เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มรรคาแห่งธรรมNoi Beleza
เธอ..รู้จัก "ความจริง" รึเปล่า

  • เมื่อทุกคน...หนีความจริงไปไม่ได้ จึงไม่มีอะไร 
    ที่จะให้ประโยชน์มากกว่า "ความจริง"

    "ความจริง"นั้นไม่มีรสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มเอร็ดอร่อย เหมือนอย่างเรื่องสนุกสนานทั้งหลาย

    ความจริงนั้นเหมือนกับน้ำบริสุทธิ์ที่มีรสจืด แต่รสจืดของน้ำที่บริสุทธิ์นั่นแหละเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องการที่สุด

    ไม่มีใครหนีความจริงไปพ้น แต่ถ้าเรารู้เท่าทันมัน ไม่วิ่งหนีความจริง กล้าสู้ความจริง ยอมรับความจริง ความจริงก็จะให้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของเราอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน

    พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราระลึกถึงความจริงของชีวิตเป็นธรรมดา และที่พระองค์ตรัสสอนไว้นั้นไม่ใช่เพียงให้ระลึกเท่านั้น แต่ยังให้พิจารณาด้วย ความจริงที่ว่านี้มี ๕ ประการด้วยกัน

    ๑.เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้

    ๒.เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้

    ๓.เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้

    ๔.เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น

    ๕.เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด เป็นพวกพ้องของกรรม ทำกรรมไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักได้รับผลของกรรมนั้น จักเป็นทายาทของกรรมนั้น

    "ความจริง"เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคน ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ไม่ว่าคฤหัสถ์คือชาวบ้านหรือบรรพชิตคือพระภิกษุสามเณร ควรจะต้องพิจารณาอยู่เสมอ

    เราเกิดมาแล้วย่อมต้องพบกับความแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย เป็นความจริงแน่แท้ และเราก็จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจไปทั้งหมดทั้งสิ้น มองอีกที หมดทั้งชีวิตของเรานี่ เป็นไปตามกฎแห่งกรรม เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทของกรรม

    ๕ ประการนี้ เป็นความจริงที่แน่นอน ถึงเราจะไม่พิจารณาหรือไม่นึกถึงมัน ชีวิตของเราก็ต้องเป็นไปตามมัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราจะต้องพบต้องเจอต้องเป็นอย่างนั้นแล้ว เราก็เผชิญหน้ากับมัน เอามันมาพิจารณา และเอามาใช้ประโยชน์เสียเลย"

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
    ( ป. อ. ปยุตฺโต )
    ที่มา : พระธรรมเทศนา "จะสุขแท้ต้องเป็นไท"
    .
    .
    .
    แมัว่าเราจะเรียนสูงทางโลกกันมามากมาย
    มีประสบการณ์ด้านการงาน ประสบความสำเร็จกัน
    มีครอบครัว มีลูกหลานเติบโต เจริญรุ่งเรือง..

    แต่ว่าระหว่างทาง..
    เราเอง กับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่รู้จักกันในวัยเด็ก มัธยม
    มหาลัย ..มาเจอกันอีกที..ก็แก่ไปด้วยกัน
    เพียงแต่เราดูแลสุขภาพกายให้ดี
    รักษาใจให้สดชื่น เบิกบาน ก็ยังมีแรงมาเจอกันอยู่

    เราเริ่มมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เจ็บป่วย ไม่สบายกัน
    เราไปเยี่ยมให้กำลังใจกันหลายครั้งหลายครา

    ต่อมาญาติผู้ใหญ่ อากง อาม่า อาโกว อาเตี๋ย อาอี๊
    แม้กระทั่งพ่อแม่ ของเราเอง และของเพื่อนๆ
    ก็เริ่มจากไปตามอายุขัยของท่าน

    เราเริ่มเห็นการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ..
    คนในครอบครัว คนในหมู่ญาติมิตร
    ทุกคนล้วนเศร้าโศก เสียใจ..
    เราต้องจากกัน ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
    คิดถึงเสมอ..

    พอเจอเหตุการณ์ความเป็นจริงเหล่านี้มากขึ้น
    เราเริ่มยอมรับความจริง
    และศึกษาธรรมะ ..

    ทุกคนมีกรรมของตนเอง มีกรรมเป็นกำเนิด
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ เป็นทายาทของกรรมนั้น
    ทำสิ่งใดย่อมรับผลตามกรรมที่ทำไวั ..

    ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์
    (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
    ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย
    ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง ..

    เราก็หมั่นฝึกตน คิดดี พูดดี ทำดี
    หมั่นรักษาศีล 5
    มีหิริ โอตัปปะ เป็นพื้นฐานไว้
    (ความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป)

    ..ชีวิต ก็เบาสบาย รักษาใจให้เบิกบาน..
    มีภูมิคุ้มกัน สำหรับความจริงที่ต้องเผชิญต่อไปค่ะ

    ?????
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in