'
วันนี้ฉันไม่กลัวฝน ฉันไม่กลัวที่จะเปียกฝน
อีกต่อไป... ' ฉันเคยเขียนประโยคนี้ไว้ในไดอารี่ของฉัน ชึ่งมันทำให้ฉันนึกถึง
เย็นวันหนึ่งที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน ฉันขับมอไซค์กลับบ้านคนเดียว แต่โชกไม่ดีเอาชะเลยฝนดันตกชะงั้น ด้วยความที่กลัวว่าแม่ของฉันจะรอ กลัวแม่จะน้อยใจเพราะสัญญากับแม่ไว้แล้วว่าจะกลับบ้านมากินข้าวด้วยกัน..
แรกๆก็ว่าจะแวะหลบฝนที่ข้างทางเพราะกลัวเปียก แต่ฉันก็ตัดสินใจบิดคันเร่งสู้กับหยาดน้ำฝนที่เทลงมาจากท้องฟ้า ปกติ ถ้าออกนอกบ้านแล้วขากลับฝนดันมาตกดักละก็ ฉันก็จะรอจนกว่าฝนจะซา..แต่ความรู้สึกของวันนี้มันไม่ใช่
ระหว่างทางก็เห็นคนส่วนมาก เค้ายืนรอ จอดรถตามข้างทาง เพื่อหลบฝน แล้ว บนท้องถนนก็มีรถไม่มากนัก ปริมาณน้ำฝนที่เทลงมาก็เริ่มมากขึ้น แรงขึ้น จากเม็ดเล็กๆ ก็ค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่
และ เทลงมาใส่ไม่ยั้งเลย
(ถ้าฝนตกหนักขนาดนี้แล้วยังจะขับต่อมันอันตรายนะเอาจริงๆไม่แนะนำให้ทำตาม)
ฤดูฝนก็เปรียบเสมือนอีกหนึ่งฤดูของชีวิตที่เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวันบางวันฝนก็ตกหนัก และ ลมแรงบางวันก็ฝนปรอย และ แดดส่องมันก็จะเป็นอย่างนี้จนกว่าจะถึงฤดูกาลใหม่…ฉันแค่อยากจะถามคุณว่า:..
“ คุณกล้าเดินตากฝนมั้ย ถ้าหากไม่มีร่มแล้วคุณจะหลบฝนมั้ย ถ้าหากคุณมีร่มแต่คุณไม่เคยได้สำผัสกับหยดน้ำฝนมาก่อน....? "
บางคนเวลา ฝนตกหนักเลือกที่จะหลบอยู่ใต้ชายคา รอจนกว่าฝนจะหยุดแล้วเดินต่อ
.
บางคน ก็กลัวลม กลัวฟ้า กลัวฝนจนไม่กล้าเดินต่อไปข้างหน้า
.
บางคนก็กลางร่ม ฝ่าฝนไปด้วยความกล้าๆกลัวๆ แต่ก็เลือกที่จะเดินต่อ มากกว่าหยุดรอให้ฝนซา
.
แต่บางคนก็เลือกที่จะเดินตากฝนโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับลมกับฝนที่ปะทะตัว
. . . . . .
มันเป็นเพราะเราเลือกที่จะใช้ชีวิตและคิดต่างกันละมั้ง
คนสิบสิบคนมีหลายความคิดหลายความรู้สึก เราบอกไม่ได้หรอกว่าคนไหนชอบอะไร และ ชอบแบบไหนมันเป็นเพราะเราเจออะไรมาต่างกันเรื่องบางเรื่องที่เราเจอะเจอบ่อยก็จะทำให้เราแข็งแรงแต่กลับบางเรื่องเราก็ต้องเมินหน้าหนีแล้วปล่อยมันไป…
ยังไงชะ …
“…อย่าเดินหลบฝนจนตัวไม่โดนน้ำอย่าเดินตากฝนจนผมไม่เคยแห้ง..”
ก็เนี่ยแหละชีวิต…
เราต้องเพื่อพื้นที่ให้คำว่า พอดี อยู่กับตัวเราบ้าง :)
' when life gives you rainy days, wear cute boots and jump in the puddles '
cr : once
Story by the moon
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in