เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
As I Write It #UMayWrite2020piyarak_s
บันทึก
  •  ในภาพเขียนสีน้ำมัน เพอร์เซโฟนีผู้งดงามก้าวเท้าด้วยอาการสงบนิ่งท่ามกลางหมู่ดอกไม้นานาพันธุ์ มือข้างหนึ่งของเธอวางไว้เหนือหัวใจ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นส่งให้มือของบุรุษที่ยื่นออกมจากความมืด


    “เป็นรูปเพอร์เซโฟนีที่ไม่ธรรมดาเลย” 


    “ใช่ไหมล่ะ” กีเดียนยิ้มกว้างกับความคิดเห็นของน้องชายคนเล็ก ก่อนหันหน้าไปทางเพื่อนสนิทของน้องชายที่ยืนมองภาพดังกล่าวอย่างสนใจเช่นกัน “คุณคิดว่าไงบ้าง ไมเคิล” 


    “ผมไม่มีความรู้ด้านศิลปะเท่าไหร่หรอกนะ แต่ผมเห็นด้วยกับโทบี้ว่า รูปเพอร์เซโฟนีรูปนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” เพื่อนของโทบี้ตอบ “ตามปกติแล้ว จิตรกรมักจะวาดภาพฮาเดสฉุดเพอร์เซโฟนีที่ไม่เต็มใจลงไปในนรก เธอมักจะแสดงอาการดิ้นรนหรือตื่นตกใจ แต่ในภาพนี้ ถึงจะดูไม่ค่อยเต็มใจ แต่เธอก็แสดงท่าทีว่าจำเป็นต้องไป เหมือนยอมรับชะตากรรมของตัวเอง” 


    “สมแล้วที่คุณได้ชื่อว่าเป็นตำรวจสืบสวนมือหนึ่งของสก็อตแลนด์ยาร์ด” ภัณฑารักษ์ว่า ในขณะที่คนได้รับคำชมเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรค้างคาใจ “มีอะไรหรือเปล่า ไมเคิล”


    “ดอกไม้ในภาพ... ว่าไงดี ผมคิดว่ามันแปลกนิดหน่อยที่ดอกไม้ในภาพดูไม่ใช่ดอกไม้ที่บานในฤดูเดียวกัน เพราะเพอร์เซโฟนีเป็นเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ เพราะฉะนั้น ดอกไม้ในรูปก็ควรจะเป็นดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ก็ฤดูร้อน” 


    “คุณกำลังมองสิ่งเดียวกับที่ผมมองอยู่เลย ไมเคิล” โทบี้ ฟอล์กเนอร์ที่ยืนฟังอยู่พักใหญ่ออกปากเป็นครั้งแรก “จากความละเอียดของฝีแปรงและรายละเอียดอื่น ๆ ของภาพนี้ ผมไม่คิดว่าคนวาดจะวาดขึ้นมาโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน”


    แพทย์นิติเวชขยับเข้าไปพิจารณารูปดอกไม้ในภาพอย่างจริงจังมากขึ้น และเริ่มออกเสียงชื่อของดอกไม้ในภาพออกมาทีละคำตามลำดับจากดอกไม้ที่อยู่ด้านบนสุดของภาพลงมาด้านล่าง 


    “ไอริส ลาร์คสเปอร์ ดอกส้ม ไวโอเล็ต ดอกเอลเดอร์ ยาร์โรว์ โอ๊ค เออร์ซีเนีย ดาวเรือง แอปเปิ้ล กุหลาบ ไอวี่ และอลิสซัม” 


    คิ้วของโทบี้ ฟอล์กเนอร์ขมวดเข้าหากัน


    “พี่ไปได้ผลงานของจิตรกรคนไหนมากันเนี่ย แล้วคนในรูปเป็นใคร”


    “คนวาดรูปนี้คือ มาเรีย สกาลัตติ ส่วนคนในรูปคือ มาเรีย ฮาส เซาธ์เวลล์ ภรรยาของลอร์ดเซาธ์เวลล์ สมาชิกสภาขุนนางสมัยศตวรรษที่ 18 เป็นผู้ว่าจ้างให้เธอวาดภาพนี้ขึ้นก่อนที่จะแต่งงานกับลอร์ดเซาธ์เวลล์” กีเดียนบอก “ศิลปินหญิงคนนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เพราะเธอมักจะวาดภาพต้นไม้และดอกไม้ในเชิงภาพประกอบหนังสือพฤกษศาสตร์ ร่วมกับพี่ชายและสามีของเธอที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเธอวาดภาพคนได้และวาดได้ดีด้วย”


    “พี่ก็อุตส่าห์ไปประมูลเอาภาพนี้มาจนได้” 


    “ไม่ค่อยมีใครรู้จักเธอ พี่เลยประมูลมาได้ กำลังคิดว่าจะให้พิพิธภัณฑ์ยืมจัดแสดงดีไหม เพราะพี่อยากให้งานของมาเรีย สกาลัตติเป็นที่รู้จัดมากขึ้นอีกหน่อย” กีเดียนเล่า “จิตรกรหญิงหลายคนมีฝีมือ แต่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าจิตรกรชาย เพราะชื่อของพวกเธอมักจะถูกกลบด้วยชื่อของสามี ชื่อของพี่หรือญาติพี่น้องในตระกูลที่เป็นผู้ชาย”


    “ผมเข้าใจนะ แต่ผมคิดว่าภาพเขียนนี้เหมือนเป็นบันทึกส่วนตัวหรือข้อความส่วนตัวของพวกเธอสองคน” โทบี้พึมพำพลางเหลือบมองตาไมเคิล ในขณะที่ฝ่ายหลังมองตอบและพยักหน้าอย่างคนเข้าใจกัน


    “นายหมายความว่ายังไง โทบี้” 


    “พี่พอจะรู้ไหมว่า มาเรีย สกาลัตติกับมาเรีย ฮาสรู้จักกันได้ยังไง เมื่อไหร่”


    “เท่าที่มีคนพยายามสืบประวัติของมาเรีย สกาลัตติจากบันทึกและจดหมายต่าง ๆ ของเธอ มาเรียทั้งสองคนพบกันที่ห้องแสดงภาพและงานเลี้ยง พวกเธอสนิทกันพอสมควรทีเดียว แต่หลังจากฮาสแต่งงาน สกาลัตติก็ย้ายตามสามีของเธอซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ไปที่มาเลเซีย เธออยู่ที่นั่นได้สองปี ก็ป่วยเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว เพราะฉะนั้น ผลงานของเธอในฐานะจิตรกรเต็มตัวจึงมีไม่มากและไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ส่วนมาเรีย ฮาสเองก็ไม่ชอบการออกสังคมนัก แต่เธอก็ทำการกุศลโดยการผลักดันให้ผู้หญิงมีโอกาสเรียนหนังสือหรือเรียนศิลปะ น่าเสียดายที่เธอเองก็อายุไม่ยืนเท่าไหร่เหมือนกัน” 


    กีเดียนหยุดพักหายใจแล้วยืนมองภาพของเพอร์เซโฟนีด้วยท่าทีที่จริงจังมากขึ้น


    “ลอร์ดเซาธ์เวลล์แก่กว่ามาเรีย ฮาสหลายสิบปี มีข่าวว่าเขากับเธอแต่งงานกันด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง เขาปฏิบัติกับเธออย่างให้เกียรติ แต่ก็มีช่องว่างระหว่างเธอกับเขามากพอสมควร ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจจ้างมาเรีย สกาลัตติให้มาวาดภาพเธอที่บ้านเป็นเวลาร่วมปีนั้น เป็นช่วงเวลาที่มาเรีย ฮาสดูมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่แต่งงานมา ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนจดรายชื่อของดอกไม้ที่เธอตั้งใจจะให้อยู่ในรูปนั้นให้สกาลัตติด้วย”


    “และช่วงเวลานั้นก็ถูกบันทึกเอาไว้ในทุกอณูของภาพที่มาเรีย สกาลัตติเขียนเอาไว้หมดแล้ว” น้องชายของเขากล่าว และเดินเข้ามายืนมองภาพวาดดังกล่าวข้าง ๆ พี่ชาย “ทั้งช่วงเวลาและข้อความที่พวกเธอบอกกันและกันก่อนที่จะต้องจากอีกฝ่ายไปใช้ชีวิตในแบบที่สังคมกำหนดให้พวกเธอต้องเป็น”


    ประโยคสุดท้ายของโทบี้สะดุดหูจนกีเดียนต้องหันมามองน้องชาย


    “ดอกไม้ที่มาเรีย ฮาสบอกและดอกไม้ที่มาเรีย สกาลัตติเขียนไว้ในรูปไงครับ” น้องชายของเขาบอกยิ้ม ๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมบ้านและเพื่อนสนิทต่างวัยของน้องชายของเขาส่งปากกาที่เหน็บไว้กับกระเป๋าเสื้อให้
    “ลองเขียนชื่อดอกไม้ในรูปเรียงลำดับดูสิครับ”


    กีเดียนค้นหากระดาษใช้แล้วแผ่นหนึ่ง และทำตามที่โทบี้กับไมเคิลแนะ


    Iris
    Larkspur
    Orange blossoms
    Violet
    Elder flower 
    Yarrow
    Oak
    Ursinia
    Marigold 
    Apple blossoms
    Rose
    Ivy
    Alyssum


    “ชื่อของดอกไม้พวกนี้มีความหมายในภาษาดอกไม้อย่างงั้นเหรอ” กีเดียนเอ่ยอย่างครุ่นคิด เมื่อกวาดสายตาไปตามชื่อของดอกไม้และพืชพันธุ์ที่เรียงกันอยู่บนกระดาษ แต่แล้วก็ส่ายหน้าสลัดเอาความคิดนั้นออกไป “ไม่สิ ภาษาดอกไม้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุควิคตอเรียน ไม่ใช่จอร์เจียน”


    “ไม่ใช่หรอก มันไม่ได้เป็นปริศนาขนาดนั้น” โทบี้บอก “อักษรตัวแรกของชื่อดอกไม้ ชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้ว เป็นความลับที่อยู่ในที่ที่เปิดเผยกว่าที่ใครคิด”


    น้องชายของเขาพูดถูก ขอเพียงแค่รู้จักชื่อดอกไม้เหล่านี้ ก็จะเห็นข้อความที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของมาเรียทั้งสองคนอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาอย่างที่สุด


    I LOVE YOU, MARIA


    เป็นข้อความที่มาเรีย ฮาสบอกแก่มาเรีย สกาลัตติและมาเรีย สกาลัตติตอบกลับแก่มาเรีย ฮาส


    พวกเธอต่างรู้ดีว่า นับแต่ช่วงเวลานี้ต่อไป พวกเธออาจไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้พบกันอีก มีเพียงสิ่งที่ระลึกถึงกันสิ่งนี้เท่านั้นที่พวกเธอจะบันทึกความทรงจำของทั้งสี่ฤดูที่พวกเธอเคยใช้ร่วมกันเอาไว้ในภาพวาดและมวลดอกไม้เหล่านี้เท่านั้น ก่อนที่ช่วงเวลาที่ความรักผลิบานเหมือนดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะโรยราเมื่อเทวีเพอร์เซโฟนีจำต้องย้ายจากผืนดินสว่างไสวไปอยู่ในปรภพอันมืดมนกับชายที่เธอไม่ได้รักตั้งแต่แรก 


    “ตอนนี้ พี่ก็รู้แล้ว” โทบี้ ฟอล์กเนอร์เอ่ย “พี่จะตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับภาพนี้ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับพี่แล้ว”
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in