pulp fiction ไง มึงอ่านดิ มันก็เขียนไว้
อ่อ ครับพี่

นับแต่นั้นเป็นต้นมาเลยฝังใจกับหนังเรื่องนี้ และสะกดจิตตัวเองว่า กูต้องชอบ pulp fiction
แล้ววันหนึ่ง ก็ได้ pulp fiction มาอยู่ในมือ เอาล่ะวะ เปิดดูครั้งแรก

...หลับไม่เป็นท่า ตั้งแต่ 15 นาทีแรก

ไม่ได้ สงสัยง่วงไป หนังมันสนุก กูต้องดูให้จบ ทำใจอยู่หลายวันจึงเปิดดูรอบที่สอง

...หลับเหมือนเดิม คราวนี้ ดูต่อไปได้อีก 30 นาที รวมของเดิม 15 นาที หยุดสถิติที่ 45 นาที

Fact.

pulp fiction (1994) 

ชื่อไทย เขย่าชีพจรเดือด
กำกับโดย Quentin Tarantino

Review.

pulp fiction เป็นหนังลำดับที่ 2 ของ Quentin Tarantino เจ้าพ่อหนังอาชญากรรม คนเดียวกับที่ทำเรื่อง The Hateful Eight และ Django Unchained นี่แหละครับ ซึ่งเอาจริงๆ pulp fiction คือเรื่องที่สร้างชื่อให้เขาอย่างแท้จริง เพราะกวาดรางวัลไปมากมายหลายสถาบัน เด่นสุดก็น่าจะเป็นในสาขาบทภาพยนตร์

หนังเรื่องนี้ว่าด้วยชีวิตลูกน้องเจ้าพ่อ 2 คน ที่คาเรกเตอร์ดีไซด์ต่างกันสุดขั้ว Vincent Vega (John Travolta) และ Jules Winnfield (Samuel L. Jackson) หากใครยังติดภาพนักเที่ยววัยรุ่นของ ทราโวตรา ใน Saturday Night Fever ก็ขอให้มาดูเรื่องนี้ เพราะ บท วินเซน ทำให้ ทราโวตรา ดูกวนตีนขึ้นเป็นเท่าตัว storyline ของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจับยาก เพราะเป็นหนังแบบ non-linear คือเล่าเรื่องไม่ตามลำดับ ระดับที่ว่า ขนาดอ่านปกหลังดีวีดียังไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น หากไม่ใช่สมาธิดูจริงจัง ก็จะหลับแบบวาร์ปหายไปเลย

นอกจากการเล่าเรื่องยังชวนหลับแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ บทพูดที่ร่ายยาว จริงๆก็ไม่แปลกหรอก ถ้าเป็นแฟนหนังเคว็นติน เพราะแม่งพูดเยอะทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ จะพูดเยอะแบบเรื่อยๆเปื่อยๆ มุกบ้างซีเรียสบ้าง เหมือนกำลังสร้างสไตล์เฉพาะตัวอยู่ ตัวละครจะพูดมากทุกตัว ฟังๆก็เพลินดี แต่ถ้าเพลินเกินก็หลับอีก ต้องรักษาระดับความเพลินให้ดี

ถ้ามันน่าเบื่อขนาดนี้ ทำไมได้รางวัลเยอะแยะวะ เอาจริงๆ ถ้าดูผ่านช่วงเซ็ตอัพไปแล้ว จะสนุกมาก ซึ่งไอเซ็ตอัพที่ว่านั้นก็ไม่ได้วางตามโครงสร้างหรอก แต่เหมือนเป็นการบอกข้อมูลตัวละครมากกว่า นอกจากนี้จะเห็นความชาญฉลาดในการวางบทที่ซับซ้อน โดยเล่นกับเรื่องจุดตัดของเวลา เรื่องหลักถูกแบ่งออกประมาณ 3 sequence Butch Coolidge(Bruce Willis) ล้มมวย // Jules Winnfield จะเลิกฆ่าคน // Vincent Vega ต้องไปดูแล Mia Wallace (Uma Thurman) ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้านาย 1 วัน // และเรื่องทั้ง 3 seqeuence ก็ถูกซอยสลับไปๆมาๆ ทำให้ดูซับซ้อนและน่าสนใจ

เซ็ตของหนังเรื่องนี้ ไม่ได้อลังการเท่าไร ไม่ย้อนยุคหรือไซไฟ แต่เป็นเซ็ตแบบธรรมด้าธรรมดานี่แหละ ร้านอาหาร บ้านคน โรงรถ หอพัก จัดแสงกันก็ปกติ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ขั้นโอ้โห แต่กลับมีฉากในความทรงจำเยอะเหลือเกิน ทั้งฉากยิงกันในหอพัก ฉากเต้นที่ไนท์คลับ ฉากปล้นร้านอาหาร และที่ลืมไม่ได้คือช็อตขาย มุมเสยของเคว็นติน

ต้องใช้เวลาถึง 3 รอบ กว่าจะดูจบครบบริบูรณ์ พอ end cradit ขึ้นก็อุทานว่า เห้ย สนุกจริงๆว่ะ ขึ้นทำเนียบหนังอันดับ1ที่ชอบทันที

หากยังไม่เคยดู หวังว่าจะลองไปหาดูกันนะครับ ขอบคุณ