เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I Know It's Real, I Can Feel It | TXT Fan Fictionsa week before valentine
The Unexpected Blind Date | #soojun
  • Rating: General Audiences

    Archive Warning (s) : None

    Fandom (s) : TOMORROW X TOGETHER

    Categories: M/M

    Relationship: SOOBIN/YEONJUN

    Characters: SOOBIN, YEONJUN, TAEHYUN





    Work Title: The Unexpected Blind Date

    Notes: เหตุเกิดจากดู Business Proposal



    Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงที่ถูกกล่าวถึงใด ๆ ทั้งสิ้น











    The Unexpected Blind Date

    SOOBIN/YEONJUN

















    ตั้งแต่เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้ก็มีเรื่องราวมากมายให้ชเวซูบินเวียนหัว ทั้งเรื่องงานหรือภาระหน้าที่ต่าง ๆ ที่เขาต้องจัดการในฐานะประธานกรรมการบริษัทคนใหม่ รับตำแหน่งแทนท่านปู่ที่กำลังจะเกษียณตัวเองในเร็ววันนี้ แต่เรื่องงานไม่ได้หนักหนาสำหรับเขามากนักเมื่อเทียบกับอีกเรื่องที่ทำเอาเขาหัวหมุนหาทางแก้ปัญหาไม่ถูกอยู่สองวัน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจรับปากท่านปู่ไปเพราะหวังว่าเรื่องราวจะจบโดยเร็ววันเสียที วันนี้เขาถึงได้มานั่งตรงโต๊ะริมหน้าต่างของภัตตาคารหรูบนตึกสูงใจกลางกรุงที่คังแทฮยอน เลขาฯส่วนตัวของเขาอุตส่าห์จัดการให้

    ปัญหาใหญ่ที่ท่านปู่ทิ้งระเบิดใส่เขาไว้คือ การดูตัว

    ใช่ว่าซูบินไม่รู้ว่าสักวันเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองเสียเมื่อไหร่ ราวสองเดือนก่อนเขาก็เพิ่งได้รับข่าวจากเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษว่ากำลังจะแต่งงานกับคนที่โดนจับคลุมถุงชน สาวเจ้าเป็นคนในแวดวงเดียวกัน ลูกหลานเจ้าของธุรกิจใหญ่สักคน ซูบินคุ้น ๆ ชื่ออยู่บ้าง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า เหตุการณ์นั้นราวกับเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าสักวันเขาเองก็ต้องกระโจนลงสู่วังวนนี้เหมือนกัน

    วังวนของการแต่งงานเพื่อธุรกิจ

    คู่ดูตัวของเขาเป็นลูกสาวทายาทธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง จัดว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ของประเทศก็ได้ ซูบินกวาดตามองประวัติส่วนตัวคร่าว ๆ ของเธอที่เขาได้มาจากแทฮยอนแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากไปกว่าชื่อและบริษัทที่เธอเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ

    แต่เรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่เขาเคยบอกท่านปู่ไป และท่านน่าจะลืมไปแล้วก็คือ

    ชเวซูบินเป็นเกย์

    สมัยอยู่ที่เกาหลีใต้เขาไม่ค่อยแสดงออกชัดเจนนัก แต่เรื่องนี้น่าจะรู้กันทั่วในแวดวงลูกหลานไฮโซเกาหลีใต้ในอังกฤษ ดังนั้นมันจึงประหลาดเหลือเกินที่ยังมีคนอยากมาดูตัวกับเขา

    หรือพวกเธอก็ถูกบังคับมาเหมือนกันนะ...

    ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ซูบินพอจะเข้าใจความลำบากของการเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่โตอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะสมัยเรียนก็มีเพื่อนที่ประสบพบเจอชะตากรรมลักษณะนี้อยู่บ้าง

    ชายหนุ่มพรูลมหายใจ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย เลยเวลานัดมาแล้วประมาณสองนาที

    ความประทับใจแรกติดลบเลยแฮะ

    ยังไม่ทันจะเจอหน้ากันเขาก็อดประเมินอีกฝ่ายไม่ได้เสียแล้ว ซูบินยกมือขึ้นนวดหัวตาเบา เขายังมีงานอีกมากมายต้องไปสะสาง ไม่ได้มีเวลามาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้เสียหน่อย

    “ขอโทษนะครับ”

    เสียงเรียกทำให้เขาชะงักมือ

    “ใช่คุณชเวซูบินหรือเปล่าครับ”

    ชายหนุ่มลดมือลงเพื่อมองตามเสียงคนพูด ก่อนจะชะงักค้าง

    แมว คือความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา

    ตรงหน้าของซูบินคือชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่ง แน่นอนว่าสูงไม่ถึงซูบินที่สูง 185 เซนติเมตร แต่ก็จัดได้ว่าสูงทีเดียว อาจเพราะช่วงขาเรียวยาวใต้กางเกงสแล็กคลายทางสีกรมท่าทำให้เขาดูราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นหรือไม่ก็หนังสือการ์ตูนสักเล่ม ตาชั้นเดียวที่หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยนั่นทำให้เขานึกถึงแมวจริง ๆ โดยเฉพาะริมฝีปากอิ่มที่เป็นทรงคว่ำลงเล็กน้อย ดูราวกับแมวที่กำลังจะสร้างเรื่องให้มนุษย์

    และใช่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเสียแล้ว

    ซูบินถึงกับลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ เขามองตามอีกฝ่ายที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

    “เอ่อ...”

    “สวัสดีครับ ผมชเวยอนจุน” ชายหนุ่มหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อด้านในสูทสีกรมท่ามายื่นให้เขา “เป็นพี่ชายของจีซูครับ”

    ซูบินรีบควานหานามบัตรตัวเองแลกกับชายตรงหน้าทันที เขารับมาสองมือตามมารยาท ก่อนจะอ่านรายละเอียดบนหน้าบัตรด้วยความพิศวง



    ชเว ยอนจุน

    กรรมการบริษัท

    ซี. อิเล็กทริคส์



    เมื่อละสายตาจากกระดาษก็สบตาเข้ากับคนที่กำลังมองเขาเหมือนแมวสงสัยพอดี ซูบินรีบเก็บนามบัตรใบนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อ ก่อนจะกลับมาวางมาดเหมือนคุยธุรกิจ

    “ไม่ทราบว่าคุณจีซู...”

    “จีซูติดธุระด่วนเลยมาไม่ได้ครับ ผมต้องขออภัยด้วยจริง ๆ” ชเวยอนจุนยิ้มให้เขา ซูบินเผลอกลั้นหายใจ “จะยกเลิกนัดก็รู้สึกว่ากระทันหันไป ผมจึงมาเรียนด้วยตัวเองครับ ขอโทษแทนน้องสาวที่เสียมารยาทด้วย”

    “ไม่เป็นไรครับ” ซูบินเอ่ยเสียงนุ่มนวลกลับท่าทางสำนึกผิดอย่างจริงใจของอีกฝ่าย “ผมขอถามได้ไหมครับว่า ธุระด่วนนั่นคืออะไร” ทำไมถึงเทกันง่าย ๆ แบบนี้...

    ชเวยอนจุนตอบ “จีซูเป็นหมอน่ะครับ มีผ่าตัดด่วน”

    อ๋อ...

    เดตกับหมอน่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับคนอย่างเขา แต่จริง ๆ แล้วปัญหาน่าจะไม่ใช่เรื่องว่าคู่เดตเป็นหมอหรือเปล่า เพราะชเวซูบินมีเป้าหมายใหม่ในใจแล้ว

    “ถ้าอย่างนั้น ถ้าไม่รังเกียจ” ซูบินยิ้มให้คนตรงหน้า “ไหน ๆ คุณยอนจุนก็มาแล้ว ดื่มด้วยกันสักหน่อยแล้วค่อยกลับได้ไหมครับ”

    เขาเห็นประกายลุกวาวอย่างตื่นเต้นของคนตรงหน้า ก่อนที่ผู้มาทีหลังจะรู้สึกได้ว่ามันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่

    “จะดีเหรอครับ ยังไงก็สั่งมาให้จีซู...”

    “ผมยังไม่ทันได้เริ่มสั่งอะไรน่ะครับ ยังไงกินด้วยกันก็ได้ครับ ผมไม่ถือ” ซูบินยกมือเรียกพนักงานราวกับมัดมือชก “สบาย ๆ ครับ”

    ทั้งที่บอกอีกฝ่ายอย่างนั้น แต่เป็นเขาเองเสียอีกที่ตื่นเต้น

    เนื้อแท้แล้วชเวซูบินไม่ใช่คนเข้าหาใครก่อนด้วยซ้ำ แต่พอเป็นชเวยอนจุนที่ปรากฏตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ทำให้เขาละสายตาไม่ได้ ก็ทำเอาเผลอผลักตัวเองไปสุดทางเพื่อให้ได้มองหน้าคนคนนี้ต่ออีกสักนิด

    ชเวยอนจุนยิ้มขำ “งั้นแค่ไวน์กับพวกโคลด์คัตก็พอครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่คุณพ่อนัดดูตัวให้จีซูเป็นคนยังไง”

    เห็นรอยยิ้มและประกายแพรวพราวนัยน์ตา ชเวซูบินก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางดาวนับพันดวง แต่นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในแก้วตาสีนิลของคนตรงหน้ามากกว่า

    ช่วงเวลาหลังจากนั้นเป็นความเพลิดเพลินอย่างที่เขาไม่ได้เจอมาหลายปีนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานช่วยธุรกิจที่บ้าน ชเวยอนจุนเป็นคนคุยสนุก มีวิธีพูดที่น่าฟัง นอกจากจะช่างพูดและมักพูดเรื่องราวที่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกลำบากใจแล้ว ก็ยังฉลาดเปิดปากคู่สนทนาและเป็นผู้ฟังที่ดี ซูบินไม่รู้ตัวว่าไวน์หมดขวดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาหัวเราะจนรู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปสมัยเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยที่ชีวิตยังไม่มีเรื่องให้ต้องคิดมากไปกว่าจะตื่นไปกินอะไรก่อนเข้าเรียน

    “เมาแล้วเหรอครับ”

    เขาได้ยินเสียงยอนจุน ซูบินพยายามดึงสติกลับมา ใบหน้าชวนมองของอีกฝ่ายยังอยู่ตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกอยากยื่นหน้าเข้าไปจูบชายคนนี้ขึ้นมาเฉย ๆ

    แต่ทำไม่ได้ ที่นี่คือห้องอาหารในเกาหลีใต้ แล้วมีโต๊ะคั่นกลางระหว่างพวกเขาอยู่ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

    “ก็นิดนึงครับ” เขาตอบตามตรง

    “แล้วคุณซูบินกลับยังไงเหรอครับ”

    คังแทฮยอนรออยู่ยังไงล่ะ

    “ก็คง...ไม่แน่ใจ อาจจะเรียกคนขับรถมาอีกทีมั้งครับ”

    เขาเห็นยอนจุนยิ้มอ่อนโยนมาให้ “ผมไปส่งไหมครับ”

    “…ครับ? ”

    “ผมไปส่งก็ได้ครับ มีคนขับรถน่ะ เดี๋ยวแวะส่งคุณซูบินก็ได้”

    โป๊ะเชะ

    ซูบินแอบยิ้มในใจ

    “ขอบคุณครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นแยกจ่าย...”

    “ผมเลี้ยงครับ” ซูบินว่า “คุณอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง”

    “แต่...”

    “ให้ผมเลี้ยงเถอะครับ” เขาย้ำ “ไว้คราวหน้าคุณยอนจุนค่อยเลี้ยง”

    “…ก็ได้ครับ”

    เขายิ้มกว้างตอบรับคำพูดนั้น ก่อนจะจัดการค่าอาหารแล้วพยายามพยุงตัวออกจากร้านอย่างทุลักทุเล ยอนจุนเข้ามาช่วยประคองเขาให้เดินง่ายขึ้น ภาพผู้ชายสองคนกอดคอกันออกจากห้องอาหารน่าดูชมทีเดียว ซูบินเห็นเงาสะท้อนในกระจกตรงโถงทางเดินแล้วอดขำไม่ได้

    “แวะห้องน้ำก่อนเถอะครับ” เขาบอก “ได้ล้างหน้าล้างตาอาจจะรู้สึกดีขึ้น”

    พอพูดแบบนั้นยอนจุนเลยพาเขาเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ซูบินตรงไปที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำแล้ววักมันใส่หน้าเร็ว ๆ ความเย็นจัดของน้ำทำเอาเขาตาสว่างจริง ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกก็เห็นว่าชเวยอนจุนยืนอยู่ข้าง ๆ เขานี่เอง

    เสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่มองเขาอยู่อย่างเป็นห่วงทำให้ซูบินเผลอหันไปมองตาม พอสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้น เขาก็ก้มลงไปสัมผัสริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว

    ลืมจริง ๆ

    เมื่อรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่นนั้นแล้วถึงรู้สึกตัวแล้วผละออกทันทีราวกับต้องของร้อน ซูบินผงะถอยออกห่างจากยอนจุนเหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่ดีดออกจากกันอย่างแรง เขาก้มหน้าชิดอกตัวเองไม่กล้าแม้แต่จะสบตายอนจุนด้วยซ้ำ

    “…ขอโทษครับ”

    “…”

    “…”

    “…ขอโทษอะไรเหรอครับ”

    ซูบินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเผชิญความจริง ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นว่ายอนจุนเข้ามาใกล้มากแค่ไหน

    ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าเขา ห่างเพียงแค่คืบเท่านั้น ใบหน้าใกล้จนเขาเห็นไฝเล็ก ๆ ตรงหางตาอีกฝ่ายชัดเจน และเห็นด้วยว่าแววตาคู่นั้นกำลังเต้นระริกด้วยความตื่นเต้นบางอย่าง

    “ผมรู้อยู่แล้วแหละครับว่าคุณซูบินเป็นเกย์”

    “…”

    “ถ้าแบบนั้นแล้ว จะอยากเดตกับผมมากกว่าจีซูหรือเปล่าครับ”

    “…”

    ซูบินไม่ตอบคำถามนั้นออกมาเป็นคำพูด

    แต่เลือกให้ริมฝีปากอิ่มของตนที่ประทับลงบนกลีบปากอีกฝ่ายเป็นคำตอบของทุกอย่างเอง


    FIN




    220612

    - ไม่ได้ปรู๊ฟก่อนลง หากใครเจอสะกิดได้นะคะ 555

    - เหตุเกิดจากเปิดดู Business Proposal กับแม่แล้วอยากเห็นซีนน้องสุ้บกับพิยอนเจอกันในสถานที่ดูตัว ที่เหลือไหล ๆ ไปค่ะ ไม่ได้มีพล็อตอะไรเป็นพิเศษ แง้

    - คอมเมนต์กันได้เช่นเคยคับ รออ่านของทุกคนนนน <3

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in