หลังจากรอคอย ลอยคอ อยู่นานนมหนังสือก็จะเริ่มทยอยส่งไปรษณีย์มาตามที่อยู่เรา

หนังสือจะมีความหนาค่อนข้างมากกกกกก ประกอบไปด้วยทั้งหมด 15 บท(อาจจะแบ่งเป็น 2 หรือ 3 เล่มแล้วแต่วิชา)และชุดแบบฝึกหัดก่อนและหลังเรียนประจำบท 1 ชุด

บางวิชาหนังสือจะมาช้ามากกกก ถ้าดูตามปฏิทินการศึกษาคือใกล้จะสอบอยู่แล้วและเลยเปิดเทอมมานานมากๆ ถ้าเรามีความขยันขันแข็งก็สามารถหาอ่านเอาจากอินเตอร์เน็ตได้ (ซึ่งความขยันนั้นไม่ใช่เรา)

วิถีทางที่ดีที่แนะนำที่ควรทำ

- กากบาทวันสอบไว้ในปฏิทิน เป็นเครื่องเตือนใจว่าต้องอ่านหนังสือให้ทันก่อนสอบ

-เริ่มต้นด้วยการอ่านวัถตุประสงค์ประจำบทก่อน แล้วลงมือทำแบบฝึกหัดก่อนเรียน

-อ่านหนังสือ อ่านทุกตัวอักษร ถ้าให้ดีสรุปใส่สมุดแยกไว้อีกเล่ม ไว้อ่านซ้ำ

-เมื่ออ่านจบทำแบบฝึกหัดหลังเรียน (ตรงนี้บางบทใช้แบบฝึกเดียวกันระหว่างก่อนและหลังไม่เป็นประโยชน์เลยเพราะเราจะจำเฉลยได้ -"-)

-ทบทวนจุดที่ไม่เข้าใจ อ่านซ้ำในจุดที่ตอบผิด

-ถ้าใช้เวลาบทละ 2 วันก็สามารถเรียนจบ 3 วิชา พร้อมสอบใน 1 เทอมพอดี!!!

ซึ่ง!!!!!!!! มันไม่ใช่ทางของเราค่ะ ไหนจะงานประจำ ไหนจะการเข้าสังคม ไหนจะต้องการการพักผ่อน (ข้ออ้างทั้งนั้น...) เรามีวิถีทางที่เราใช้แต่ไม่แนะนำให้ทำตามถ้าไม่จำเป็นนะ

- กากบาทวันสอบไว้ในปฏิทิน (สำคัญมาก!!!) นับถอยหลังมาให้เวลา 45 วันสำหรับการอ่านวันละบท สำหรับ 3 วิชา อันนี้สำหรับอ่านแบบไม่ไฟลนก้น มีเวลาทบทวนชิลด์ๆ

-เริ่มอ่านวัถตุประสงค์และทำแบบฝึกหัดก่อนเรียน (แบบฝึกหัดสำคัญมากเดี๋ยวจะบอกว่าทำไม*)

-อ่านหนังสือ...จังหวะนี้ไม่ทันแล้ว!!! ใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ หาสรุปจากในนั้นมาอ่าน ซึ่งของเราโชคดีมากที่มีคนทำสรุปไว้ให้ ขอกราบขอบพระคุณ คุณmanasu มา ณ ที่นี้เลย

- ทำแบบฝึกหัดหลังเรียน

- ทบทวนข้อที่ทำผิด ถ้าไม่มีในสรุปต้องหาอ่านเนื้อหาในหนังสือให้เข้าใจ (ถ้าอ่านไม่ทันจริงๆให้ข้ามๆไป)

เกณฑ์การสอบและวัดผลต่างๆ

- ข้อสอบมี120ข้อแบบ5ตัวเลือก(สำหรับวิชาที่ในสาขาเราเรียนนะเห็นว่าบางวิชาบางสาขามีอัตนัยด้วย) 

- เกณฑ์สอบผ่านคือ 60-75% ได้ S เทียบเป็น 2.30 และ มากกว่า 76% ได้ H เทียบเป็น 4.00 ถ้าน้อยกว่านั้นคือ U สอบตก แต่มีสิทธิ์สอบซ่อม 1 ครั้ง ถ้าผ่านจะได้เกรดที่มี*ติดมา

-เกณฑ์ได้เกียรตินิยม...จังหวะนี้แค่ผ่านก็พอใจแล้ว..ไม่สิ เราต้องมีความหวังสูงไว้ก่อน เกียรตินิยมต้องไม่เคยสอบตกแล้วซ่อมคือเกรดห้ามมี*ต่อท้าย ,,, เกียรตินิยมอันดับ 1 ต้องได้ H มากกว่าเท่ากับ2ใน3ของวิชาที่เรียน(ในที่นี้คือ8ตัว) ,,, เกียรตินิยมอันดับ 2 ต้องได้ H มากกว่าเท่ากับครึ่งของวิชาที่เรียน(ในที่นี้คือ6ตัว)

*แบบฝึกหัดสำคัญยังไง..ข้อสอบ120 ข้อ จาก 15 บท แสดงว่าจะออกสอบบทละ 8 ข้อ แบบฝึกแต่ละบทที่ให้มามีรวมก่อนหลัง 20 ข้อ คิดเข้าข้างตัวเองว่าในข้อสอบต้องมีดึงมาออกบ้างแหละ ถ้าดึงมา5ข้อก็จะมีโอกาสในการทำข้อสอบได้ถูกต้องและสอบผ่านมากขึ้นไปอีก ถ้าทำถูก 5 ข้อทุกๆบท ก็จะได้ 75 คะแนน (62.5%) ก็สอบผ่านชัวร์......

นี่คือการเข้าข้างตัวเอง แต่ในความเป็นจริงนั้น ข้อสอบมสธ.จัดได้ว่ายากและโหดมากๆไหนจะ 5ตัวเลือก แถมบทนึงก็เนื้อหาเยอะแยะออกแค่8ข้อไม่รู้จะจำอะไรไปสอบ..ก็ได้แต่เข้าข้างตัวเองด้วยสูตรการทำแบบฝึกหัดและอ่านในจุดที่มีในแบบฝึกหัดเยอะๆ แต่ถ้ามีเวลาและไม่ขี้เกียจก็ควรอ่านทุกๆหน้าของหนังสือที่มี

ผลสอบ

ผลสอบประกาศทางหน้าเว็บไซต์ต้องลุ้นในวันที่ประกาศ บางทีก็ตรงเวลา บางทีก็เลื่อนการประกาศให้เราลุ้นต่ออีกเป็นสัปดาห์ก็มี

แล้วหลังจากผลสอบทางเว็บไซต์ออก อีกสักพักใหญ่ๆก็จะมีผลสอบส่งไปรษณีย์มาหาเราก็เก็บๆไว้เป็นหลักฐาน

กรณีสอบไม่ผ่าน!!!

ดูตามปฏิทินการศึกษาแล้วลงทะเบียนสอบซ่อมเลยจ้าาา เสียเงินวิชาละ 300 บาท แล้วก็เตรียมสอบอีกรอบ...คราวนี้สำหรับเราว่าโหดกว่าเดิมที่มีข้อสอบแค่100ข้อ เหมือนลดโอกาสการตอบผิด แต่ถ้าคิดเป็น%แล้วมันก็เท่ากันนะ

**สำหรับคนที่อ่านหนังสือไม่ทันและคาดหวังเกียรตินิยม มีเทคนิคว่าถ้าคิดว่าสอบปกติไม่ผ่านแน่ๆหรือคะแนนจะไม่ถึงHและมั่นใจว่าสอบรอบสอบซ่อมจะได้คะแนนถึง76%ก็ไม่ต้องเข้าสอบปกติ ให้สอบรอบหลังอย่างเดียวจะมีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มอีกนิ้ดดด และการสอบรอบสอบซ่อมเป็นรอบแรกของวิชานั้นๆผลสอบจะไม่ติด*นะ มีสิทธิ์ได้เกียรตินิยม

ปล.บางวิชามีการสอบพิเศษที่เรียกว่า walk-in exam คือการสอบก่อนที่วันสอบจริงจะมาถึงประมาณ 1 เดือน เสียเงินเพิ่มวิชาละ 300 บาท เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบและเว้นระยะการอ่านหนังสือ เข้าสอบกับคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์เมื่อสอบเสร็จหน้าจอจะประกาศเลยว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่ไม่บอกนะว่าได้ เกรดS or H (การสอบแบบนี้สำหรับเรามันดีมากๆเพราะช่วงสอบจริงๆจะได้อ่านหนังสือน้อยลงเร่งอ่านวิชานี้ก่อน....เป็นการใช้เงินช่วยเหลือที่แท้จริง) 

ตรวจสอบช่วงลงเทียนจากปฏิทินการศึกษา แต่ถ้าโชคดีจะได้เอกสารจากทางมหา'ลัยส่งมาแจ้งช่วงลงทะเบียน

เลือกวิชาลงทะเบียน เลือกตามที่ม.จัดแนวทางไว้ให้ วันเวลาสอบจะไม่ชนกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเลือกสลับไปมาอาจจะมีความเสี่ยงได้

กรอกข้อมูลลงทะเบียน ซึ่งจะต้องลงทะเบียนแบบซื้อหนังสือเรียนสำหรับการลงวิชานั้นๆเป็นครั้งแรกแล้วจ่ายเงินและรอรับหนังสือเหมือนเทอมแรกที่เรียน (กรณีที่ไม่ต้องซื้อหนังสือคือลงทะเบียนเรียนเป็นครั้งที่สองเนื่องจากสอบซ่อมแล้วไม่ผ่านก็ต้องลงทะเบียนใหม่)

การเรียนในภาคการศึกษาพิเศษ(คล้ายๆซัมเมอร์)จะลงเรียนได้ 1 วิชา ทีนี้ต้องเชคตารางสอบดีๆว่าจะไม่ตรงกับตารางสอบซ่อมวิชาที่เพิ่งลงทะเบียนในเทอมก่อนหน้าไป(ป้องกันไว้ก่อนแต่ปกติก็มักจะไม่ซ้อนกัน) แต่!!!ภาคนี้ไม่มีให้สอบซ่อมเนื่องจากใช้ข้อสอบชุดเดียวกันกับข้อสอบซ่อมของคนที่เรียนเทอมก่อนหน้า ภาคพิเศษนี้ถ้าคิดว่าเรียนปกติเทอมละ 3 ตัวก็สบายๆสอบผ่านแน่นอนอ่านหนังสือทันก็ไม่จำเป็นต้องลงก็ได้

การไปฝึกปฏิบัติ

ก็จะมีจดหมายแจ้งมาว่ากำหนดให้เราเข้าฝึกวันที่เท่าไร ให้เราตอบรับกลับไปพร้อมแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการเตรียมตัว

การไปฝึกปฏิบัติก็จะบังคับกินนอนที่นั่น 4-5 วันแล้วแต่วิชาที่ไป ที่นอนแยกห้อง ชาย หญิง นอนห้องละ 3-4 คน ไปถึงก็จ่ายเงินมีค่าอาหาร 3 มื้อรวมเบรก ก็ปฏิบัติตามตารางเวลาที่ทางมหา'ลัยกำหนด เตรียมหนังสืออุปกรณ์อะไรไปให้พร้อม ไม่มีอะไรน่ากังวล(ยกเว้นอาหารที่รสชาติค่อนข้างไม่โอเคถ้าเป็นคนกินยากมากๆให้พกเงินแล้วเดินไปกินที่โรงอาหารคาดว่าจะรสชาติดีกว่า)