หากจะเขียนรีวิวถึงทริปหนานกิง คงต้องกล่าวถึงโปรเจกต์ "Wish to welcome TFBOYS in Thailand" เสียก่อน โปรเจกต์ที่ว่าคือการนำเอาแบนเนอร์ไวนิลขนาด 1X4 เมตร ไปที่หน้า Nanjing Olympic Sports Centre เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่า มีแฟนๆ ของ TFBOYS ที่ประเทศไทยรอเจอพวกเขาอยู่ เพราะงั้นช่วยส่งพวกเขาทั้งสามมาหาพวกเราที~~~
เราคิดจะทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เห็นแฟนคลับชาวจีนทำกิจกรรมสนับสนุน TFBOYS ในงานครบรอบที่ปักกิ่งแล้ว พอดีว่าปีนี้มีเพื่อนลงชื่อจะไปงานครบรอบรวมหัวจมท้ายด้วยกันถึง 8 คน มากพอที่จะช่วยๆ กันถือแบนเนอร์ได้ เลยเกริ่นๆ เกี่ยวกับโปรเจกต์ในฝันนี้ให้ทุกคนฟังไว้ล่วงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เกือบที่จะล้มเลิกกลางทาง เนื่องจากกดตั๋วงานครบรอบได้แค่ 5 ใบ ไม่ครบตามจำนวนคน จนกระทั่งทุกคนยืนยันว่า "ถึงไม่ได้ตั๋วก็จะไป!!!" เพราะงั้นโปรเจกต์นี้จึงได้เดินหน้าต่อ
ความคิดตั้งต้นของเราในตอนแรกก็แค่ไปกางแบนเนอร์กับเพื่อนๆ แล้วถ่ายรูปสวยๆ โดยมีฉากหลังเป็น Nanjing Olympic Stadium เหมือนแบบที่กรุ๊ปทัวร์เขาชอบทำกัน แต่ไปๆ มาๆ ความคิดถูกขยายขึ้นๆ จนกลายเป็นการจัดมีตติ้งในวันที่ 6 สิงหา เปิดให้แฟนชาวไทยได้มาเซ็นชื่อบนแบนเนอร์ก่อนที่จะไปหนานกิง แล้วยังรับบริจาคขนมและผลิตภัณฑ์จากเมืองไทย แพ็คใส่ถุงของขวัญนำไปแจกให้แฟนชาวจีนที่จะมาเซ็นแบนเนอร์ในวันที่ 13 สิงหา ไม่พอยังรับอาสาส่งโปสการ์ดรูปวิวทิวทัศน์ของประเทศไทยส่งไปให้ TFBOYS ทางไปรษณีย์จีนแทนแฟนๆ ที่มาร่วมเซ็นแบนเนอร์ในวันมีตติ้งไม่ได้
มาคิดดูอีกทีตอนนี้ นี่เราทำอะไรเกินตัวไปรึเปล่านะ?
คัทเอ้าท์ออกแบบโดย jennynista เหมือนเดิม เพราะติดภารกิจลูกกตัญญู เราและน้องผิงจำต้องออกเดินทางในคืนวันที่ 12 สิงหา หรือก็คือเช้ามืดของวันที่ 13 สิงหา
เชิญเสด็จขึ้นเครื่องเพคะเสี่ยวหวงตี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ถึงหนานกิงหลายวันแล้ว ได้มีประสบการณ์ไปเฝ้าอยู่ด้านนอกยิมเนเซี่ยมตั้งแต่วันที่ 10 รอจน TFBOYS ซ้อมเสร็จ ท่ามกลางหมู่ม๊อบ 4 ก๊ก 4 สี ในเหตุการณ์ดราม่าที่แฟนเดี่ยวช่วยกันตะโกนบอกให้ "TFBOYS แยกวง" นั่นแหละ วันที่ 11 มีอยู่ 2 คนที่ได้ตั๋วงานครบรอบของ TFBOYS รอบแรก และอีก 3 คน ได้ตั๋วไปดู Summer Carnival ของเด็กฝึกในวันที่ 12 แทบทุกคนตระเวนรับของแจกจากบ้านแฟนคลับตั้งแต่คอนวันแรกและยังเข้าร่วมงานของบ้านรวมที่มีชื่อว่า "TFBOYS 4th anniversary fans carnival together" อีกด้วย
เรียกได้ว่า โปรแกรมติ่งแน่นเอี๊ยด ตั้งแต่วันที่ 10 ยันวันที่ 13 ในขณะที่เราพลาด พลาด พลาด ทุกสิ่่งอัน ที่กล่าวมา ฮือ...
คือทำใจแล้วว่าถ้าบินไปถึงวันที่ 13 คงได้ติ่งแค่วันเดียว อีกสองวันที่เหลือก็เที่ยวแบบมักเกิ้ลไป แต่งานแฟนคลับอันสุดท้ายเราไม่ควรพลาดสิ เพราะจัดถึงสองวันติดกันคือวันที่ 12-13 สิงหาคม แถมยังจัดโรงแรมเดียวกับที่เราพักอีกด้วย ตามกำหนดการถ้าถึงสนามบินหนานกิงตั้งแต่ 8 โมงเช้า สามารถไปเดินเที่ยวในงาน fans carnival อย่างชิลด์ๆ แล้วค่อยออกไปรับของแจกด้านนอก จากนั้นช่วงบ่ายค่อยเริ่มทำโปรเจกต์แฟนไทยก็ยังไม่สาย
โดน CHINA EASTERN เล่นเข้าให้ การที่ดีเลย์ถึงสามชั่วโมง ทำให้เราถึงสนามบินหนานกิงเอาตอน 11 โมงเช้า กว่าจะต่อรถไฟไปยังสถานี Olympic Stadium East ก็ปาไปบ่ายโมง ตาลีตาเหลือกเอาถุงของขวัญที่อยู่กับเราและน้องผิงเกือบๆ 20 ถุง ไปฝากไว้กับพวกที่แสตนบายรออยู่แล้วให้เริ่มทำโปรเจกต์ได้เลย ก่อนจะลากกระเป๋าเข้าเช็คอินที่โรงแรม อาบน้ำแต่งตัว กินเบอร์เกอร์ที่หิ้วมาจากเมืองไทยคนละครึ่งชิ้นประทังชีพ แล้วจึงรีบกลับไปหาเพื่อนๆ ที่ตอนนี้กำลังโดนแม่จีนรุมอยู่
พอไปถึงก็พบว่าถุงของขวัญทั้ง 50 ถุงที่เตรียมไว้หมดเกลี้ยงแล้ว เหลือแต่ขนมถุงเล็กซึ่งแพ็คเก็บตกมาจากรอบไปรษณีย์
เห็นแพ็คเล็กแบบนี้แต่หนักรวมร่วม 5 โล Namtaoroy แบกไปหนานกิงคนเดียว เห็นแบบนี้แล้ว ในฐานะโต้โผถามว่ารู้สึกยังไงงั้นเหรอ? ดีใจซิคะ ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนเปิดรับบริจาคเราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนให้ความสนใจโปรเจกต์นี้มากขนาดนี้ เกือบจะเข้าโลตัสไปซื้อขนมมาแพ็คกันเองให้แค่พอเป็นพิธีอยู่แล้ว แต่พอเห็นกองพัสดุที่ส่งมา เห็นของที่แต่ละคนหิ้วมาสมทบในวันมีตติ้ง จนที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเตรียมถุงของขวัญไปแค่ 30 ถุง เลยต้องเพิ่มเป็น 50 ถุง แล้วที่เหลือเอามาแพ็คแยกเป็นถุงย่อยอย่างที่เห็น
พัสดุที่ใส่ขนมมาเต็มกล่อง ที่ส่งมามีตั้งแต่กล่องไซส์เล็กสุดไปจนถึงไซส์ใหญ่สุด จากที่กังวลว่าจะไม่มีของไปแจก คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นกังวลว่าจะไม่มีใครมารับของแจกแทน เพราะโปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์เฉพาะกิจที่เราทำร่วมกับเพื่อนร่วมทริป ไม่ได้ทำในนามบ้านแฟนคลับบ้านไหนทั้งสิ้น ข้อดีคือนึกอยากจะอะไรก็ทำได้ แต่ข้อเสียก็คืออ่อนการประชาสัมพันธ์มาก โปรโมทแค่ในทวิตเตอร์เท่านั้น แฟนไทยติดตามข่าวสารกันทางทวิตเตอร์อยู่แล้ว แต่จะแจ้งข่าวให้แฟนจีนรู้ได้ไงล่ะ?
เล่นง่ายโดยการขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยโพสต์คัทเอ้าท์และข้อความประชาสัมพันธ์ลงในเว่ยป๋อส่วนตัวของตัวเอง แบบว่าต่างคนต่างโพสต์ไปเลย ติ่งฝั่งจีนยังไงต้องสมัครเว่ยป๋อไว้ส่องไอดอลอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ? เรามีข้อความโปรโมทภาษาไทยกับภาษาอังกฤษแปะเอาไว้ให้เป็นไกด์ ใครอยากใส่ภาษาจีนกำกับลงไปด้วยก็แปลเลยตามจิตศรัทธา ช่างเป็นโปรเจกต์ที่ใกล้เคียงงานบุญเข้าไปทุกที
ตัวอย่างข้อความที่เราโพสต์ไว้ในเว่ยป๋อส่วนตัว
ถึงจะโปรโมทในเว่ยป๋อไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจเหมือนเดิม ถ้าของแจกไม่หมดแล้วต้องขนกลับไทยนี่ไม่สนุกนะ กังวลถึงขนาดที่เช็คพยากรณ์อากาศ เห็นว่าวันที่ 13 หนานกิงฝนตก กลัวว่าจะแจกของไม่ได้แชทบอกเพื่อนให้เริ่มทำโปรเจกต์ไปเลยตั้งแต่วันที่ 11 ซึ่งยังดีที่โดนปรามเอาไว้ก่อน เพราะทุกคนอยากทำพร้อมๆ กัน
ตอนที่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมของหมดไวขนาดนี้ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า พวกนางเล็งทำเลเอาไว้แล้ว ในสถานการณ์ที่แฟนคลับแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแตกออกเป็นก๊กๆ แบบนี้ ต่างคนต่างหวาดระแวงว่าคนอื่นอยู่สีไหนสแตนด์ใคร (นี่พูดถึงสงครามแฟนคลับนะ ไม่ใช่การเมืองไทย) การเลือกทำเลอยู่แถวๆ เต้นท์ส้มซึ่งเป็นบ้านรวมนี่แหละ ปลอดภัยที่สุด
แบนเนอร์ของเราก็สีส้ม (เครดิต : แม่บ้านเหล่าหวัง ) ซึ่งเป็นอะไรที่คิดถูกแล้ว เพราะตอนที่กางแบนเนอร์ออกมา แล้วเอาถุงของขวัญมาเรียง ทุกคนบริเวณนั้นหยุดกึก อ่านข้อความด้วยความพิศวง พอรู้ว่ามาจากเมืองไทย พากันตื่นเต้นกันใหญ่ คงประหลาดใจว่า "พวกเอ็งมากันได้อย่างไร?" กรูกันเข้ามาถามไถ่และช่วยเซ็นแบนเนอร์กันอย่างตั้งใจ แจกของกันมือเป็นระวิง แล้วตอนที่ฝนเทลงมา บ้านส้มยังกวักมือเรียกให้ได้เข้าไปอาศัยหลบฝนให้เต้นท์อีกด้วย เหล่าส้มช่างเป็นคนดี~~~
การได้มาทำโปรเจกต์แบบนี้ ทำให้ได้พูดคุยทำความรู้จักกับแฟนจีนหลายคน คนอื่นคุยนะ ทางนี้รอเขาแปลให้ฟังอย่างเดียว มีแม่จีนคนนึงเห็นน้องผิงหน้าเด็ก (ซึ่งก็เด็กจริงๆ) เลยถามน้องด้วยความเป็นห่วงว่า "มีตั๋วรึยัง ซื้อตั๋วยังไง?" ผิงก็ตอบไปว่า "พอดีว่ากดตั๋วมาได้" เขาเลยเล่าว่าตัวเองกดไม่ได้ เลยต้องซื้อตั๋วผี (ตั๋วจริงที่อัพราคา) กับพวกวัว (นายหน้าค้าตั๋วผี) อย่างตั๋ววันที่ 11 จากราคาหน้าบัตร 1,080 หยวน ต้องควักเงินซื้อในราคาสูงถึง 4,500 หยวน หนำซ้ำราคาตั๋วผีของวันนี้ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายยังแพงกว่าของวันที่ 11 อีก เพราะขึ้นไปถึง 5,000 หยวน หรือราวๆ 5 เท่าได้ ถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่เขาไม่แนะนำให้ซื้อตั๋วผี แต่เขาทำงานแล้วไม่เป็นไร
ดะ เดี๋ยวนะ พี่คะ ถึงพี่จะทำงานแล้ว แต่ถ้าซื้อตั๋ว 2 วันตามราคาที่พี่บอก มันปาไป 9,500 หยวน เฉียดๆ 5 หมื่นบาทเลยนะคะ ไหนจะค่ารถไฟค่าโรงแรมอีก เอ่อ...
แต่เราเข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงได้มาเตือน เพราะตั้งแต่ย่างเข้าสู่อาณาเขตของ Olympic Stadium ก็โดนคนทักขายตั๋วตลอดทาง ตั๋วผีอัพราคาไม่เท่าไหร่ แต่
ตั๋วปลอมมาหลอกขาย นี่สิว่อนเชียว
ปลอมเป็นปึกเลยจ้า (เครดิต : Chinanews ) เจอแฟนบอยหยวนเกอหน้าตาน่ารักแต่งตัวเรียบร้อยอะเกน ผิงเห็นว่าเมนหยวนเหมือนกันเลยขอถ่ายรูปคู่ เขารีบออกตัวทันทีว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงนะ จ้าๆ รู้แล้วจ้า รู้น่ะว่าชอบหยวนเกอ จนใกล้จะบ่ายสามโมงครึ่ง เหลือของแจกเพียงไม่กี่ชิ้น เราเองยังไม่ได้ไปเดินงาน Fans Carnival ทั้งๆ ที่ค่าตั๋วก็จ่ายไปแล้ว เลยขอทุกคนถ่ายภาพหมู่เก็บเอาไว้ก่อน น้องพริมวิ่งไปตั้งกล้องเตรียมถ่ายอัตโนมัติ แต่แม่จีนที่เดินผ่านมารับอาสาถ่ายให้แทน น่ารักสุดๆ เอาจริงแอบเขินนะ เพราะตอนยกแบนเนอร์ขึ้นมาถ่าย คนแถวนั้นหันมามองกันหมดเลย >.<
โฉมหน้าทีมหนานกิงทั้ง 8 + เพื่อนจีนอีก 1 FANS CARNIVAL
ถ่ายเสร็จก็ปรึกษากันว่าจะอยู่ต่อหรือเก็บแบนเนอร์เลยดี คนที่ไปเดินงานบ้านรวมมาแล้วตั้งแต่วันที่ 12 รับอาสาอยู่ต่อ พวกเราอีก 3 คนที่เหลือเลยแยกมาที่โรงแรมเพื่อลงทะเบียนเข้างาน "TFBOYS 4th anniversary fans carnival together" ได้แพมเฟลตแนะนำงานและตั๋วเข้างานมาคนละชุด
งาน Fans Carnival เป็นงานที่บ้านแฟนคลับ TFBOYS (เฉพาะบ้านส้ม) มารวมตัวกันออกบู้ทค่ะ ในแพมเฟลตจะมีรายชื่อของทุกบ้านที่มาออกงานในวันนี้ ใครไปร่วมกิจกรรมกับบู้ทบ้านไหน ก็จะได้ของรางวัลและตราประทับจากบ้านนั้น ให้ได้สะสมกันราวกับแสตมป์เซเว่น
กะ ก็อยากเล่นกับเขาด้วยล่ะนะ แต่มาถึงตอนที่เขาจะเลิกงานกันอยู่แล้ว เสียใจ T_T บางบู้ทเห็นเรามาไกล ช่วยกันค้นๆ ของแจกที่เหลือๆ ยัดใส่มือมาให้ด้วย ไม่งั้นเราคง Sad กว่านี้
นอกจากกิจกรรมเปิดบู้ทของบ้านแฟนคลับที่ชั้น 5 แล้ว ที่ชั้น 6 ยังมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของ TFBOYS ตลอดระยะเวลา 4 ปีตั้งแต่ดีบิวต์มา (เห็นแล้วมันน่าเชิญมาจัดนิทรรศการที่บ้านเราจริงๆ) มีเวทีกิจกรรม มีมุมถ่ายรูปที่จำลองฉากมาจากรายการโรงเรียนชายล้วน ฯลฯ
ที่น่าสนใจก็คือกิจกรรมแฟนคลับที่ดูไร้สาระแบบนี้กลับมียักษ์ใหญ่อย่างเว่ยป๋อเป็นสปอนเซอร์ แอบรู้สึกว่าการเป็นติ่งในประเทศเค้าดูได้รับการสนับสนุนจังแฮะ นั่นเพราะในบางครั้งแฟนคลับเองก็พยายามติ่งกันอย่างสร้างสรรค์ด้วยล่ะมั้ง อย่างงานนี้ รายได้ที่ได้จากการการขายเซ็ตที่ระลึกของงาน ที่ประกอบด้วย จิ๊กซอร์ใส่กรอบ โปสการ์ดที่เป็นรูปถ่ายในนิทรรศการทั้งหมดจำนวน 50 ใบ สติ๊กเกอร์ และป้ายเชียร์ของทุกบ้าน (ถุงละ 86.66 หยวน) จะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล นี่ก็ซื้อกับเขาด้วย 1 ถุงเอาไปเป็นของรางวัลให้กับงานรีรัน สตาฟคิดให้ถ้วนๆ 86 หยวน เพราะเห็นว่าพวกเราไม่มีบัญชีอลิเปย์ เดี๋ยวทอนเงินลำบาก
สื่ออย่าง QIY มาเก็บภาพบรรยากาศในงาน ไปออกข่าวด้วย ดูของทางนั้นแทนได้ อย่าหวังดูรูปจากกล้องของเราเลย เพราะมีแต่ภาพบรรยากาศหลังเลิกงานทั้งนั้น
ระหว่างที่เดินเที่ยวชมงานอย่างกร่อยๆ นั้น รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก วีแชทถามพวกที่ยังทำโปรเจกต์อยู่ว่า มีกล้องออฟฟิเชียลมาถ่ายบ้างรึเปล่า ทางนั้นก็บอกว่าไม่นะ ไม่เห็นเลย ผ่านไปไม่นานนักน้องอ้อก็ส่งรูปนี้มาให้ดู
กล้องออฟฟิเชียลตัวจริงเสียงจริง (เครดิต : Luwei ) นี่เป็นโมเมนต์ที่เราควรอยู่ตรงนั้นมากที่สุดไม่ใช่เหรอ!? แล้วเรามาทำอะไรตรงนี้!!! กรีดร้องพร้อมถุงช้อปปิ้ง ถึงจะพลาดครั้งมโหฬาร แต่ก็ยังถือว่าสมกับความตั้งใจล่ะนะ เอาที่เคยทวิตไว้มาแปะ
ได้ยินว่า กล้องออฟฟิเชียลถ่ายเจาะแบนเนอร์ไล่ตั้งแต่หัวจรดท้าย ปฏิกิริยาของพวกเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ คือประหลาดใจนั่นแหละ แล้วก็ขอคนที่พูดภาษาจีนได้ดีที่สุดเป็นตัวแทนพูดถึง TFBOYS ต่อหน้ากล้อง (ยกหน้าที่ให้น้องหมิวไป) จากนั้นขอให้ทุกคนพูดสโลแกนพร้อมๆ กัน!? อา...สโลแกน มันต้องมีสโลแกนสินะ เขามีกันทุกบ้าน แต่พวกเราไม่ใช่บ้านแฟนคลับนี่ ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน สุดท้ายสโลแกนที่คิดกันสดๆ กันตอนนั้นคืออะไร? ไว้คลิปเบื้องหลังออก เดี๋ยวก็ได้รู้กัน... กล่าวได้ว่าโปรเจกต์ "Wish to welcome TFBOYS in Thailand" ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ได้ทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจไว้ และผลการตอบรับก็เกินความคาดหมาย ทั้งๆ ที่แรกเริ่มมันเป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความเอาแต่ใจของเราคนเดียวแท้ๆ แต่กลับสำเร็จได้เพราะความร่วมมือของทุกคน ดีใจจริงๆ ที่ตัดสินใจทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่าตัวเองยังมีหลายๆ เรื่องคาใจอยู่ โดยเฉพาะวันดีเดย์ที่เรามีส่วนร่วมน้อยมากแถมยังพลาดโมเมนต์สำคัญที่สุดอีกต่างหาก ดังนั้นจึงขอประกาศไว้ตรงนี้ว่า ในงานครบรอบ 5 ปี ของ TFBOYS ในปีหน้านั้น เรายังจะทำโปรเจกต์ต่อค่ะ โดยจะขออาสาเป็นแม่งานอีกปี เพื่อแก้ตัวในสิ่งที่พลาดไปในปีนี้ ถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวล่วงหน้าและหวังว่าจะได้การสนับสนุนอย่างอบอุ่นเหมือนดังเช่นปีนี้อีกนะคะ
CONCERT เอาล่ะเข้าสู่พาร์ทรีวิวงานครบรอบเสียที อันดับแรกต้องขอบคุณน้องอ้อกับน้องหมิวที่ไปแวะรับตั๋วให้ที่เซี่ยงไฮ้
ใบวันที่ 11 สีฟ้า บัตรวันที่ 13 สีส้มจ้า (เครดิต : Luwei ) เดินต้อยๆ เข้าฮอลล์จ้า โชคดีจังที่แถวไม่ยาว (เครดิต : yuange_only ) สองปีที่ผ่านมา TF ent. ไม่เคยเปิดบู้ทขาย Goods หน้าคอนมาก่อน ไม่รู้ปีนี้นึกเฮี้ยนอะไร ประกาศว่าจะขายโฟโต้บุ๊คงานครบรอบ 4 ปี กับสแตนดี้อะคริลิคของ TFBOYS ที่ในงาน ย้ำว่าในงาน ไม่ใช่หน้างาน กล่าวคือขายให้เฉพาะคนที่มีตั๋วเข้าไปในฮอลล์เท่านั้น เอากับเขาสิ! คือ Goods ไม่เท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวบริษัทก็เอาไปขายในเถาเป่าอีกรอบอยู่แล้ว แต่ดันมาบอกว่า สามารถนำการ์ดที่อยู่ใน Boxset งานครบรอบที่ขายไปแล้วก่อนหน้านี้มาประทับตราที่ระลึกได้ด้วย
นี่ถึงขั้นแจ้นไปรับ Boxset งานครบรอบที่พรีเซลล์เอาไว้ เพื่อเอาแค่การ์ด กะจะไปประทับตราที่ระลึกเต็มที่ พอเข้าไปข้างใน ไหนล่ะบู้ทขาย Goods ไหนล่ะตราประทับ ไม่เห็นมีเลย สะกิดถามแฟนคลับด้วยกัน เขาบอกว่าของหมดตั้งแต่วันที่ 11 แล้ว.... ไร้ซึ่งคำพูด นึกแล้วว่าไม่ควรเชื่อบริษัทตั้งแต่แรก ถึงของหมด อย่างน้อยก็ตั้งตราประทับไว้ให้ปั้มเซ่!
สปอนเซอร์ในวันนี้คือ มาร์กหน้า CHANDO เพราะงั้นก็เลยมีสแตนดี้ขนาดเท่าตัวจริงของ TFBOYS ตั้งโชว์ไว้อยู่ มีหรือที่จะเราจะพลาด ถ่ายรูปคู่กับลูกชายคนโตเสียหน่อย
เห็นคนอื่นเซ็นเซอร์กันเลยอยากเซ็นเซอร์บ้าง CHANDO ยังใจปล้ำแจกถุงผ้าลาย TFBOYS ให้ทุกที่นั่ง ข้างในมีมาร์กหน้าและกำไลไฟสีส้มไว้เชียร์คอนเสิร์ตด้วย (แต่คาดว่าพวกแฟนเดี่ยวคงไม่ใช้กัน)
รอบนี้เรากดได้บัตร 1,080 หยวน โซน 25 ซึ่งเป็นฝั่งขวาของเวที ถือว่าใช้ได้อยู่ เพื่อนบ้านของเราประกอบด้วย ขวามือแฟนกรุ๊ป (ส้ม) แถวล่างแฟนเดี่ยวหยวน (เขียว) ซ้ายมือแฟนคู่ไคหยวน (เขียว+น้ำเงิน) ส่วนแถวด้านบนเป็นมุมอับมองเห็นเวทีไม่ครบทุกส่วนจึงถูกปล่อยว่าง เลยมีแฟนคลับเนียนมาวางป้ายไฟมาวางตรงนี้ตรีม
จากที่นั่งมองไปยังเวทีจะได้วิวประมาณนี้ ขอบคุณน้องอ้อที่ทำให้พี่หาตัวเองในคลิปเจอ วงสีส้มนั่นแหละพอดับไฟ
คอนเสิร์ตก็เริ่มขึ้น .
.
.
VIDEO
COMMENT
โปรดักชั่นอัพเกรดจากปีกลาย เอฟเฟ็คที่เคยรีเควสไป มาหมดค่ะ ทั้งจุดพลุไฟ ยิงสายรุ้ง โปรยกระดาษ แถมควันพุ่งให้อีกต่างหาก เวทีเก๋เหมือนเดิม เสาข้างเวทีนึกว่าเอาไว้ติดสปอตไลท์เฉยๆ แต่ความจริงเป็นจอ LED ด้วย น่าทึ่งมาก VTR ก็ทำได้ดี ชอบไอเดียที่ปล่อย VTR แบบสั้นๆ มาโฆษณาก่อน ยิงให้คนดูซ้ำๆ จนจำได้ทุกช็อต แล้ว ค่อยปล่อยตัวเต็มตอนแสดงจริง รู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้ดูหนังภาคต่อ แต่ VTR สั้นเกิน น่าทำให้ยาวกว่านี้ จะได้ใช้เชื่อมต่อการแสดงทั้งหมดให้เป็นสตอรี่เดียวกันได้ ไม่ใช่ทำมาพอใช้แค่ตอนเปิดตัวอย่างเดียว เพลงที่ไม่ค่อยได้ร้องอย่าง In the Name of My Faith ถูกขุดเอามาใช้เป็นเพลงเปิด อานิสงส์จากการเป็น OST ละคร Boyhood แน่ๆ เราไม่เคยเห็นท่าเต้นของเพลงนี้มาก่อน แสดงว่าเพิ่งใส่เข้ามาเป็นครั้งแรกเลยใช่มั้ยเนี่ย สงสัยว่าทำไมตัวเองชอบ Set list ในคอนครั้งนี้มากนักนะ จน QQ ปล่อยเวอร์ชั่นไลฟ์ ออกมา ค่อยถึงบางอ้อว่า เพราะคอนนี้ TFBOYS ร้องเพลงของตัวเองเยอะนี่เอง เพลง TFBOYS ฟังแล้วสบายหู ไม่ต้องปีนบันไดฟังก็รู้ว่าเพราะ ยิ่งเอามาเรียงต่อกันนี่ฟังเพลินไปเลย แต่ช่วงโซโล่นอกจากหวังหยวนแล้ว อีกสองคนดันร้องโคลฟเวอร์เพลงคนอื่นแฮะ ติดลิขสิทธิ์เลยไงล่ะ ขอโทษด้วยที่คิดไปเองว่า พวกหนูลิปซิงค์ เพลง Our time ที่เป็นเพลงใหม่ ทั้งๆ ที่ในคอนได้ยินเสียงหอบดังมากแท้ๆ แต่ทำไมแม่ถึงโง่นึกว่าลิปซิงค์ไปได้ จนมาดูคลิปย้อนหลังนี่แหละ ถึงค่อยคอนเฟิร์มได้ว่า TFBOYS ร้องสดตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งจริงๆ รู้สึกเคืองที่ไม่ได้เห็นวงดนตรีเล่นสดร่วมกับน้องๆ ตลอดทั้งคอนเหมือนปีที่แล้ว แต่พออภัยให้ได้ เพราะได้ยินมาว่าวันที่ 11 ช่วงโซโล่ที่ให้ TFBOYS ออกมาเล่นดนตรีนั้น มีวงจริงมาร่วมแสดงบนเวทีด้วย คอสตูมเริ่ดค่ะ ไม่มีชุดไหนที่รู้สึกขัดใจแม่เลย เมคอัพก็เรียบกริบ TFBOYS และเด็กฝึก หน้าไม่ลอยมาพักใหญ่แล้ว แสดงว่าได้มืออาชีพจริงๆ มาช่วยดูแลโดยเฉพาะ ส่วนทรงผมนั้น บริษัทปล่อยให้ TFBOYS ฟรีสไตล์มาสักระยะแล้ว ไม่ต้องไว้ทรงม้าเต่ออีกต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะใจป้ำถึงขนาดอนุญาตให้ทำสีได้ด้วย (ถึงจะแค่สเปรย์เอาก็เถอะ) เพราะสิ่งดีงามอย่างนึงของคอนครั้งนี้คือ ผมสีน้ำเงินวิบวับเปล่งประกายของแมวน้อยหวังจุนไคนั่นแหละ นอกจากสีผมจะโดนใจแล้ว สกิลการร้องและการเต้นของเก้อก็อัพเกรดขึ้นด้วย คอนนี้แอบเป็นห่วงเขามากที่สุด ไม่ใช่เพราะเป็นเมน แต่เป็นเพราะเจ้าตัวเพิ่งพ้นจากสถานะนักเรียนเตรียมสอบมาหมาดๆ กลัวจะอ่อนซ้อมเพราะห่างหายเวทีไปนาน จนดูรายการ Come Sing With Me ที่ไปอัดหลังสอบเสร็จ ถึงค่อยมั่นใจขึ้นมาหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ หวังจุนไคร้องเพลงเก่งขึ้นมาก เทคนิคการร้องก็พัฒนาขึ้น ที่ด้อมอื่นแซะว่าลูกชายเต้นอ่อนแรงนั้น ทำไมเรากลับมองว่าเป็นสไตล์ของเจ้าตัววะ ต่อให้เก้อมันโตกว่านี้ ร่างกายมีกำลังมากกว่านี้ หรือซ้อมเต้นโหดกว่านี้ สุดท้ายสไตล์การเต้นตั้งแต่แรกของน้องก็คือการเต้นเลื้อยๆ อ้อยๆ แบบนี้นี่แหละ แค่ค่อยๆ ฝึกให้เนียนตาขึ้นเรื่อยๆ ก็พอแล้ว หากอยากดูเต้นแข็งแรงขอเชิญไปดูน้องเชียนค่ะ เหนือสิ่งอื่นใด คอนรอบนี้หวังจุนไคอารมณ์ดีมากกกกกกก กระตือรือร้น ยิ้มเก่ง ไม่งอแง อย่างกับคนละคนกับคอนที่ปักกิ่งปีที่แล้ว ซึ่งเราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเพราะตอนนั้นน้องป่วย อารมณ์เลยดิ่งเหว คอนนี้ฟิลลิ่งมาเต็มเลยจ้า มีอารมณ์ร่วมเต็มที่ กิจกรรมบนเวทีจึงดูสนุกไปซะทุกอย่าง จะว่าดีก็ดีแหละแต่จะมองว่าเป็นข้อเสียก็ได้ เก้อต้องรู้จักปรับอารมณ์ให้สมดุลกว่านี้เพื่อจะได้กลายเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง เสียงหยวนเกอยังคงสตรองเหมือนเดิม ในบางจังหวะที่เสียงเพื่อนๆ กำลังจะจมหายไปกับเสียงดนตรี จะได้เสียงของหวังหยวนนี่แหละที่ช่วยดึงเสียงเพื่อนร่วมวงให้ขึ้นมา ขณะที่เรื่องเต้นคงต้องติจริงๆ เพราะจังหวะที่เต้นไม่ทันเพื่อนกับบล็อกกิ้งผิดตำแหน่งเยอะจนสังเกตเห็นได้ แต่เราไม่โทษน้องแฮะ ทั้งหมดเป็นความผิด TF ent. ล้วนๆ ให้เวลาซ้อมน้อยเกินไปรึเปล่า ตอนคอน 2 ปี 3 ปี หวังหยวนเป๊ะกว่านี้มาก เพราะมีซ้อมกันเป็นเดือน ปีนี้นอกจากเวลาซ้อมน้อยกว่าเดิมแล้วบริษัทยังรับงานแทรกตารางซ้อมอีก สำหรับการเต้น น้องเชียนไม่เคยทำให้ผิดหวัง โซโล่เพลงเมดเล่ย์ของไมเคิล แจ็คสัน ทำเอาเราแทบตาย ยอมรับก็ได้ว่าเคยติ่งไมเคิล แจ็คสันมาก่อน (เรานี่มันติ่งมาทุกยุคเจรงๆ) ไม่รู้ว่าน้องเชียนอินกับไมเคิล แจ็คสันแค่ไหน เพราะตอนที่เขาตายเชียนซียังแค่ 9 ขวบเอ๊ง ขณะที่ยัยนี่นั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ ดูถ่ายทอดพิธีศพผ่านยูทูป ดีใจจริงๆ นะ ที่น้องเลือกทริบิวท์ให้คนที่ได้ชื่อว่า King of Pop เราเชื่อว่าฉายานี้จะเป็นของไมเคิลตลอดกาล ชื่นชมคนมิกซ์เพลงด้วย ไม่ใช่ติ่งไมเคิลคงตัดต่อเพลงได้ไม่เป๊ะขนาดนี้ ตรงกันข้ามกับหวังหยวนที่มีปัญหาเรื่องการเต้น เชียนซีก็มีปัญหาเรื่องการร้อง โดยเฉพาะท้ายเสียงมักสั่นแถมบางครั้งปลายเสียงยังหาย โชคดีที่มีเนื้อเสียงที่เพราะอยู่แล้ว ที่เหลือคือฝึกการร้องอย่างจริงจังนั่นแหละ คือถ้าเอาทักษะการร้องของหยวนกับการเต้นของเชียนมาหารแบ่งกันคงกำลังพอดี มีชมบ้างติบ้าง เพราะคาดหวังที่จะเห็นเด็กที่ไม่สมบูรณ์ทั้งสามนี้ดีขึ้นดีขึ้นเรื่อยๆ อ้อ...แล้วไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นนะ TF ent. ก็ด้วย ไม่ใช่เคี่ยวเข็ญให้ศิลปินพัฒนาตัวเองอย่างเดียว ค่ายเองก็ควรพัฒนาตัวบ้าง หาเรื่องให้แฟนคลับปวดตับอยู่บ่อยๆ คนเขาจะเทศิลปินเอาก็เพราะค่ายนี่แหละ เหมือนอย่างที่เราเท AKS มาแล้ว
จบการคอมเมนต์แต่เพียงเท่านี้ อนึ่ง...เราจะไม่คอมเมนต์เรื่องความหล่อของทั้งสามคน เพราะพูดไปก็จะหาว่าอวย อิ อิ อิ ว่าแล้วแปะรูปที่ถ่ายเองมาให้ดูด้วยละกัน ไหนๆ ก็แบกกล้องโปรกับขาตั้งกล้องไปด้วย
สเป็กกล้องตามนี้
กล้องดีนะ แต่ฝีมือเราห่วยเองล่ะ พื้นฐานเราไม่ค่อยชอบถ่ายรูป สังเกตได้ว่ารูปที่เอามาใช้เขียนบทความเป็นรูปของคนอื่นทั้งนั้น แค่จะควักมือถือขึ้นมาถ่ายเรายังขี้เกียจเลย แต่พอเห็นน้องพริมกับน้องอ้อแบกกล้องโปรไปกัน นี่เลยเหลือบมองกล้องของน้องชายที่นอนนิ่งอยู่ในตู้ แบกไปก็ได้ฟะ ให้น้องชายเทรนการถ่ายรูป 15 นาที ให้น้องพริมเทรนการใช้ขาตั้งกล้องของน้องเทย่าอีก 5 นาที ถ่ายได้ขนาดนี้คือดีสุดชีวิตแล้วล่ะ อีกอย่างน้องชายเห็นว่าเอาไปใช้ถ่ายในคอนเสิร์ตคงจะมืดแน่ๆ เลยตั้งค่ากล้องไว้สำหรับการถ่ายในที่มืด ที่ไหนได้คอน TFBOYS นั้นสว่างมากเลยจ้า สว่างขนาดที่ว่าพิธีกรต้องขอความร่วมมือให้แฟนคลับปิดป้ายไฟ เพราะแสงมันเยอะมากจนกระทบการถ่ายทอดสด พวกบ้านส้มก็ปิดกันนะ แต่บ้านเดี่ยวนี่ฝันไปเถอะ
จบคอน เดินออกจากฮอลล์แบบตัวลอยๆ เพราะคอนมันดีมาก ฟินกว่าปีที่แล้วอีก นึกในใจว่าแย่แล้วกลับไทยไปนี่ เราต้องขยันตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อมาคอนปีหน้าให้ได้ ยังเดินไปไม่ถึงประตูใหญ่ สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรอยู่ เป็นสตาฟห้อยป้ายสตาฟ หราเลย เอา CD+รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของ TFBOYS มาขายอย่างรีบร้อนเหมือนกลัวโดนจับได้ เรางี้รีบยื่นแบ็งค์ 100 หยวนให้เขาและรับ CD มาอย่างงงๆ จนออกมาด้านนอกเห็นลุงป้าตั้งแผงขายรูปภาพพร้อมลายเซ็นเหมือนกัน ถึงได้สติ เอ๊ะ! ฉันถูกหลอกแล้วใช่มั้ยเนี่ย หมิวบอกว่า "พี่ต้อยปีที่แล้ว สตาฟก็มาหลอกขายกันแบบนี้แหละ พี่จำไม่ได้เหรอ" จะ จำไม่ได้ ปกติเราไม่เอ๋อขนาดนี้ โดนพวกลูกๆ ทำให้จิตใจหวั่นไหวอย่างหนัก เลยขาดสติไปชั่วขณะ ควักเงินให้เขาเฉยเลย ปีที่แล้วสามล้อหลอกเอาเงินไป 30 หยวน ปีนี้โดนสตาฟหลอกอีก 100 หยวน ทุกปีเลยสิน่า
ออฟฟิเชียลยังไม่ออก แต่เรามีอัลบั้มใหม่ของ TFBOYS แล้วล่ะทุกคน
นัดเจอกับทีมหนานกิงกันข้างนอก ดูหน้าแต่ละคนก็รู้ว่าฟินกันถ้วนหน้า ให้กลับไปนอนโรงแรมตอนนี้ก็คงจะนอนไม่หลับกัน พวกเราเลยเดินแกร่วกันอยู่แถวนั้น เผื่อฟลุ๊กได้เจอ TFBOYS ไรงี้ สรุปว่าได้เจอทั้งเด็กฝึก TF แบบครบทีม (ได้ส่งขึ้นรถด้วย) ทั้งสตาฟของ TF ent. ที่จู่ๆ ก็เดินสวนมา นี่เราอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันหมดเลยเนอะ ได้เจอทุกคนยกเว้น TFBOYS 5 5 5
จนกระทั่งหวังจุนไคอัพเว่ยเหมือนเป็นสัญญาณเหมือนสั่งให้แม่ๆ ไปนอนได้แล้ว พวกเราจึงได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานานก่อนจะแยกย้าย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in