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แม้ผมเองไม่รู้จักคุณจารุพงษ์เป็นการส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ

    ยังมีบทความจากคนอื่นๆ ที่พูดถึงจารุพงษ์ที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน ว่ากันว่าในเช้าวันนั้นมีเพื่อนอีกหลายคน ลูกของพ่อแม่ แฟนของคนรัก ที่ถูกพลัดพรากไปในรุ่งสางวันนั้น และรัฐอาชญากรยังคงกระหยื่มยิ้มย่องเหมือนเดิมท่ามกลางความเจ็บปวดของผู้คน หนังสือเป็นเครื่องยืนยันว่าคนที่ยังอยู่จะพูดต่อและบอกลเล่าเรื่องเหล่านี้ต่อไป
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in