วันนี้อากาศดี ซิงเฉิงเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แม้ฟ้าจะครึ้มตามปกติของช่วงเดือนมีนาคมในไต้หวัน แต่ฝนกลับไม่ตกลงมาเหมือนทุกวัน การลำเลียงสินค้าลงเรือในท่าของบริษัทขนส่งระหว่างประเทศตระกูลเฉิน จึงเป็นไปอย่างราบรื่น
สมาร์ทโฟนในกระเป๋าแจ๊คเก็ตโค้ทสั้นเบาๆ เขาหยิบขึ้นรับสาย
"ครับ เกอ?"
'แกอยู่ไหน' เสียง 'เกอ' หรือ เฉินอู่หยาง พี่ใหญ่แห่งตระกูลเฉินดังขึ้น เกอเป็นคนจริงจัง เสียงเขาเคร่งขรึมเสมอ แต่ครั้งนี้... ฟังดูจริงจังมากไปหน่อย
"ท่าเรือครับ" ซิงเฉิงตอบ มองคนงานแบกห่อของเล็ก ๆ เข้าไปในตัวเรือ "สินค้าของบริษัททาเคชิม่ากำลัง--"
'กลับไปที่บ้านใหญ่!!' เกอตวาดขัด 'ไม่ก็มาหาฉันที่บริษัท! เดี๋ยวนี้!!'
ชายหนุ่มแปลกใจ พี่เขาไม่ค่อยตวาดคน ถึงแม้จะมึนงงอยู่บ้าง แต่ก็ยอมรับปากแล้ววางสาย
เขาหันไปสั่งงานลูกน้องให้ช่วยคุมการขนส่งต่อแล้วเดินไปยังส่วนของลานจอดรถ
เพียงแต่พ้นแนวตู้คอนเทนเนอร์ส่วนทำงานของวันนี้ได้ไม่ไกล เสียงขึ้นไกปืนแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง
แกร๊ก...
ซิงเฉิงถอนหายใจ ท่าทางวันนี้จะไม่ราบรื่นอีกต่อไป...
ฟุ่บ!!
สิ้นเสียงไกปืนที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังบุรุษผมยาวชายชุดสูทสีดำและแว่นสีเดียวกันเกือบสิบคน พร้อมอาวุธปืนที่ปากประบอกติดเครื่องเก็บเสียง มีควันเขม่ากำลังขึ้นไอเด่นชัด
หนึ่งในพวกเขาเดินมาหาบุคคลผู้เป็นเป้าหมายตรงหน้า แม้ทั้งหมดจะดูเหมือนกันดุจถ่ายสำเนามา แต่มีเพียงชายคนนี้ที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าเท่าตัว และที่ใบหน้าตรงตาขวามีรอยแผลเป็นบากเป็นทางยาวลู่ไปกับด้านข้างขวาของใบหน้า
"คุณคือ มิสเตอร์ อู่ซิงเฉิง ?" เสียงเหี้ยมถามเป็นภาษาอังกฤษที่ดูจะแปร่งและรัวไปนิด ทำให้ดูรู้ว่าไม่ใช่เจ้าของภาษา ร่างของเขาสูงใหญ่จนบังคนตรงหน้ามิดเลยทีเดียว
"..." ซิงเฉิงอึ้งไปนิด เขาใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมขึ้นทัดหู แล้วหัวเราะร่วน "ฮ่าๆๆๆ ผิดคนแล้วละ ฉันแซ่เฉิน ไม่ได้แซ่อู่"
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยหรี่ลงนิดอย่างระวังตัว "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะ"
"เดี๋ยวครับ..." ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่ยอมให้ซิงเฉิงผ่านไปง่ายๆ หากพิจารณาให้ดี ที่ใบหูของเขามีบลูทูธสีดำมันวับอันเล็กๆเสียบอยู่ เขาเอาปืนถือจ่อขวางซิงเฉิงไว้ และเริ่มถามคำถามอีกครั้ง
"ขออภัยด้วยครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ มิสเตอร์เฉินซิงเฉิน ญาติของมิสเตอร์เฉินอู่หยางหรือเปล่าครับ" สำเนียงของชายร่างใหญ่ยังคงรัวเหมือนเดิม ถึงจะถามอย่างสุภาพ แต่การกระทำไม่ได้สอดคล้องกันแม้นิดเดียว
"ไม่ใช่" ซิงเฉิงพูดง่าย ๆ "ให้ฉันไปได้รึยัง"
เขาคิดถึงญาติสาวที่ไทยคนหนึ่ง รายนั้นจอมกวนส้น เจอสถานการณ์อย่างนี้คงบ่นอุบว่าหลุดมาอยู่กองถ่ายหนังมาเฟียฮ่องกงสมัยแม่ยังสาวแน่ ๆ
ยิงกันที่ท่าเรือ ให้ตาย...
เขาไม่ใช่เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้นะ
"คงไม่ได้หรอกครับ มิสเตอร์เฉินซิงเฉิง..." ชายหน้าบากกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมแก้ชื่อเขาให้ถูกต้อง แต่รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมชวนสยอง "มีคนอยากพบคุณเลยส่งให้ผมมารับครับ...กรุณามากับพวกเราด้วยครับ.." ชายหน้าบากส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งหมดติดอาวุธเตรียมพร้อมหากมีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ซิงเฉิงมองกลุ่มคนที่ตีวงล้อมรอบตัว เขาไม่คิดว่า 'คนอยากพบ' จะอยากพบแค่ศพ ดังนั้นจึงหันมายิ้มยียวนให้
"แต่ฉันไม่อยากพบ"
ไวกว่าใครจะทันตั้งตัว ชายหนุ่มดึงปืนออกจากอกเสื้อ เขายิงใส่ชายหน้าบาก อีกฝ่ายหลบทัน จึงลั่นกระสุนใส่มือลูกน้องสูทดำสองคนคนละนัด
พวกเขาทำปืนตก ซิงเฉิงวิ่งไปทางนั้น ผ่านลูกน้องสูทดำออกจากวงล้อม
รถของเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แล้ว
ขณะที่เฉินซิงเฉิงกำลังวิ่งไปที่รถของตนเอง เขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนก้าวมาอยู่ทางด้านหลัง
สันมือสับเข้าที่ท้ายทอยของเป้าหมายอย่างรู้จุด ชายหนุ่มล้มลงไปสลบอยู่กับพื้น ชายหน้าบากที่เหลือเดินมาสมทบกับบุคคลตรงหน้า
"ไหนว่าแค่พวกนายก็พอแล้วไง..." น้ำเสียงของบุรุษเส้นผมสีน้ำตาลซอยรากไทรประบ่า กับนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่ทำให้ดูใบหน้ากะล่อนนี่ชวนมอง เข้ากับสูทสีดำเชิ้ตสีเขียวเข้มไม่ผูกไทแหวกอกเห็นสร้อยคอกางเขนทำจากเงิน เขายกบุหรี่ขึ้นสูบอย่างสบายๆ เหมือนไม่สนใจขัดกับเหล่าลูกน้องที่น่าซีดเป็นไก่ต้ม กำไลโซ่เงินที่ข้อมือ ล้อแสงจากปลายมวนบุหรี่แวบหนึ่ง
"ขออภัยด้วยครับ คุณกิลโด..." ชายหน้าบากเอ่ยกับบุคคลที่ตัวเล็กกว่าเขาแต่ตำแหน่งกลับสวนทางกัน
‘กิลโด’ สั่งให้ลูกน้องอุ้มซิงเฉิงขึ้นรถเบนซ์สีดำคันหนึ่ง ชายในชุดสูทดำจัดการใส่กุญแจมือคนไร้สติไพล่หลังเรียบร้อย ก็นำร่างนั้นเข้าไปวางที่เบาะหลังของรถ
กิลโดตามเข้าไปนั่งประกบข้างซิงเฉิงที่เบาะหลัง ชายหน้าบากเป็นคนขับและมีลูกน้องอีกคนนั่งหน้าข้างคนขับ
"ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้กับบอส เพราะฉะนั้นรีบไป เราสายมากแล้ว.."
"ครับ คุณกิลโด"
รถยนต์เคลื่อนออกไปยังสนามบินอย่างไร้ร่องรอย…
หลังรถหรูคันนั้นหักเลี้ยวออกไป รถเชอร็อคกีอีกคันก็แล่นเข้ามา คนในรถถอนหายใจ กดโทรศัพท์ต่อสายถึงพี่ชาย
"ผมมาไม่ทัน ซิงเฉิงโดนจับไปแล้วครับ"
'ฉันน่าจะฝึกมันเหมือนที่ฝึกแก' เกอตอบกลับมาพร้อมเสียงถอนหายใจ เมื่อคนโทรหายังเงียบรอฟังคำสั่ง เขาจึงต้องเอ่ยต่อ 'เอาเถอะ แกไม่ต้องตามไป ทางนั้นไม่ต้องการจับตาย เดี๋ยวก็คงยื่นข้อเสนอมาเอง'
"ครับ" คนขับเชอร็อคกีรับคำแล้ววางสายโทรศัพท์ ขับรถกลับบริษัทอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
ถ้าอวัยวะของซิงเฉิงจะหายไปสักอย่างสองอย่าง เขาก็ถือว่าให้นับเป็นเกียรติยศมาเฟียก็แล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in