เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
How to ไปดูคอนเสิร์ต TFBOYS ที่แผ่นดินใหญ่ด้วยตัวเองt0y_ting
[Review] ทริป TFBOYS 3rd anniversary ตอนที่ 2
  • ในที่สุดก็ถึงวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2016 วันครบรอบ 3 ปี การดีบิวต์อย่างเป็นทางการของ TFBOYS  ตอนที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงในโรงแรมกลางกรุงปักกิ่ง ยังนึกว่าตัวเองฝันไป  นี่เรามาไกลถึงขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆ ที่ตัดใจไปแล้วตั้งหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้จนมาถึงวันนี้จนได้ พลังติ่งนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ นะ 

    (วันนี้สู้ตายค่ะ)

    แชะภาพก่อนจะออกจากโรงแรม ต้องรีบถ่ายเก็บไว้เพราะขากลับคือโทรมแน่  วันนี้สองสาวแต่งตัวจัดเต็ม ใส่เสื้องานครบรอบ 3 ปี หมวก Fighting ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ที่ดูก็รู้ว่าเป็นเมนจุนไค  เสียดายที่เราไม่ได้ซื้อเสื้องานครบรอบไม่งั้นคงได้ใส่เหมือนกันสามคนแล้ว

    สิ่งที่ตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในทริปครั้งนี้คือ "การไปที่จัดงานช้าเกินไป" คงเพราะไปสำรวจที่ทางมาแล้วด้วยส่วนหนึ่ง เห็นบนตั๋วเขียนเอาไว้ว่าเริ่มแสดงบ่ายสองโมงครึ่ง พวกเราเลยชิลด์ๆ สิคะ ตื่นก็สาย อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า แล้วเดินอ้อยอิ่งไปกินแมคร้านเดิม (ไม่คิดจะกินอย่างอื่นบ้างเรอะ) ขึ้นรถไฟ กว่าจะไปถึงงานก็เกือบเที่ยง  เพิ่งมารู้ความจริงทีหลังว่า บ้านแฟนคลับแต่ละบ้านเริ่มกิจกรรมกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า! อารายน้าาา

    ตอนไปถึงเขาแจกของซัพพอร์ทกันเกือบหมดแล้วล่ะค่ะ (เอิ๊ก) เลยไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศหน้างานตอนที่กำลังพีคๆ มาให้ดู  แต่วันนี้เห็นเต้นท์สีอื่นนอกจากสีแดงแซมขึ้นมาบ้างแล้ว เช่น เต้นท์สีส้มซึ่งเป็นบู้ทของบ้านแฟนคลับวง มีการเช่ารถ LED มาเปิดฉาย VTR ของ TFBOYS แล้วยังเปิดให้แฟนๆ เข้าไปเซ็นชื่อเขียนข้อความแสดงความยินดีบนแบนเนอร์ด้วย  แล้วก็เต้นท์สีน้ำเงินของหวังจุนไค  ส่วนหวังหยวนนั้น เราคงไม่มีดวงกับน้องจริงๆ เพราะเห็นกลุ่มลูกโป่งสีเขียวกลุ่มใหญ่กับรถ LED ของน้องอยู่นะ แต่ถ่ายไม่ทัน  ระหว่างนั้นมีการ์ดในเครื่องแบบ 5-6 คนไล่ตรวจดูตามบู้ทต่างๆ ซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าตรวจอะไรกันแน่?  เพราะเห็นบางบู้ทเก็บของขึ้น บางบู้ทไม่เก็บ พอการ์ดจากไปบู้ทที่เก็บก็เอากลับมาวางใหม่  หาคำตอบไม่ได้จริงๆ

    (เต้นท์สีส้มสีประจำวง TFBOYS)

    (เต้นท์สีฟ้าควรจะเป็นบ้านของหวังจุนไคนะ แต่เหมือนเป็นเต้นท์พ่อค้าแม่ค้ามาขายของมากกว่า)
    (เต้นท์สีแดง เจ้าถิ่นที่ยังคงยึดครองพื้นที่ต่อไป)

    ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับการทำกิจกรรมซัพพอร์ตศิลปินของเหล่าแฟนคลับเพิ่มเติม เรามีสารคดีที่ใช้ชื่อว่า "Documentary of Wang Junkai's Fans" มาแนะนำค่ะ เป็นเรื่องราวของแฟนคลับหวังจุนไคที่มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมซัพพอร์ตหวังจุนไคในงานครบรอบครั้งนี้  ฮามากตอนที่เห็นพวกนางเอาแบนเนอร์มาพันไว้กับตัวทำเป็นกระโปรงเพืี่อแอบเอาเข้าไปในฮอลล์ อะไรจะพยายามขนาดนั้น  เข้าใจว่าเป็นสารคดีที่แฟนคลับทำกันเอง แต่ฝีมือการถ่ายทำ การตัดต่อ ทุกๆ อย่างดูมืออาชีพไปหมด  แต่ก็นะ...แฟนคลับเป็นอะไรได้หลายๆ อย่าง อาจจะมีสักคนเป็นผู้กำกับหนังสารคดีก็เป็นได้  อ้อ...สารคดีตัวนี้มีซับ Eng ด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวดูไม่รู้เรื่องนะคะ ไว้เรามีเวลาว่างจะลองไปขออนุญาตเจ้าของทำซับไทยให้ได้ชมกัน 



    บริเวณด้านนอกคึกคักเต็มไปด้วยเหล่าแฟนคลับ  แต่ Lesports Center ยังคงล้อมรั้วมิดชิดห้ามไม่ให้คนเข้าเช่นเดียวกับเมื่อวาน  เราไปดูคอนมาหลายประเทศทั้ง ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ปกติวันที่มีคอนเสิร์ตเหมือนอย่างเช่นวันนี้  สถานที่จัดงานควรมีป้ายโฆษณาใหญ่ๆ มีสปอนเซอร์มาออกบู้ท มีของที่ระลึกมาขายหน้างานบ้างอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ  หร้ือว่าคอนเสิร์ตของศิลปินจีนคนอื่นก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด?

    ยังดีที่ฝั่งตรงข้าม Lesports Center เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หลังจากเดินสำรวจจนครบทุกบู้ท พวกเราพากันย้ายตัวเองเข้าไปรอในห้างแทน  ตากแดดข้างนอกนานๆ มีสิทธิ์เป็นลมได้ ฤดูร้อนเมืองจีนนี่ไม่ต่างจากเมืองไทยเลย

    เพราะใกล้เที่ยง ที่นั่งในร้านอาหารจึงเต็มหมด  แต่ทางนี้เพิ่งกินข้าวเช้ามา เลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินเล่นในห้างฆ่าเวลา  จริงๆ ตัวห้างก็ไม่ค่อยมีอะไรด้วยล่ะนะ  จีนเป็นประเทศที่ระบบ E commerce รุดหน้ามาก ผู้คนในเมืองนิยมเลือกซื้อของกันทางเน็ทและใช้จ่ายผ่านบริการ FinTech  ยิ่ง E commerce โตเท่าไหร่ ผู้ค้าโดยเฉพาะรายย่อยมักเลือกที่จะทำตลาดออนไลน์มากกว่าที่เปิดร้านจริงๆ ที่มีทั้งภาระค่าเช่าและต้องจ้างคนดูแล  เพราะงั้นห้างเมืองจีนถึงจะใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปกลับดูร้างๆ เสียหลายห้าง  ถึงอย่างนั้นห้าง Zhuozhan Shopping Center แห่งนี้ ก็มีห้องน้ำสะอาดค่า เป็นเรื่องที่ประทับใจที่สุดแล้วแถมยังแยกสัดส่วนกั้นพื้นที่ไว้สำหรับแต่งหน้าสำหรับสาวๆ อีกต่างหาก  เลยได้ที่สิคะ ปักหลักในห้องน้ำเพลินเลย 5 5 5 

    ได้เวลาเปิดประตูแล้ว แถวยาวมากกกก ยาวเป็นกิโล แถมรถยังติดอีกต่างหาก ระหว่างเข้าแถวรอก็สูดควันพิษไปพลางๆ เรายืนเข้าคิวข้างๆ สาวสวยเสื้อแดงที่เป็นแฟนคลับเชียนซี ด้วยความที่เข้าคิวด้วยกันอยู่พักใหญ่ นางคงสงสัยว่ายัยสามคนนี้พูดภาษาอะไรกันทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ ถึงได้มาสะกิดถามเรา เอาล่ะวุ้ย ได้เวลาทดสอบภาษาจีนพื้นฐาน 1 (40 ชั่วโมง) อีกครั้งแล้ว  เราฟังประโยคต้นๆ ที่นางพูดไม่ออก แต่ประโยคท้ายนี่ชัดมาก "จื้อ หนาหลี่?" คงถามว่าพวกเรามาจากที่ไหนสินะ ตอบตรงกับที่อาจารย์สอนเป๊ะ "หว่อ ปู๋ ซื่อ จงกั๋ว เหริน (ฉันไม่ใช่คนจีน) หว่อ ซื่อ ไท่กั๋ว เหริน (ฉันเป็นคนไทย)..." พูดจบ ประโยคภาษาจีนในคลังก็หมดเกลี้ยงแล้ว แต่ถ้าไม่พูดต่อเดี๋ยวถามนางถามอีก เราเลยสปีคเป็นภาษาอังกฤษแทน "This's the first time we come to Beijing for TFBOYS concert." 

    เท่าน้้นแหละ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพากันแตกฮือ  อ้าวนี่แอบฟังกันอยู่เหรอ? คงแปลกใจที่เห็นชาวต่างชาติบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาดู TFBOYS สินะ  ทีนี้เลยถูกรุมถามใหญ่ด้วยภาษาจีน ภาษาจีน และภาษาจีน ได้ข่าวว่าตะกี้เพิ่งตอบเป็นภาษาอังกฤษไปเองนะ ถึงเวลายอมแพ้แล้วล่ะ เราหลบไปอยู่หลังน้องนิ้งที่น่าจะพูดภาษาจีนได้ดีสุดแล้วให้มาออกหน้า  ที่พวกเขาสนใจกันมากๆ คือ ที่เมืองไทย TFBOYS ดังมั้ย?  อันนี้เราตอบเป็นภาษาอังกฤษไปตามตรงว่า "ดังนะ แต่ดังในหมู่ของคนที่เรียนภาษาจีน พวกศิลปินเกาหลีจะดังให้วงกว้างมากกว่า"        

    ทั้งนิ้งทั้งหมิวที่พูดภาษาจีนพอได้ คุยกับพวกเค้าเพลินเลย (กัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความอิจฉา อยากพูดภาษาจีนให้ได้มากกว่านี้จัง) มีการแลก Weibo และขอถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย

    (ได้เพื่อนใหม่เฉยเลย)
    (สาวสวยให้แท่งไฟสีแดงไว้สำหรับเชียร์เชียนซีมาด้วย)

    เพราะจิ้มบัตรได้คนละราคา น้องหมิวได้ที่นั่งอารีนา ส่วนเรากับเจ้านิ้่งได้ที่นั่งบนสแตนด์ชั้น 2 แต่คนละโซน เลยจัดแจงนัดหมายสถานที่นัดพบหลังเลิกคอนแล้วก็ได้เวลาแยกย้าย
    (ถึงทางขึ้นแสตนด์แล้ว ตื่นเต้นๆ)

    (จากที่นั่งเรา มองไปที่เวทีจะได้วิวประมาณนี้)

    ถึงจะเป็นที่นั่่งบนสแตนด์แต่อยากตะโกนบอกว่า เป็นทำเลที่ดีม้ากกก เพราะอยู่ตรงกลางเป๊ะ!  ตอนที่นั่่งลงแล้วหันไปมองรอบๆ มั่นใจเลยนะว่า ถ้ากลับไปดูคลิปถ่ายทอดสด จะต้องหาตัวเองเจอแน่ๆ แล้วก็เจอจริงๆ

    (วงสีส้ม นั่นแหละเราเอง)

    ที่มั่นใจขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะความตรงกลางเพียงอย่างเดียว แต่เพราะโซนนี้เป็นโซนที่แฟนคลับเชียนซีและแฟนคลับจุนไคนัดกันเอาไว้ให้มาจองที่ตรงนี้  ทั้งสองกลุ่มแย่งกันกดบัตรจนกลายเป็นโซนที่มีทั้งแฟนเชียนซีและแฟนจุนไคปะปนกัน  ฝั่งขวาของเราคือแฟนเชียนซีที่ช่วยกันกางแบนเนอร์ไฟสีแดง ฝั่งขวาคือแฟนจุนไคที่กำลังถือแบนเนอร์สีน้ำเงิน  มีเราที่เป็นแฟนกรุ๊ปสีส้มนั่งเปลี่ยวอยู่คนเดียว พอแฟนเชียนซีเห็นเราไม่ถืออะไรไว้ในมือ อุตส่าห์ไปหาแท่งไฟสีแดงมายื่นให้ เราบอกว่า ไม่ต้องๆ ว่าแล้วก็ควักแท่งไฟออฟฟิเชียลสีส้มที่ซื้อกับบริษัทออกมา  
    (แท่งไฟ อฟช. จ้ะ)

    หลังจากลองเปิดดูกลับพบว่า แท่งไฟของแท้ที่เราแสนจะภาคภูมิใจนั้น แสงมันจางมากเลยฮ่ะ  เมื่อไฟในฮอลล์ดับลง เหลือแต่แสงจากแท่งไฟและแบนเนอร์ของแฟนคลับ งานครบรอบ TFBOYS กลายเป็นคอนเสิร์ตที่สว่างที่สุดตั้งแต่เราเคยดูมา ยิ่งทำให้แสงของแท่งไฟในมือเราจางซะยิ่งกว่าเก่า

    (มองไปทางขวา)
    (มองไปทางซ้าย)

    ทุกคนใช้หลอดไฟขนาดกี่วัตต์กันค้าาาา?  วินาทีนึกอยากจะเขวี้ยงแท่งไฟในมือทิ้งแบบที่แฟนเชียนเขวี้ยงก้อนหินเมื่อวาน  รู้เลยว่าทำไมตอนเปิดขายเซ็ตของที่ระลึกงานครบรอบ ถึงได้ขายหมดช้ากว่าปกติ แสงแท่งไฟ อฟช. คงสว่างไม่สะใจแฟนๆ สินะ  และไม่ใช่แค่แท่งไฟค่ะ กระเป่าในเซ็ตนั้นพอใช้เสร็จแล้วเอามาซักก็พบว่าสีมันตกล่ะ  แม้แต่เสื้องานครบรอบ ลายสกรีนรูปใบโคลเวอร์ยังสกรีนแหว่งเลย  ที่ฮากว่านั้นคือ ข้างนอกฮอลล์มีเสื้อก๊อบลายเดียวกันขายด้วยนะเออ แต่เสื้อก๊อบสกรีนไม่แหว่งนะจ๊ะ ของแท้ต้องแหว่งจ้ะ บริษัทหนอบริษัท...ช่วยทำของให้มีคุณภาพกว่านี้ได้มั้ยเนี่ย

    ในฮอลล์ปิดไฟได้สักพัก คนพากันฮือฮาหันไปมองที่นั่ง VIP ระหว่างสแตนด์ชั้น 2 กับชั้น 3  ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมาว่า "หนานหนาน"  เรารีบคว้ากล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องทันใด แต่ที่นั่ง VIP มืดมาก มองเห็นเป็นแค่เงาของเด็กตัวเล็กๆ ดูท่าคุณน้องชายจะมาดูพี่ชายของเขาล่ะ    


    (ใช้กล้องไอโฟนถ่าย นี่คือซูมเต็มที่แล้ว)

    และแล้วก็แสดงก็เริ่มขึ้น ไม่แปะรูปล่ะนะ เพราะที่ถ่ายมาไม่ค่อยจะชัดสักเท่าไหร่ แปะเป็นคลิปชัดๆ ที่ Tencent ถ่ายทอดสดเอาไว้ดีกว่า

    ถ้าถามว่าระหว่างดูถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านกับเข้าไปดูในฮอลล์จริงๆ มันต่างกันตรงไหน  อย่างแรกเลยก็คือ ดูอยู่กับบ้านนั้นเห็นชัดกว่าในฮอลล์เยอะค่ะ  ขนาดเราคิดว่าตัวเองได้ที่นั่งดีแล้วนะ ยังเห็น TFBOYS ตัวเท่าไม้ขีดไฟเลย พวกอยู่บนดอยไม่ต้องไปพูดถึง  ต้องอาศัยมองน้องๆ ผ่านกล้องส่องทางไกล+ดูจอบนเวที  ก็อยากพูดแบบที่แฟนคลับคนอื่นๆ ชอบพูดล่ะนะว่า "ตัวจริงเค้าหล่อมากกกก หล่อกว่าในทีวีอีก" อะไรแบบนี้ แต่ที่คิดขึ้นมาแวบแรกในตอนนั้นคือ "TFBOYS ตัวจริงกับในทีวีนี่เหมือนกันเด๊ะ!" 

    แล้วแบบนี้จะเสียเงินเสียทองบินมาดูทำไม?  

    สิ่งที่เราต้องการเสพจริงๆ คือ "บรรยากาศ" น่ะค่ะ นั่งดูอยู่กับบ้านคนเดียวมันจะไปสนุกอะไร  การได้มาอยู่ในสถานที่ที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อ TFBOYS มาดูผลจากการเติบโตของพวกเขา นี่มันฟินกว่าจริงๆ  คำพูดที่ TFBOYS ชอบพูดอยู่เสมอๆ ว่า "ให้รอดูพัฒนาการของพวกผม" ไม่ใช่คำพูดที่พูดออกมาลอยๆ พวกเขาแสดงให้พวกเราได้เห็นจริงๆ บนเวทีแห่งนี้  แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่ควรจะมาแล้วล่ะค่ะ

    เรื่องที่เราประทับใจมากที่สุดสำหรับโชว์ครั้งนี้  เห็นจะเป็นการที่เด็กๆ ได้แสดงร่วมกับวงดนตรีแบบสดๆ เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของพวกเขาเลย  คิดดูสิ! จากวงไอดอลที่ร้องสดเกือบจะไม่รอด  มาตอนนี้สามารถยืนร้องเพลงบนเวทีกับวงดนตรีเต็มวงได้แล้ว พวกเขาอายุยังไม่ถึง 18 เลยด้วยซ้ำ  ไม่แปลกว่าทำไมแฟนๆ ถึงได้ภูมิใจนัก หัวอกคนเป็นแม่มันเป็นแบบนี้นี่เอง /ปาดน้ำตา

    ไม่พอ TFBOYS ยังมาโชว์ทักษะการเล่นดนตรีให้ดูอีก ตอนนี้อาจจะแยกเป็นโชว์ใครโชว์มัน  แต่ทำให้สามารถจินตนาการไปได้ถึงงานครบรอบในอนาคตได้เลยล่ะว่า  ในปีต่อๆ ไปพวกเราคงมีโอกาสได้เห็นพวกเขาเล่นดนตรีด้วยกันเป็นวง ให้หวังจุนไคเล่นกีตาร์ หวังหยวนเล่นคีย์บอร์ด เชียนซีตีกล้อง แล้วทั้งสามคนร่วมร้องเพลง Youth Say ด้วยกัน (กรี๊ด มโนเองกรี๊ดเอง)

    หรือไม่ก็อาจจะจับคู่ร้องเพลงเล่นดนตรีกันเป็นคู่ๆ  หวังจุนไคเล่นกีต้าร์ให้หวังหยวนร้องเพลง หรือ หวังหยวนเล่นเปียโนให้เชียนซีร้องเพลง หรือ เชียนซีบีทบ็อกให้จุนไคร้องแร็พ  เห็นไหมล่ะว่าแค่นี้ก็สามารถต่อยอดการแสดงไปได้อีกหลากหลาย เช่นเดียวกับอนาคตของ TFBOYS ที่ยังไปได้อีกไกล

    ในส่วนของโปรดักชั่นนั้น  เห็นเวทีครั้งแรกอาจไม่ร้องว้าวแบบปีที่แล้วที่ประดับประดาเต็มไปด้วยใบโคลเวอร์  เพราะธีมปีนี้เป็นโทนสีดำเรียบหรูแต่ดูเท่ และมันก็เท่จริงๆ มีลูกเล่นเยอะมาก แค่จอด้านหลังสามารถแยกออกเป็นสามจอ ถ่ายเจาะเมมเบอร์ทีละคน เมนใครเมนมััน นี่คือเจ๋งมากเลยนะ  แต่อยากให้เพิ่มเอฟเฟ็คจุดฟงจุดไฟ ยิงสายรุ้ง โปรยกระดาษตอนจบบ้าง (ใจเย็นๆ โยม นี่แค่งานมีตติ้ง)   

    มีเรื่องที่ประทับใจต้องมีเรื่องขัดใจแหละ ขัดใจที่สุดเห็นจะเป็นเกมบนเวทีล่ะค่ะ มันดูกร่อยๆ ฝืดๆ ชอบกล เห็นชัดเลยว่าหวังจุนไคดูเหมือนไม่อยากจะเล่นเท่าไหร่  ไม่รู้ว่าตอนคิดเกมได้ปรึกษาน้องบ้างรึเปล่า คือเด็กผู้ชายที่กำลังจะโตเป็นหนุ่ม เค้ามีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว อะไรที่ทำแล้วไม่เข้าท่าก็ไม่อยากทำเอาดื้อๆ  คิดว่าตรงนี้สต๊าฟคงรู้แล้วล่ะ เพราะเกมบนที่เวทีกว่างโจวเปลี่ยนรูปแบบไป ดูแล้วสนุกกว่าที่ปักกิ่ง พูดแล้วก็แปะคลิปงานแฟนมีตที่กว่างโจวไปด้วยอีกอัน


    ส่วนเรื่องที่แฟนคลับ TFBOYS ไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่เวลาเชียร์ก็เอาแต่เชียร์เมนของตัวเอง  มันไม่ได้แย่เหมือนที่เขียนในบทความ "ความแตกแยกของแฟนคลับ TFBOYS" หรอกค่ะ  คือถ้าเป็นช่วงโซโล่ของเมมเบอร์ที่ไม่ใช่เมน พวกเขาก็นั่งเฉยๆ ไป แต่พอเมนตัวเองขึ้นเท่านั้นแหละค่า แม่เจ้าประคุณเอ๋ย หูแทบแตก โซนที่เรานั่งมีแฟนเชียนซีอยู่เยอะ ตอนที่น้องมาร้องโซโล่ช่วงแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่แดนซ์โซโล่ในช่วงหลังนี่สิ  อากาศร้อนขึ้นมาทันที ร้อนดั่งไฟเออร์!!!  รู้สึกเลยว่าพื้นที่เหยียบอยู่กำลังสั่นสะเทือน แฟนเชียนทุกคนกรีดร้องกันสุดชีวิต ไอ้เราก็กรี๊ดตามไปด้วย

    เรายังจำฝังใจตอนที่ไปดูคอน Super Show 1 ของเอสเจที่เกาหลีมา  ช่วงเฮนรี่ที่ออกมาโชว์ไวโอลินโซโล่สั้นๆ แล้วโดนแฟนทั้งฮอลล์ตะโกน "Only 13" ใส่  แถมแกนนำแฟนคลับยังมาเดินไล่สั่งให้ทุกคนปิดแท่งไฟ  มันเป็นอะไรที่แย่มาก เพราะงั้นเมื่อเทียบกันแล้ว บรรยากาศของแฟนคลับ TFBOYS ในงานครบรอบ 3 ปี ยังดีกว่า

    ถ้าดูคลิปทั้งปักกิ่งและกว่างโจวหมดแล้ว  แนะนำให้ดูสารคดีเบื้องหลังต่อเพื่อเพิ่มอรรถรส  สารคดีตัวนี้อยู่ในโครงการที่เราจะทำซับไทยด้วยเหมือนกัน  เหอๆ ตั้งแต่เขียนมาจนถึงบรรทัดนี้มีคลิปที่อยากทำซับไทยปาไปแล้ว 3 คลิป แล้วจะได้ฤกษ์ทำเมื่อไหร่เนี่ย...?     


    (ตอนที่เดินออกจากฮอลล์) 

    ไหลตามฝูงชนไปได้เลยค่ะ ออกไปเจอหมิวกับนิ้งที่หน้าห้าง แต่จะให้รีบกลับตอนนี้ก็ใช่ที่ รถไฟเต็มแน่ๆ แล้วก็อยากซึมซับบรรยากาศให้นานกว่านี้หน่อย  เลยนั่งดูแต่ละบ้านเก็บข้าวของทีบู้ททีละบู้ท ยังอุตส่าห์วิ่งไปซื้อของกับเขาจนวินาทีสุดท้ายนะ (หัวเราะ)  จับกลุ่มนั่งเม้าท์เรื่องคอนกันอยู่พักใหญ่ เพราะนั่งคนละโซน ได้โมเม้นท์ไม่เหมือนกัน

    นิ่้งนั่งอยู่ฝั่งซ้ายซึ่งเป็นโซนทะเลเขียวของน้องหยวนบอกว่า ตอนที่คอนเลิก พวกแฟนคลับหยวนยังนั่งรอกันอยู่ทั้งโซนนะ ตะโกนอังกอร์ เรียกชื่อน้องหยวนไป  ถึงว่า...ตอนที่เราออกมาสวนกับแฟนบอย(?)ของน้องหยวนเดินย้อนกลับเข้าไปในฮอลล์ คงไปสมบทกับพวกของตัวเอง  อยากจะบอกว่าอิจฉาน้องหยวนมาก  เพราะแฟนบอยสองคนที่เราเจอนี่แบบสเป็คคนไทยเลย หล่อ ขาว ตี๋ แต่งตัวดีและดูรวย!  เป็นผู้ชายจีนที่ดูดีที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอมาใน 3 วันนี้แล้ว (ไม่นับ TFBOYS นะ)  

    ฝั่งน้องหมิวที่อยู่แถวท้ายๆ ของอารีนา เจอปัญหาว่าโดนคนแถวหน้ายกแบนเนอร์ขึ้นบังค่ะ การ์ดมาไล่ให้เอาลงหลายรอบแล้ว แต่แป๊บเดียวก็ยกขึ้นอีก  น้องบอกว่าเหมือนเล่นตีตุ่นยังไงยังงั้น เรากับนิ้งที่นั่งบนแสตนด์ไม่เจอปัญหานี้นะ พวกแถวหน้าอยากยกแบนเนอร์อยากยกป้ายไฟอะไรก็ยกไป ยังไงสแตนด์ก็เป็นสโลปสูงอยู่แล้ว ไม่มีทางบังมิดหรอก 

    คุยกันว่าจะหาข้าวเย็นกินกันที่นี่เลย  3 วันที่ผ่านมา เห็นจะมีมื้อแรกมื้อเดียวเองล่ะมั้ง ที่ได้กินอาหารสมกับที่มาเมืองจีน  มื้ออื่นๆ ล้วนแต่เป็นฟาสฟู้ดไม่ก็ของกินในมินิมาร์ท เพราะงั้นมื้อนี้เลยตั้งใจเลือกนิดนึง พยายามหาร้านที่ไม่มีแฟรนไชส์ในไทย  แล้วก็มาลงเอยที่ร้านปิ้งย่างร้านนี้ค่ะ อาจจะเป็นร้านที่ไม่เข้ากับหน้าร้อนเท่าไหร่ แต่เราเป็นมีทเลิฟเวอร์ อะไรก็ได้ขอให้เป็นเนื้อเถอะ ขณะที่หมิวไม่กินมีททุกชนิด กินแต่ปลาและซีฟู้ด  ร้านนี้มีทั้งเมนูเนื้อและเมนูซีฟู้ดซึ่งตอบโจทย์พอดี  และมันก็อร่อยมากกก อร่อยจนน้ำตาจะไหล กินราวกับอดอยากมานาน (หรือเป็นเพราะเราหิวหว่า)

    (เนื้อของเค้า)

    ได้มางานครบรอบ 3 ปี TFBOYS ได้กินอาหารอร่อยๆ จะกลับเมืองไทยตอนนี้เลยก็ได้นะ (หัวเราะ)  พวกเราปิดท้ายวันด้วยการโหลดคลิปการแสดงวันนี้มาเปิดดูกับทีวีจอใหญ่ๆ ของโรงแรมอีกรอบ  โหลดจนแพ็คเก็จเน็ทมือถือหมดเลยจ้า ได้ไฟล์มาแบบ Low Quality แต่ก็ยังทนดูกันอยู่อีกนะ  แหม...แต่แท่งไฟ อฟช. พอเอามาโบกที่โรงแรมนี่สว่างขึ้นมาเลยแฮะ

  • ยังจำ "โปรแกรมเที่ยวปักกิ่ง 2016" ของเรากันได้มั้ย  ตามโปรแกรมวันสุดท้ายต้องไปพระราชวังฤดูร้อนใช่มั้ยล่ะ  แต่เหมือนว่าโปรแกรมทั้งหมดจะถูกฉีกทิ้งไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงปักกิ่งแล้วล่ะ (ฮา)  ที่วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวสัก 10 ที่ ไปได้จริงๆ ไม่ถึงครึึ่ง  แต่เราไม่ซีเรียสนะ เพราะมั่นใจว่ายังไงก็ต้องได้มาปักกิ่งอีก ให้เหลือเรื่องคาใจไว้บ้าง จะได้หาเรื่องกลับมาหาลูกชายอีกไง

    น้องๆ บอกว่าอยากช้อปปิ่้งกันแล้ว แต่การช้อปปิ้งในสไตล์ติ่งมันไม่เหมือนการช้อปปิ้งแบบนักท่องเที่ยวทั่วไปหรอกนะ  พวกเราอยากเข้าซุปเปอร์ใหญ่ๆ ที่มีสินค้าที่ TFBOYS เป็นพรีเซนเตอร์วางขาย แล้วด้วยความที่ TFBOYS ยังเด็กอยู่ สินค้าที่พวกเขาเป็นพรีเซนเตอร์จึงพวกน้ำพวกขนมเสียมาก  

    เปิด Google Map เตรียมตัวไปคาร์ฟูร์กัน กำลังจะเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Dongsi เพิ่งสังเกตเห็นว่ามันมีซุปเปอร์ใหญ่มากตั้งอยู่กลางสี่แยกตรงข้ามกับสถานีพอดี  ทำไมเดินผ่านตั้งหลายรอบถึงไม่เคยเห็นเลยล่ะ  ทีนี้ล่ะค่า ไม่ไปแล้วคาร์ฟงคาร์ฟูร์ ตัดสินใจช้อปกันที่ซุปเปอร์นี้เลย  

    ตอนที่กลับเมืองไทยแล้วเอาของจัดใส่ตู้เย็น คนที่บ้านมาเปิดดูพากันตกใจใหญ่ เราก็ตกใจตัวเองเหมือนกันว่าขนกลับมาได้ไง มีแต่ของเหลวทั้งนั้น  จากที่ขาไปน้ำหนักกระเป๋าไม่ถึง 15 โล ขากลับทะลุเป็น 26 โล เกินกำหนดมานิดหน่อย สายการบินเค้ายอมหยวนๆ ให้  แต่มาโดนเจ้าหน้าที่ซีเคียวริตี้เรียกให้เปิดกระเป๋าเพราะไม่ผ่านเครื่องสแกน ไฟแดงงี้หมุนติ้ว  ตอนเปิดออกมาก็อายเหมือนกัน เพราะมีแต่ขนมกับน้ำของ TFBOYS ทั้งนั้น รู้เลยว่าเราติ่ง >.<   

    (ผลงานการช้อปในวันนั้น) 

    รีวิวขนมแบบสั้นๆ : แฟนต้าจีนซ่ากว่าและหวานน้อยกว่าแฟนต้าไทย / ขนมตระกูลกูลิโกะเลือกซื้อเฉพาะรสที่เมืองไทยไม่มีขาย กินแล้วเฉยๆ แฮะ / นมเปรี้ยวขวดฟ้าลาย TFBOYS รสชาติคล้ายๆ คาลพิส แลคโตะ / เครื่องดื่มกระป๋องแดงรูปเด็กยิ้ม รสชาติเหมือนดื่มนมอัดเม็ด / Mengniu Yogurt ที่เป็นสปอนเซอร์รายการ Run for time เป็นโยเกิร์ตที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาแล้ว : จบการรีวิวค่ะ

    นอกจากซุปเปอร์แล้ว ถนน Dongsi ยังมีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิด ร้านรวงก็เยอะร้านอาหารก็แยะ ตั้งใจจะเข้าสักร้านเพื่อกินข้าวเที่ยง จนไปสะดุดตากับป้ายร้านนี้เข้า

    หมิวกับนิ้งบอกว่ามันคือร้านอาหารฉงชิ่ง  อ้าว...แล้วจะรออะไรกันล่ะ เหล่าสะใภ้ฉงชิ่งเฮโลกันเข้าไปในร้านทันที  ยังไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรกินได้รึเปล่า ดูเมนูแล้วราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เลยสั่งไปแค่สองอย่าง เป็นต้มยำปลากับผัดพริกกุ้งไก่ทอด  ยกมาเสิร์ฟแล้วถึงได้รู้ว่าทำไมราคาจึงสูงกว่าร้านอาหารอื่นที่เคยกินมา เพราะชามอย่างยักษ์!

    ที่สำคัญคือมันอร่อยมากเลยล่ะ ฮือ... คนฉงชิ่งเขากินเผ็ดอยู่แล้ว รสชาติอาหารฉงชิ่งเลยค่อนข้างถูกปากคนไทย  แต่เมืองไทยเขาไม่เสิร์ฟกันชามใหญ่แบบนี้  กับข้าวแค่สองอย่างกินกันสามคน กินยังไงก็กินไม่หมด  สุดท้ายต้องห่อกลับเอาไว้เป็นมื้อเย็นที่สนามบินได้อีกมื้อ

    จากนี้ไปจะเป็นเรื่องตลกล่ะค่ะ  พวกเราแบกของพะรุงพะรังจากซุปเปอร์จะเดินกลับโรงแรม  ก็มีสามล้อเข้ามาทัก ถามว่าจะให้ไปส่งมั้ย  วันแรกตอนที่เราลากกระเป๋าไปโรงแรมก็โดนสามล้อทักแบบนี้เหมือนกัน  ตอนนั้นไม่กล้านั่งเพราะมาคนเดียว รอบนี้มากัน 3 คน เราเลยชวนน้องๆ นั่งสามล้อ เพราะของที่ซื้อมานี่ก็หนักอยู่  พอมาส่งถึงหน้าโรงแรม สามล้อบอกว่า 30 หยวน  แอบคิดนะว่าใกล้ๆ แค่นี้คิดแพงเชียว แต่ก็ไม่ว่าอะไรควักตังค์ออกมาคนละ 10 หยวนยื่นให้  มันบอกว่าไม่ใช่ 30 หยวนน่ะเป็นราคาต่อคน! สรุปคือจะเอา 90 หยวน ว่างั้นเหอะ! 

    รู้ทันทีว่าโดนเข้าซะแล้ว พอทำท่าจะเถียง มันก็หยิบชาร์ตราคาภาษาอังกฤษออกมาให้ดู บอกว่าปกติมันเป็นรถวน ขับวนรอบ Wangfujing ในราคา 100 หยวนต่อคน นี่ลดให้แล้วนะ  ตอนนั้นอยากบอกน้องๆ มากเลยว่าให้ยกของแล้วโกยตีหมาวิ่งหนีเข้าโรงแรมเลย  แต่คิดดูแล้วไม่คุ้มแฮะ สามล้อพวกนี้คงหากินเป็นอาชีพและเราตกเป็นเหยื่อแล้ว อย่าให้ยื้อเยื้อ ตัดจบให้ไวเข้าไว้ดีกว่า  เพราะเวลาเที่ยวเหลือไม่มากแล้ว อย่าเสียเวลากับคนพวกนี้เลย  ในที่สุดก็กัดฟันจ่ายไปคนละ 30 หยวนด้วยความเจ็บใจ (30 หยวนนี่เท่ากับค่ารถไปสนามบินระยะทาง 30 กิโลเลยนะ)

    ถามว่าโดนโกงแล้วมันตลกตรงไหน ตลกตรงที่หลังจากนั้นไม่นาน เด็ก TFBOYS ก็อัพ Weibo เล่าว่าไปปั่นจักรยานดูพิธีชักธงชาติขึ้นสู่เสาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินมา  เชียนซีที่อยู่ปักกิ่งเป็นไกด์พาเพื่อนเที่ยวแล้วดันโดนสามล้อโกงซะได้  นี่ขนาดน้องเชียนโตที่ปักกิ่งแท้ๆ ยังโดน  นับประสาอะไรกับนักท่องเที่ยวอย่างเรา จริงมั้ย จากที่เคยเจ็บใจ ตอนนี้เลยกลายเป็นเรื่องเฮฮาไปแล้วล่ะค่ะ 

    เอาของแพ็คใส่กระเป๋าเรียบร้อย  ก็มาเดินลันล้าที่ Wangfujing อีกรอบ สำหรับเราเป็นรอบที่ 4 ส่วนหมิวกับนิ้งเป็นรอบที่ 5 แล้ว เพราะทั้งคู่แอบย่องมาเที่ยวตอนกลางคืนไปแล้วรอบนึง  เป็นบ่ายวันอาทิตย์ที่อากาศดีอีกแล้ว ที่ Wangfujing มีร้านสไตล์ Snack Bar อยู่หลายร้าน  เก๋ตรงที่แต่ละร้านมีสปอนเซอร์เป็นพวกเครื่องดื่มยี่ห้อดังๆ  เลยตกแต่งร้านเพื่อการโฆษณากันอย่างเต็มที่  แล้วพรีเซนเตอร์โฆษณานี่แหละที่น่าสนใจ

    (ร้านนี้ของพี่จิ่งป๋อหรัน ช่วงนั้นเต้ามู่มูฟวี่เข้าโรงที่จีนพอดี)
    (ส่วนร้านนี้ของหลี่อี้เฟิง เมนอีกคนของเรา วันถัดมากระบี่เทพสังหารฉายเป็นวันแรก)


    พรีเซนเตอร์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เห็นแล้วอดเข้าไปอุดหนุนไม่ได้  นี่ถ้าเกิดเป็นร้านที่ TFBOYS เป็นพรีเซนเตอร์บ้าง มีหวังได้เข้าไปนั่งกินในร้านแน่ๆ 

    แม้จะมีเวลาเดินเล่นที่ Wangfujing ตลอดทั้งช่วงบ่าย  แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งๆ ที่นี่มีร้านขายของฝากกับของที่ระลึกเยอะอยู่นะ แต่มันไม่ตอบโจทย์ของติ่งไง  เดินดูดน้ำไป ดูคนไป ดูบ้านเมืองเขา หัวเราะพูดคุยกัน  แค่นี้ก็สามารถบินกลับประเทศได้โดยเก็บไว้แต่ความประทับใจ

    ปักกิ่งแล้วเค้าจะมาอีกน้าาาาา....

  • เดี๋ยว! ก่อนที่จะจบ หลังจากบิวท์มาหลายบท  หลายคนอ่านแล้วนึกอยากไปงานครบรอบ TFBOYS ในปีหน้าหรือปีต่อๆ ไปกันบ้างแล้วสินะ  คงมีคำถามว่า "ถ้าจะไปจริงๆ ควรตั้งงบประมาณเอาไว้ที่เท่าไหร่?" เขียนมาจนถึงขนาดนี้ คงไม่ต้องไม่กั๊กข้อมูลอะไรอีกแล้ว จะขอเปิดเผยตัวเลขดังนี้ค่ะ

    ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปงานครบรอบ 3 ปี TFBOYS ด้วยตัวเอง (ปักกิ่ง 4 วัน 3 คืน) 

    1. ค่าสมัคร TFBOYS VIP 2 ปี (498 หยวน) คิดเป็น 2,690 บาท
    2. ตั๋วงานครบรอบ (1,280 หยวน) คิดเป็น 6,976 บาท 
    3. เซตของที่ระลึกงานครบรอบราคา 1,140 บาท 
    4. ค่าวีซ่า 1,500 บาท
    5. ค่าตั๋วเครื่องบินไห่หนานแอร์ 9,245 บาท
    6. ค่าโรงแรม 3 คืน 4,870 บาท
    7. ค่าแพ็คเก็จโรมมิ่ง 1,750 บาท
    8. ค่าประกันการเดินทาง 380 บาท
    9. ค่าแท็กซี่ไปกลับสุวรรณภูมิ 600 บาท
    10. แลกเงินไป 2,000 เหลือเงินกลับมา 800 หยวน ใช้ไปทั้งสิ้น 1,200 หยวน คิดเป็น 6,000 บาท

    รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,151 บาท
    *หมายเหตุ นี่เป็นค่าใช้จ่ายของเราคนเดียว*

    ตั้งแต่มีลูกเป็นเศรษฐีพันล้าน บวกเลขเก่งขึ้นเยอะเลย  ทั้งทริปค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ TFBOYS คิดเป็น 1/3 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ  ถ้าตัดทิ้งจะได้เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับค่าทัวร์ปักกิ่งของบริษัททัวร์เลยนะ (หัวเราะ)  ใครที่อยากไปสมควรเริ่มเก็บเงินเสียตั้งแต่วันนี้  หากเงินพร้อมแล้วแต่ยังขาดเพื่อนร่วมทริปทักเรามาได้ทางทวิตเตอร์ค่ะ @t0y_ting (ตัวโอนั่นคือเลขศูนย์) คือยูสเซอร์ทวิตเตอร์ของเรา  เข้าใจความรู้สึกของคนที่อยากไปแต่ไม่รู้จะไปยังไง เพราะเราเองก็เคยบากหน้าไปทักน้องหมิวแล้วขอไปกับน้องเขามาก่อน  ดังนั้นเมื่อสมใจแล้วจึงอยากแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ให้กับคนอืี่นบ้าง เป็นที่มาของการเขียน "How to ไปดูคอนเสิร์ต TFBOYS ที่ปักกิ่งด้วยตัวเอง" และรีวิวทั้งหมดนี้ขึ้นมา

    หลังจากนี้ เรื่องที่อัพอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับงานครบรอบ 3 ปีแล้ว แต่ยังคงเป็นเรื่องของ TFBOYS อยู่ค่ะ อาจจะเป็นบทความแปล ข่าว หรือรีวิวรายการหรือซีรีส์ของ TFBOYS ที่เราทำซับไป  อยากให้ติดตามอ่านกันให้ได้ ถ้าอ่านแล้วช่วยคอมเม้นต์หรือกดไลค์ให้จะดีใจมากค่ะ

    ***รูปทั้งหมดจากทริปนี้เรา หมิว นิ่้ง ช่วยๆ กันถ่าย  ถึงไม่ได้ใส่ลายน้ำไว้ แต่เรารู้ เราจำได้ ว่ามันเป็นรูปของพวกเรา เพราะงั้นห้ามเอาไปใช้เด็ดขาด เจอที่ไหนจิตามไปทวงถึงนั่น***

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in