Anan Magazine 2019
[JP-EN: Kocchi]
[TH: @paniiit]
คำถามสำหรับBTS
- ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงใหม่ของพวกเขา-
RM
Q: รู้สึกยังไงที่ได้ยืนต่อหน้าผู้คน60,000 กว่าคน
Ans:ถ้าจะให้ต้องพูดเป็นคำพูดออกมา...มันเหมือนกับว่ามีคนมาดึงวิญญาณของผมออกจากร่างของผมไปและผมเองก็ได้สร้างร่างอวตารเอาไว้ข้างๆครับได้โปรดลองจินตนาการแบบนั้นดูนะครับ(หัวเราะ)มันรู้สึกดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยครับเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมยังคงทำงานด้านนี้ต่อไปครับ
Q: เมมเบอร์คนไหนที่คุณคิดว่าเดี๋ยวนี้ภาษาอังกฤษดีขึ้นมากเลย?
Ans:อืมมม...(คิด)ผมคิดว่าพวกเขาอยู่ระดับพอๆกันนะครับแต่ถ้าต้องเลือกมาหนึ่งคนผมคงจะบอกว่าเป็นจองกุกครับเขาจะโทรหาคุณครูสอนภาษาอังกฤษทันทีที่เขาตื่นนอนเลยล่ะเขากำลังร่ำเรียนอย่างหนักเลยครับ
V
Q: ใครเป็นฮีโร่ของคุณหรือว่าอะไรเป็นฮีโร่สำหรับคุณ?
Ans:คุณพ่อของผมครับตอนที่ผมยังเด็กท่านเคยให้เงินสำรองที่อยู่ที่นั่งข้างคนขับในรถของท่านกับผมครับในตอนนั้นท่านเป็นฮีโร่ของผมจริงๆครับเวลาที่ผมซื้อต๊อกบกกีหรือว่าขนมหวานด้วยเงิน่นผมรู้สึกเหมือนผมรวยเลยครับ(หัวเราะ)
Q: อะไรคือสิ่งที่น่าจดจำเกี่ยวกับการได้พบศิลปินมากมาย?
Ans:ผมมีความสุขมากครับที่ได้รับของขวัญจากHalsey ผมสวมมันที่งานBBMAs ด้วยเมมเบอร์กับผมก็ถกกันว่าจะให้อะไรตอบแทนเธอดีโดยส่วนตัวผมคิดว่าหูฟัง(in-ear)หรือไม่ก็ไมค์น่าจะดีสำหรับนักร้องครับ
JM
Q: คุณคิดว่าอะไรไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่น่าดึงดูดสำหรับคุณ?
Ans:ผมไม่มีอารมณ์ขันอะครับผมไม่สามารถทำให้ผู้คนหัวเราะได้เท่าไหร่ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้มันจะเป็นอะไรที่สามารถพัฒนาได้จากการฝึกหนักซะด้วยสิครับ...(ถอนหายใจ)แต่มันไม่สำคัญหรอกครับผมก็ไปอยู่ป้วนเปี้ยนกับคนตลกๆแทนไง(หัวเราะ)
Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?
Ans:อืมม...ตารางทัวร์ของBTS มั้งครับ?(หัวเราะ)ผมไม่ค่อยใช้อินเทอร์เน็ตเท่าไหร่นั่นเเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงล้าหลังผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่ทุกคนรู้กันดังนั้นผู้คนเลยเรียกผมว่าจุดสิ้นสุดของบรรทัดข่าวครับ(หัวเราะ)
JH
Q: เมื่อไม่นานมานี้ทำอะไรให้คุณพ่อคุณแม่หรอ?
Ans:ในวันพ่อวันแม่ผมได้รับข้อความจากร้านทำผมที่พวกเราไปใช้บริการกันเป็นประจำครับคุณพ่อคุณแม่ผมท่านไปตัดผมและส่งบิลล์มาให้ผมครับก็นะผมไม่มีปัญหาหรอกครับตราบใดที่พวกท่านมีความ
สุขน่ะผมทำสิ่งต่างๆเพื่อพวกเขาโดยไม่หวังอะไรอยู่แล้ว(หัวเราะ)
Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?
Ans: Rose Bowl Stadium ครับ!ผมสงสัยว่ามีศิลปินแบบไหนบ้างที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นจนถึงตอนนี้และพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นคนดังกันทั้งนั้น!ผมไม่อยากเชื่อเลยครับว่าเราจะกำลังเติมเต็มสถานที่นั้นด้วยแฟนๆของพวกเราเองมันเป็นอะไรที่ซึ้งใจมากเลยครับ
SG
Q: ถ้ามีเวลา48 ชั่วโมงจะทำอะไรหรอ?
Ans:เมื่อไม่นานมานี้ผมทำบัตรประชาชนหายในหอของพวกเราอะครับเห็นไหม..(หัวเราะ)ผมคิดว่าผมคงใช้เวลาไปกับการลงทะเบียนทำบัตรอีกอันนะมันอาจฟังดูเป็นอะไรเล็กน้อยแต่เพราะว่าปกติผมไม่ทำอะไรแบบนี้เพราะงั้นมันเลยเป็นอะไรที่พิเศษมากนะครับ
Q: ใครคือฮีโร่ของคุณหรือว่าฮีโร่ของคุณคืออะไร?
Ans:ผมเชื่อว่าฮีโร่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกครับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเจ้าหน้าที่ตำรวจพ่อหรือแม่ของใครบางคนสำหรับผมคือแฟนๆครับเพลงจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีคนฟังถ้าไม่มีใครฟังมันก็เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน
JK
Q: ถ้ามีเวลา48 ชั่วโมงจะทำอะไรหรอ?
Ans: ปกติแล้วผมไม่ทำอะไรนอกจากร้องเพลงและเรียนภาษาอังกฤษครับถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาก็ตามแต่เหมือนกับที่ผมได้ไปคอนเสิร์ตAriana Grande และได้รับอะไรบางอย่างจากที่นั่นผมเลยอยากทำอะไรต่างๆเพื่อตัวเองมากขึ้น!ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็เถอะ(หัวเราะ)
Q: ใครคือฮีโร่ของคุณหรือว่าฮีโร่ของคุณคืออะไร?
Ans: สิ่งเแรกที่ผมคิดตอนที่นึกถึงฮีโร่คือใครบางคนที่สามารถส่งคำให้กำลังใจผ่านเสียงเพลงให้กับผู้คนที่กำลังเจ็บปวด/ทรมานนั่นคือคำจัดกัดความของคำว่าฮีโร่สำหรับผมและเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมายของผมด้วยครับ
Jin
Q: เมื่อไม่นานมานี้ค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ตหรอ?
Ans: ซีรีส์The walking dead ครับ ผมสับสนว่าตัวละครในตายเลยไปค้นหารีวิวในอินเทอร์เน็ตถ้าผมดูครั้งหนึ่งแล้วผมจะหยุดดูไม่ได้เลยครับเพราะงั้นช่วงนี้เลยไม่ได้เล่นเกมที่ผมชอบเลยครับ
Q: คุณคิดว่าอะไรไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่น่าดึงดูดสำหรับคุณ?
Ans: ตอนที่ผมเล่นเกมครับเวลาที่ผมแพ้ตอนที่โอกาสที่จะชนะมัน90% อะผมทึ้งหัวตัวเองแล้วก็ครวญครางแบบ“ทำไมถึงโชคไม่ดีเอาะเลย”(หัวเราะ)นอกจากนี้ช่วงวันหยุดผมไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลยครับแม้ว่าในวันทำงานผมจะตื่นนอนได้โดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกได้เลยก็ตาม
Q: ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าใจเชื่อมกันกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ?
RM: จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่เมื่อคืนน่ะ จินฮยองพูดว่า “ฉันอยากกินไส้ย่าง” ผมเลยยกมือแล้วบอกว่า “ผมอยากกินเหมือนกัน!” พวกเราก็เลยไม่กินด้วยกันครับ มันดีมากๆเลย ผมแบบจะร้องไห้เลยอะ
Jin: แทฮยองเริ่มเล่นเกมที่ผมแนะนำเขามานานหลายปีแล้วอะครับ เขาจะถามผมอยู่เสมอว่า “แบบนี้ถูกไหม?” เราผูกพันกันผ่านสิ่งนี้ครับ ตอนนี้เขาติดมันเลยล่ะ ผมชวนเขาเล่นเมื่อไหร่เขาก็จะเล่นทันทีเลย (หัวเราะ)
SG: อาจจะกับเจโฮปครับ ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องสบตากับผู้คน แต่จะมีท่าเต้นท่อนหนึ่งในเพลง Boy with Luv ที่ผมจะสบตากันกับเจโฮป ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่พวกเราจะหัวเราะกันหนักมากทุกครั้งเลยครับ (หัวเราะ)
JH: ตอนที่ผมได้ยิน Boy With Luv เป็นครั้งแรก! แม้ว่าสมาชิกทุกคนจะมีสไตล์เพลงที่พวกเขาติดตามเป็นของตัวเอง แต่พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่า "เราต้องทำเพลงนี้!" สิ่งนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยครับ ซึ่งทำให้ผมคิดว่าพวกเราเข้าใจกันจริงๆ
JM: ตอนที่ผมรู้ว่าเมมเบอร์ต่างก็กังวลในเรื่องเดียวกันกับทัวร์ครั้งนี้ และตอนที่พวกเราทุกคนต่างก็ให้กำลังใจกันและกัน แล้วก็ตอนที่ผมถามจองกุกว่า “ไปดู Avengers Endgame ด้วยกันไหม?” แล้วเขาตอบว่า “ไปสิครับ!”
V: ตอนที่ทุกคนส่องไฟจากโทรศัพท์ขึ้นมาที่ Rose Bowl น่ะครับ มันรู้สึกเหมือนผมกำลังมองดูดวงดาวในกาแล็กซี่อยู่เลย เมมเบอร์เองก็มองภาพเดียวกันด้วยความรู้สึกเหมือนกัน ซึ่งผมสามารถบอกได้เลยครับในตอนที่ผมมองตาพวกเขาน่ะ มันทำให้ผมซึ้งยิ่งกว่าเดิมอีก
JK: ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต ตอนที่ผมสบตาจีมินฮยองและพวกเราก็ไฮไฟฟ์กันครับ ผมรู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างที่พวกเราเข้าใจกันและกันตอนพวกเราอยู่บนเวที แล้ว
ก็เวลาที่พวกเรากินหมูสามชั้นและพูดคุยเกี่ยวกับเกมที่พวกเราเล่นด้วยกันเช่นกันครับ (หัวเราะ)
Member Interview
Jimin
คอนเสิร์ตที่ RoseBowl ในเดือนพฤษภาคม หัวใจกว่า 60,000 ดวงของผู้คนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจีมิน มันเหมือนกับว่าเขาตื่นเต้นมากในวันนั้น เขาไม่สามารถนอนหลับได้เลย
“ผู้ชมทั้งหมดเปิดแฟลชโทรศัพท์ โบกมือไปมาเหมือนโบกแท่งไป ตอนที่ผมได้ชมภาพเหล่านั้น ผมควรพูดยังไงดีนะ...มันเหมือนกับว่าวิญญาณของผมหลุดออกจากร่างไปเลย! เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับที่รู้สึกว่าทุกอย่างหลุดลอยออกไปหมด”
เชื่อต่อกับโลกใบนี้ผ่านเสียงเพลง ในฐานะคนที่โตมากลายเป็นศิลปินระดับโลก จีมินคิดว่า “โลกนี้มันช่างยิ่งใหญ่กว่าโลกของผมนัก มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ แต่ละคนก็มีวัฒนธรรมมีความเป็นเป็นของตัวเอง มีปัญหามากมายบนโลกนี้ บางปัญหาอาจจะใหญ่กว่าปัญหาที่ผมมี แต่ในที่สุดแล้วพวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ ครั้งหนึ่งผมเคยตระหนักได้ว่าใจของผมนั้นสว่างสดใสขึ้นและรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นครับ”
ในเพลง Boy with Luv เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น มีเนื้อเพลงที่บอกว่า “ชายคนนั้นได้กลายเป็นฮีโร่” สำหรับ BTS คนที่มอบความแข็งแกร่งให้กับผู้คนผ่านเสียงเพลงของพวกเขา พวกเขาคือฮีโร่
“อืมม..ฮีโร่...เอาจริงๆนะครับ ผมเองก็ไม่มั่นใจ แต่ถ้าเกิดว่าเพลงของพวกรา คอนเสิร์ตหรือกระทั่งการมีชีวิตอยู่ของพวกเราสามารถกลายเป็นเหตุผลให้ใครสักคนก้าวต่อไปข้างหน้า ผมก็อยากจะเดินหน้าต่อไปครับ ผมสามารถก้าวเดินต่อไปได้ เมื่อปีที่แล้วที่เราได้เข้าร่วมโปรเจ็คของ UNICEF นัมจุนฮยองได้พูดอะไรประมาณว่า’ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมอบพลังให้กับผู้คนได้มากมายแค่ไหนผ่านโปรเจ็กนี้ แต่ถ้าพวกเราช่วยได้แม้กระทั่งแค่คนหนึ่งคน นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เราจะทำสิ่งนี้’ ผมได้รับผลกระทบจากความคิดเหล่านั้นของลีดเดอร์ของเราจริงๆครับ”
งั้นอะไรคือฮีโร่สำหรับจีมินล่ะ? “ในเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของผมแล้ว เมมเบอร์และอาร์มี่คือฮีโร่ของผมครับ แม้ว่าจริงๆผมควรจะกลายเป็นฮีโร่ของทุกๆคนก็ตาม มันมีช่วงเวลามากมายเลยครับที่ผมรู้สึกเจ็บปวด ท้อแท้ และซึมเศร้า แต่ทั้งเมมเบอร์และอาร์มี่ต่างก็อยู่ข้างๆผมเสมอในช่วงเวลาเหล่านั้น พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นฮีโร่ของผมครับ ผมไม่ได้โกหกนะครับ นี่คือความจริงเลย ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากจริงๆครับ”
JK
ได้รับรางวัลที่งาน BBMAs ร่วมงานกันกับ CharliePuth ไปดูคอนเสิร์ต Ariana Grande จากเวทีและประสบการณ์ที่หลากหลายนี้ ความทะเยอะทยานของจองกุกพุ่งไปไกลเลย
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้ดูการแสดงของศิลปินท่านอื่น จำนวนของสิ่งที่ผมอยากทำบนเวทีก็เพิ่มขึ้นไปอีกครับ มันเป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้รับแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจผ่านคนอื่นๆ ก่อนคอนเสิร์ต Ariana จะเริ่ม ผมบอกเธอว่า ‘ผมอยากดูเวทีของคุณและเรียนรู้สิ่งต่างๆ’ โอ้ใช่เลย ระหว่างคอนเสิร์ตของพวกเรา ก่อนที่จะเริ่มการแสดงเราจะมารวมกันและเชียร์อัพ เธอเองก็ทำแบบนี้เหมือนกันครับ ‘มาทำด้วยกันเถอะ’
เธอพูดกับผมแบบนี้ เพราะงั้นผมเลยเข้าไปร่วมในวงกลมนั่นด้วย หลังจากจบการแสดง ผมมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในใจ ผมค้นหาสิ่งต่างๆบนอินเทอร์เน็ตเช่นว่า นักร้องต่างประเทศและการฝึกร้องเพลง ในโรงแรมขณะที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ จนตอนนี้ผมยังเจ็บคออยู่เลยครับนิดหน่อย (หัวเราะ)”
เมื่อพูดถึงหัวข้อเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษของเขา...”ผมยังไม่ถึงขั้นมัธยมต้นเลยด้วยซ้ำครับ” จองกุกพูดด้วยรอยยิ้มอายๆและรอยย่นที่ตา เมื่อพูดแบบนั้นแล้วเขารู้สึกว่า “ภาษา” นั้นสำคัญมากจริงๆกับการทำงานทั่วโลกเช่นนี้
“แม้กระทั่งคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ แฟนๆก็ร้องเพลงภาษาเกาหลีไปพร้อมกับพวกเรา พอผมเห็นแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกขอบคุณมากๆเลยครับ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพยายามอย่างสุดความสามารถในการร่ำเรียนภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกัน ผมอยากที่จะสามารถสื่อ/ถ่ายทอดความรู้สึกของผมด้วยคำพูดของผมเอง”
ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาได้เรียนรู้อะไรจากการพบเจอศิลปินต่างๆมากมายกันนะ?
“ตอนที่พวกเราเจอกันกับพวกเขาจริงๆ แทนที่จะพูดกันถึงเรื่องเพลงแบบจริงจัง มันกลับให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากขึ้นเหมือนคุยกันกับเพื่อนครับ หลังจากที่ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาแล้วกลับไปฟังเพลงของพวกเขาอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าผมสามารถเข้าใจมุมมองของพวกเขาต่อโลกได้ดีมากขึ้นครับ คำพูดเองก็สำคัญเหมือนกันครับแต่ว่าเพลง/ดนตรีมันให้ความรู้สึกเหมือนมันเป็นอะไรหลายๆอย่างที่เรา ‘เรียนรู้จากความรู้สึก’ น่ะครับ”
สำหรับจองกุก การเชื่อมโยงโลกและความสุขของเขาในฐานะ BTS คือ...”ถ้าผมต้องเลือกอะไรบางอย่าง...ก็ต้องเป็นการเดินต่อไปในฐานะ BTS และสนุกกับคอนเสิร์ตของพวกเรา นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของความสุขของผมเลยครับ มันคงจะดีนะครับถ้าแฟนๆเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
SG
ชูก้า ผู้รักษาความสมดุลของทีม คนที่นิ่งสงบแม้กระทั่งก่อนการแสดงอันน่าตื่นเต้นสุดร้อนแรงของ BTS เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความคิดของเขาต่อคอนเสิร์ตที่ Rose Bowl เขาก็ได้บอกว่า
“ทั้งบรรยากาศและคอนเสิร์ตดีมากๆทั้งคู่เลยครับ เป็นมุมมองที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่พวกเราสามารถเห็นผู้ชมได้ทั้งหมดเลยครับตราบใดที่พวกเราอยู่บนเวที ความตื่นเต้นมันเริ่มมาจากตรงนี้”
ด้วยจำนวนเพลงที่ได้ Composed กับศิลปินทั่วโลกมากมาย ชูก้าพบเจอความสนุกอะไรไหม?
“ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากครับที่พวกเขาเห็นพวกเราไม่ใช่ไอดอลหรือศิลปิน แต่เป็นคนธรรมดา ‘คนที่มีใจเดียวกันในการทำเพลง’ Khalid มาชมคอนเสิร์ตเราที่ LA ไม่ต่างจากตอนที่เราได้พูดคุยกันกับเขาเลยครับ แต่พวกเราไม่ได้ไปดื่มหรือทำอะไรอย่างอื่นด้วยกันนะครับ เนื่องจากว่าเราต่างก็ยุ่งกันมากๆ (หัวเราะ) แต่ว่าจากการที่ได้พบเจอกันแบบนั้น ตัวผมนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากเลยครับ เนื่องจากพวกเราจะแนวคิดเป็นของตัวเอง ในฐานะคนที่ทำเพลง พวกเราต่างก็มุ่งไปสู่เป้าหมายในการทำเพลงเหมือนกัน นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกลายเป้นธรรมชาติเลยล่ะครับ”
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ชูก้าก็ออกไปข้างนอกในช่วงเวลาว่างที่แทบจะใน LA และสนุกสนานกับการชมเบสบอลและการไปดูหนัง เมื่อถูกถามเกี่ยวกับช่วงเวลาต่างๆกับเมมเบอร์ระหว่างที่อยู่ที่อเมริกา เขาก็บอกว่า “ในตอนแรกทุกคน Jet lagged และทุกอย่างก็แย่ไปหมด หลังจากคอนเสิร์ตพวกเราก็กินและดื่มด้วยกัน...(คิด) เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันทุกวัน มันเลยยากที่จะคิดถึงอะไรๆที่มันพิเศษครับ(หัวเราะ) แต่ผมสนุกกับช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันนะครับ
คำพูดของเขาดูคร่าวๆอาจจะฟังดูห้วน แต่ความรักของชูก้าที่มีต่อเมมเบอร์และทีมของเขานั้นสามารถรูดสึกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เมื่อถามถึงอนาคตของ BTSนับจากตอนนี้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืมมม” เละเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา
“ผมเชื่อว่า BTS จะไปได้ไกลเท่าที่เราสามารถทำได้ แต่ว่างานของพวกเราไม่ใช่ประเภทที่ว่าจะสามารถไปต่อได้เพียงแค่เพราะคนๆหนึ่งต้องการไปต่อ ไม่สามารถยอมแพ้ได้เพียงเพราะคนๆหนึ่งต้องการหยุด เวลาเปลี่ยน และพวกเราเองก็โตขึ้น ศิลปินใหม่ๆก็เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถหยุดมันได้ เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีช่วงเวลาที่วันหนึ่งสถานการณ์ของเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าผมจะทำเพลงอยู่เสมอครับ”
JH
“ขณะนี้เรามีสิ่งที่ใหญ่มากๆอยู่ในมือเราตอนนี้ครับ พูดกันตามตรงแล้ว บางครั้งผมกลัวว่าผมจะปล่อยมันหลุดมือไปถ้าเกิดว่าผมแบมือออกมา หรือไม่ก็มันอาจจะหายไปในช่วงเวลาที่ผมปล่อยมันหลุดมือ แต่ตอนนี้ผมอยากจะพักความกลัวนั้นไว้และมุ่งมั่นอยู่กับปัจจุบันแทนครับ”
นี่คือสิ่งที่เจโฮปพูดถึงสภาพจิตใจของเขาเกี่ยวกับการเป็นศิลปินระดับโลก เมื่อเขาได้ยินหัวข้อหลักของปัญหานี้ เขาก็บอกว่า “การเชื่อมต่อกันนั้นมันยอดเยี่ยมแน่นอนครับ” พร้อมกับรอยยิ้ม “สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขเกียวกับการได้เชื่อมต่อกันกับโลกใบนี้ คือการที่การที่สามารถพบเจอแฟนจากหลายๆประเทศ ได้รับประสบการณ์มากมายที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ การที่สามารถได้เห็นได้สัมผัสสิ่งต่างโดยตรง ผมเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่มาจากชนบทของประเทศเกาหลีใต้ ท่องเที่ยวไปรอบโลกในขณะที่ก็ได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากครับ”
ในอัลบัมล่าสุดของพวกเขานี้ พวกเขาได้ติดต่อกับศิลปินระดับท็อปอย่าง Ed Sheeran และ Halsey “มันง่ายมากเลยที่จะได้ร่วมงานกันในยุคนี้ สถานการณ์ต่างๆมันทำให้ศิลปินทั่วโลกได้ไปมีประสบการณ์การทำงานกับศิลปินท่านอื่นถ้าเกิดว่าเขารู้สึกสนใจ มันคงจะดีครับถ้ามีโอกาสมากขึ้นอีกในอนาคต”
การมีสเตจร่วมกันกับ Halsey ที่ BBMAs คนที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว “ตอนที่พวกเราฝึกเต้นกันกับ Halsey มันเหมือนพวกเราสื่อสารกันและกลายเป็นหนึ่เดียวกันผ่านการเต้นครับ มันทำให้ผมได้คิดว่าการเต้นก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทำให้เราติดต่อกับผู้คนได้เหมือนกัน”
เมื่อไม่นานมานี้เจโฮปได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแกลอรี่ชื่อดังจากทั่วโลก เขาได้ไปเยี่ยมชมนิทรรศการของ Murakami Takashi ที่ได้จัดขึ้นที่ GagosianGallery ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่ LA ด้วย
“มันมีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกันระหว่างมุมองโลกของ Murakami ที่เต็มไปด้วยสีสันและทิศทางของดนตรีที่ผมติดตาม การได้เห็นผลงานของเขานั้นสร้างแรงบันดาลใจให้ผมครับ ผมมีสินค้าของเขาเยอะเลยนะครับ! ถึงจะไม่เยอะเท่านัมจุนก็ตาม ผมอยากร่วมงานกับเขาครับ ผมมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นภาพที่น่าสนใจแน่นอน”
V
การทัวร์สเตเดี้ยมได้รับการขัดเกลาในทุกๆคอนเสิร์ต และความลับเบื้องหลังทั้งหมดกับการถกเถียงกันระหว่างเมมเบอร์, เปิดเผยโดยวี
“ครึ่งชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม พวกเราทุกคนต่างก็ตรวจเช็คความเรียบร้อยในเซ็ตลิสท์ ทุกๆคนต่างก็เสนอความคิดของตัวเอง เพลงโซโล่จะใช้เวลาไม่นานเหมือนเพลงที่เราต้องแสดงด้วยกัน แต่จีมินก็ชมโซโล่ของผมระหว่างการซ้อมคอนเสิร์ตที่ Rose Bowl และบอกว่ามันเท่มากเลย ผมรู้สึกดีมากๆเลยครับ”
การใช้ชีวิตในฐานะเมมเบอร์ของ BTS ที่ผู้คนต่างคลั่งไคล้ วีได้พูดอย่างจริงจังเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาว่า
“ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะวี BTS ในขณะที่ผมมีความสุขกับการมีชีวิตอยู่ของผมในฐานะวีโตขึ้นกว่าที่ผมฝันเอาไว้มาก บางครั้งผมก็ต้องการอยู่ในฐานะคิมแทฮยองด้วยเหมือนกัน ผมอยากที่จะทานอาหารเกาหลีดีๆกับครอบครัว แต่เสียงเชียร์ที่อาร์มี่ส่งมาให้ผมคือความสุขของผมในตอนนี้ การสร้างความทรงจำกับทุกๆคนที่ผมคิดว่าเป็นครอบครัวของผมที่คอนเสิร์ตทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ช่วงเวลา ณ ตอนนี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัยนี้แล้วครับ! ถ้าเกิดว่า----เสียงเชียร์ที่เคยดังเบาลงกว่าเดิม ตราบใดที่เสียงของอาร์มี่ยังคงอยู่ ความสุขของเราก็จะยังคงอยู่ต่อไปครับ”
Rose Bowl ได้กลายเป็นความทรงจำที่สำคัญสำหรับ V “มันอาจจะยากที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้โดยที่ไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีจริงๆ แต่ว่าคอนเสิร์ตครั้งนั้นได้ปัดเป่าความกังวลและความเครียดของผมหลุดลอยออกไปครับ ความหลงใหลและความกระตือรือร้นที่เกินความคาดหมายของผม ความรู้สึกของอาร์มี่...ผมรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างด้วยร่างกายของผมเลยครับและเมื่อกลับมาทีโรงแรมในคืนนั้น ร้องไห้คนเดียวบนเตียง มันเป็นครั้งแรกของผมเลยครับที่การร้องไห้แบบนั้นมันมาจากความสุข ผมหลับไปทั้งอย่างนั้นและดวงตาของผมก็บวมอย่างมากเลยล่ะเมื่อผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า (
หัวเราะ)”
วีเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อเขาอยู่บนเวที แต่มีส่วนไหนของเขากันนะที่เขารู้สึกว่าไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไหร่? “(ในขณะที่ยักใหล่)...ผมไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะงั้นตอนนี้ผมจึงสามารถตอบคำถามที่จำไว้ล่วงหน้าได้เท่านั้น...มันทำให้ผมรู้สึกอายนะจนอยากจะซ่อนใบหน้าไว้เลยล่ะครับ แต่ผมสัมผัสได้ว่าอาร์มี่ทั่วโลกรักเราถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคทางด้านภาษาและความแตกต่างในด้านสัญชาติ ผมจึงรู้สึกขอบคุณพวกเขามากๆครับ”
RM
ได้รับการยกย่องจากสื่อถึงการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและการตอบสนองที่ชาญฉลาดทำให้เขาแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆมากที่สุด ลีดเดอร์ RM เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ดนตรีของ BTS
“ผมเคยคิดว่า Hip Hop และ R&B เป็นจุดสูงสุดของดนตรีแล้ว แต่ตอนนี้ 10ปีหลังจากที่ผมเริ่มเขียนเพลง ผมเริ่มเชื่อว่าแนวเพลงนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อไม่นานมานี้ผมค้นพบว่าตัวเองมักจะตรวจสอบชาร์ตของโลกอยู่เสมอเป็นไปอย่างธรรมชาติเหมือนกับการหายใจเลยล่ะครับ ฟังเพลงที่หลากหลายประเภทแล้ว โดยส่วนตัวผมชอบเพลงที่ความหมาย/เนื้อเพลงครับ ดังนั้นผมเลยชอบฟังเพลงอินดี้ของเกาหลีและญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน”
หัวข้อที่ว่า Halsey และ Ed Sheehan ได้มีส่วนร่วมในอัลบัมใหม่ของพวกเขา “ผมรู้ว่า Halsey ร้องเพลงเก่ง แต่พอได้มองเธอฝึกเต้นอย่างสุดความสามารถแล้วมันทำให้ผมคิดว่า ‘ผมไม่เคยจินตนาการถึงHalseyคนที่อยู่แถวหน้าของอเมริกาและทั่วโลก จะทำงานอย่างหนักเพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา’ ตอนที่ผมบอกเธอว่าผมรู้สึกซึ้งใจมาก เธอก็บอกผมว่า ‘เชื้อชาติมันไม่สำคัญหรอก เรามาทำงานกับคนทุกประเภทโดยปราศจากอคติกันเถอะ’ สิ่งนี้ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดเลยครับW
ในที่สุด RM ก็ได้พบกับ Drake ผู้ซึ่เขานั้นชื่นชมมาก ที่ BBMAs ที่ LAs Vegas เมื่อเดือนพฤษภาคม! เขาไม่สามารถซ่อนความสุขของเขาเอาไว้ได้เลย เขาพูดว่า “ช่วงเวลาที่ผมได้พบเจอกับเขา ผมตะโกนออกมาว่า ‘พระเจ้า!’ (หัวเราะ) Drake บอกว่าพวกเรานั้นเป็นคนที่โด่งดังที่สุดในอเมริกาเหนือแล้วครับตอนนี้ ผมมีความสุขมากเลย!”
การได้ติดต่อกับศิลปินทั่วโลก เยี่ยมชมประเทศต่างๆที่พวกเขาไปทัวร์ คุณค่าของ RM ก็เปลี่ยนไปในด้านอื่นๆนอกเหนือจากด้านดนตรี
“ผมเริ่มชอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น...เช่นต้นไม้และสวนสาธารณะ ศิลปะและนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ อะไรแบบนี้ล่ะครับ จริงๆผมชอบศิลปะของศิลปินชาวญี่ปุ่นอย่าง Senju Hiroshi ด้วยนะครับ”
RM ยังคงพูดต่อไปว่าเขาได้ไปเยี่ยมชมสตูดิโอศิลปะที่โด่งดังใน LA ซึ่งทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากอีกด้วย “ผมตระหนักได้เมื่อผมได้เห็นกระบวนการสร้างและได้ยินคำอธิบายถึงเบื้องหลัง ผมก็เริ่มชอบงานนั้นมากขึ้น ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าผมสามารถอธิบายเบื้องหลังงานเพลงของBTS ได้ในอนาคต”
Jin
“Worldwide Handsome” จินประกาศออกมาอย่างมั่นใจเลยว่านี่เป็นคำพูดประจำตัวเขา มันยากที่จะเชื่อจากการที่เขาสร้างเวทีอันน่าตื่นเต้นและรายการโทรทัศน์ของอเมริกา แต่จริงๆแล้วเขาเคลมตัวเองว่า “เป็นคนขี้อาย”
“ผมขี้อายมากๆเลยครับกับคนแปลกหน้าน่ะ เพราะงั้นผมเลยผิดหวังมากที่ผมแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับHalsey เลย...แต่มันสนุกมากเลยนะครับที่เราได้เต้นด้วยกันเป็นครั้งแรกตอนที่เราถ่าย MV BTS จะมีทำธรรมเนียมที่ว่าในความมืดช่วงก่อนที่เราจะขึ้นเวที พวกเราจะกระซิบกันแบบที่ดังพอแค่ว่าพวกเราจะได้ยิน “คิมนัมจุน, เจโฮป...” ที่ BBMAs เราพูดชื่อ Halsey ด้วยครับ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนผ่อนคลายขึ้น”
ท่องเที่ยวไปหลายๆประเทศจากการทัวร์คอนเสิร์ต จินได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายโดยตรงเลย “ไม่ใช่แค่อาหารและวัฒนธรรมนะครับที่แตกต่าง แต่วิธีการที่คนแต่ละประเทศสนุกกับคอนเสิร์ตนั้นก็แตกต่างด้วยเหมือนกัน บางที่จะร้องเพลงตาม ในขณะที่บางประเทศก็จะฟังแบบเงียบๆ ที่ฝรั่งเศสพวกเขาจะกระทืบเท้าเพื่อส่งแรงเชียร์ให้กับพวกเรา”
เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาคิดว่ามีความสำคัญกับการเดินบนเส้นทางนี้ เขาตอบว่า “ดนตรีที่ดีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมันครับ แต่การที่เมมเบอร์ได้พูดุยกันตลอดเวลาและทำงานหนักอย่างสุดความสามารถก็สำคัญเช่นกันครับ ภาษาอังกฤษของนัมจุนก็เป็นอะไรที่สำคัญเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่แฟนๆสนับสนุนในสิ่งที่เรารัก เพราะแฟนๆมีความสุข เราจึงลืมความรู้สึกเหนื่อยล้าและสามารถทำงานต่อไปเช่นนี้ได้ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้คิดถึงอนาคตเลยครับเพราะไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงอนาคตที่ไกลในเวลาที่ปัจจุบันของเราเต็มไปด้วยความสุขมากมายจากอาร์มี่ทั่วโลก”
แม้ว่า BTS นั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน จินก็ยังคงบอกว่าเขานั้นเป็น “คนธรรมดา” “แม้ว่าเราทุกคนจะไม่มีใครเดินอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป ช่วงเวลาที่ใครสักคนก้าวออกจากวังวนของการถูกปฏิบัติในฐานะของ’คนมีชื่อเสียงที่ฉันพบเจอในโทรทัศน์’ ถ้าต้องพูดกันตามตรง ผมคงไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าผมรู้สึกกดดันจากสิ่งเหล่านั้น ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถทำทุกอย่างได้โดยลำพัง แต่ผมมีเมมเบอร์ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงสามารถพุ่งเข้าใส่โลกได้ด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี”
ในขณะที่อยู่อเมริกา เขาพักจากการเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่พักหนึ่ง และได้ไปเที่ยวสวนสนุกที่ซึ่งเขาอยากไปอยู่เสมอ รูปถ่ายที่เขาอัพโหลดลงโซเชียลได้แสดงให้เห็นถึงรถไฟเหาะที่เขาได้นั่ง
“คนที่ทำหน้าโง่ๆนั่นไม่ใช่ผมนะ เวลาที่ทุกคนเล่นรถไฟเหาะต่างก็ทำหน้าแบบ
นั้นกันทั้งนั้นล่ะครับ(หัวเราะ)”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in