เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I Know It's Real, I Can Feel It | TXT Fan Fictionsa week before valentine
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Good Boy Gone Crazy (Because Your Cuteness) | #yeonbin
  • Rating: Explicit (NC-18)

    Archive Warning (s) : None

    Fandom (s) : TOMORROW X TOGETHER

    Categories: M/M

    Relationship: YEONJUN/SOOBIN, mentioned YeonGyu/BeomJun

    Characters: YEONJUN, SOOBIN, BEOMGYU



    Notes:

    PWP ไปเลยสิคะ

    - ขอบคุณน้องนีฟและพี่พลอยที่ช่วยเป็น beta reader ให้ค่ะ


    Warning:

    - กล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างชัดเจน (explicit content)

    - มีการใช้ถ้อยคำพูดถึงเพศสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมา



    Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงที่ถูกกล่าวถึงใด ๆ ทั้งสิ้น










    Good Boy Gone Crazy (Because Your Cuteness)

    YEONJUN/SOOBIN










    เขาเป็นชายหนุ่มตัวสูง แม้จะไม่ได้สูงเท่ากับซูบิน แต่ก็นับได้ว่าเป็นคนสูงคนหนึ่ง ช่วงขานั้นยาวทีเดียว และดูเหมือนเจ้าตัวจะเห็นจุดเด่นนี้ของตัวเองด้วยจึงแต่งตัวโดยเอาเสื้อทับในกางเกงทรงตรง เผยช่วงขาและสะโพกเข้ารูปราวกับนายแบบดังจากแบรนด์หรูหราที่เขามักเห็นตามป้ายโฆษณา

    แต่ซูบินรู้ดีว่าไม่ใช่ ชเวยอนจุนเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยที่อายุมากกว่าเขาปีเดียว และรับงานตามคำขอเป็นรายได้พิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

    “เข้ามาก่อนสิครับ”

    เขาเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนเข้าไปนั่งรอ ชเวยอนจุนในชุดเสื้อยืดและกางเกงขายาวเรียบ ๆ แต่ดูดีอย่างประหลาดค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปนั่งตรงโซฟารับแขก

    “รับเครื่องดื่มหน่อยไหมครับ”

    “…ชามินต์ก็ได้ครับ”

    “สักครู่นะครับ”

    ซูบินโต้ตอบกับอีกฝ่ายจากหลังเคาท์เตอร์ครัวที่เปิดโล่งให้เห็นห้องนั่งเล่นด้วย ห้องพักของเขาไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางนักดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นพื้นที่เดียวกันหมดแล้วใช้เครื่องเรือนต่าง ๆ แบบโซน แม้แต่เตียงนอนเองก็คั่นไว้ด้วยชั้นหนังสือให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    เขาดูดีกว่าที่ซูบินจินตนาการไว้มาก ชายหนุ่มเจ้าของห้องพรูลมหายใจขณะค่อย ๆ ชงชาด้วยจิตใจระส่ำด้วยความตื่นเต้น ไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่า ชเวยอนจุนจะรูปร่างหน้าตาแบบนี้

    ทั้งหมดมันเริ่มต้นจากบทสนทนาที่ดูไม่น่าจะมีอะไรระหว่างเขากับเพื่อนสนิทอย่างชเวบอมกยู




    “นายเคยวันไนท์หรือเปล่า”

    คำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขาทำให้บอมกยูที่กำลังยกกาแฟดำขึ้นดื่มกับสำลักจนไอออกมา โชคดีว่าเป็นกาแฟเย็นจึงไม่แย่นัก แต่คราบกาแฟที่ไหลจากปากลงมาถึงคางก็ทำให้ซูบินต้องรีบคว้ากระดาษทิชชู่แถวนั้นยื่นให้เพื่อน

    บอมกยูที่ยังเช็ดหน้าตาไม่เรียบร้อยดีขมวดคิ้วถามเขาด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ”

    “ฉันถามว่า” ซูบินโน้มตัวจากที่นั่งเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบา “นายเคยวันไนท์สแตนหรือเปล่า”

    “…ทำไม”

    “ตกลงเคยหรือเปล่า”

    “เรื่องส่วนตัว ไม่ตอบได้ไหม”

    พอเพื่อนว่าอย่างนั้น ซูบินก็ถอยกลับไปพิงพนักเก้าอี้เหมือนเดิม มือข้างหนึ่งเขี่ยที่จับเก้าอี้ สายตาทอดมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย

    ท่าทางเบื่อหน่ายนั้นทำให้บอมกยูต้องเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้ามาถามบ้าง

    “ตกลงอยากรู้ไปทำไม อยากลองเหรอ”

    ซูบินเหลือบมองเขา

    “ก็...ช่วงนี้เบื่อ ๆ ”

    “เหงาอะไร พ่อหนุ่มสุดหล่อที่แย่งกันจองทั้งคณะมันจะมาเหงาอะไร”

    “ก็ไม่มีแฟน” ซูบินพึมพำ “ไม่รู้สิ แบบ อยากมั้ง”

    “เป็นโอเมก้ากำลังฮีตเหรอ”

    ซูบินยื่นขายาว ๆ ไปเตะเพื่อนหนึ่งที “เพ้อเจ้อ”

    “แซวเล่นก็ทำโกรธ นายกระต่ายเอ้ย” บอมกยูหัวเราะ “เอาเป็นว่า ฉันว่าฉันแนะนำได้ เพราะอย่างนายคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้แน่ ๆ กลัวโดนหลอก”

    ซูบินหรี่ตา “แปลว่านายทำบ่อยเลยโชกโชนเหรอ”

    บอมกยูยักไหล่ ไม่พูดอะไรต่อ “ชอบแบบไหนล่ะ”

    ซูบินยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับคาง “ตัวสูงหน่อย”

    “ต้องคอเคซอยด์เท่านั้นแล้วล่ะ ดูตัวเองด้วย”

    “พูดยังไม่จบ!” กระต่ายตัวสูงถลึงตาใส่เพื่อน “หมายถึงว่าร้อยแปดสิบขึ้นก็ได้ ไม่ต้องเท่าฉันก็ไม่ได้เป็นไร บนเตียงมันก็ไม่ต่างมั้ง”

    บอมกยูทำหน้าล้อเลียน ซูบินเลยยื่นขาไปเตะอีกรอบ คราวนี้จงใจเอาปลายรองเท้าหัวแหลมจิ้มไปตรงแข้งอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ บอมกยูร้องโอ๊ยเสียงดังก่อนจะรีบหุบปากเมื่อคนอื่นเริ่มหันมามอง

    ซูบินถอนหายใจ ก่อนพูดต่อ “ตัวสูงหน่อย ไม่ต้องตัวหนามาก พูดจาดี มีประสบการณ์หน่อยก็ดี”

    “คนเกาหลี? ”

    “ก็คุยกันง่าย”

    “วานิลลา...? ”

    ซูบินเม้มปาก “ถ้าทำให้ชอบ จะแบบไหนก็ไม่มีปัญหา”

    บอมกยูพยักหน้ารับอย่างประทับใจ “ท็อป? ”

    “อืม”

    แล้วเพื่อนสนิทตาโตก็นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ยกกาแฟขึ้นจิบอีกที ก่อนจะบอก

    “ชเวยอนจุน”

    “หืม? ”

    “คนที่ตรงตามที่นายต้องการอะ ฉันว่าต้องเขาเท่านั้น”

    “ใครนะ”

    “เป็นรุ่นพี่คณะศิลปกรรม ฉันเคยเจออยู่ แบบ...”

    “เคยเป็นลูกค้า? ”

    “ถ้าเป็นรีวิวจากผู้ใช้จริงนายก็น่าจะเชื่อถือได้นี่”

    ซูบินถึงกับตาโต “นายไม่ได้เป็นท็อปเหรอ”

    “ก็ สลับได้ ทั้งฉันทั้งพี่เขา”

    “พี่? ”

    “อายุมากกว่านายปีนึง”

    “…แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันจะชอบ”

    “ก็ฉันยังว่าดีเลย”

    “เอาตัวเองเป็นที่ตั้งอีกแล้ว”

    “มีอะไรที่ฉันว่าดีแล้วมันไม่ดีบ้างเหรอ” บอมกยูทำหน้าท้าทาย “มั่นใจว่าคนนี้ถ้าได้ลองแล้วนายจะลืมทุกอย่างที่เคยเจอมาเลย”

    “…นี่ก่อนหรือหลังนายมีแฟนนะ ที่เคยลอง”

    “ก็ต้องก่อนสิวะ”

    เขาหัวเราะเบา ๆ “ล้อเล่นไม่ได้หรือไง”

    “อย่ามาล้อเล่นให้บ้านแตกสิ” บอมกยูบ่น “ถ้าสนใจคืนนี้เลยไหม ฉันจะบอกให้เขาไปหานายที่ห้อง”

    “เดี๋ยว” ซูบินตาโต “ไม่เร็วไปหน่อยหรือไง ให้เวลาฉันเก็บห้องบ้าง แล้วหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้”

    “เซอร์ไพรส์ไง” บอมกยูว่า ไถโทรศัพท์ไปมาแล้วก็พูดต่อ “งั้นเป็นคืนพรุ่งนี้แล้วกัน จัดการห้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ฉันว่าพี่เขาต้องคิวเยอะมากแน่”

    “แล้วนายจะลัดคิวหรือไง”

    “ฉันทำได้น่ะ”

    “…นายนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่นะ ชเวบอมกยู”

    บอมกยูหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความยุกยิก ครู่หนึ่งก็มีคนตอบกลับมา

    “โอเค พี่เขาบอกว่าได้”

    “…”

    “คืนพรุ่งนี้ อย่าเบี้ยวนัดล่ะ”




    แล้วมันก็มาลงเอยแบบนี้

    ซูบินค่อย ๆ เทน้ำชาลงในแก้วมัค ควันขาวลอยกรุ่นอยู่เหนือปากแก้ว เขายกมันไปวางตรงโต๊ะรับแขกตรงหน้าคนที่กำลังมองรอบห้องเขาอย่างสนใจ ชเวยอนจุนยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ขอบคุณครับ” ซูบินเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมีไฝเล็ก ๆ ที่หางตาด้วย

    “รบกวนกะทันหันแบบนี้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

    “ไม่เป็นครับ เป็นเพื่อนบอมกยูใช่ไหมล่ะ”

    ซูบินพยักหน้ารับ ยอนจุนอมยิ้ม

    “คบเพื่อนน่ารักเหมือนกันนะ หมอนั่น”

    ซูบินคิดว่าตัวเองน่าจะรู้สึกร้อนเพราะไอร้อนจากชาที่เพิ่งชงมากกว่าคำพูดเมื่อครู่ เขาทำได้แค่ยิ้มเขิน ๆ ตอบ

    “คุยกันก่อนไหมครับว่ายังไงบ้าง”

    เจ้าของห้องพยักหน้า “ผมเคยมีแฟนแค่คนเดียว ไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาก แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อยากลองวันไนท์ด้วย...”

    ยอนจุนพยักหน้ารับรู้ “โอเคครับ งั้นเป็นพวกข้อตกลงทั่วไปก่อนไหม อย่างเซฟเวิร์ด”

    “…ต้องมีด้วยเหรอครับ”

    “ก็ตอนนี้เรายังไม่รู้ลิมิตกันและกันนี่ครับ มีไว้ก็ดีนะ”

    “งั้นเป็น...” ซูบินเผลอหลบสายตาคนที่มองเขาอย่างตั้งใจ “เป็น กระต่าย? ”

    “น่ารักเกินไปแล้วครับ”

    “ไม่ได้เหรอครับ”

    “เปล่าหรอก ได้สิครับ” ยอนจุนยังอมยิ้มไม่เลิก นัยน์ตาสีเข้มใต้เปลือกตาชั้นเดียวที่หางชี้ขึ้นเหมือนจิ้งจอกเป็นประกายระยับ “ถ้าซูบินพูดคำว่ากระต่าย ผมจะหยุด ตกลงนะครับ”

    “ได้ครับ”

    “แล้วก็...” ยอนจุนล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา มีซองฟอยล์หน้าตาคุ้นเคยอยู่ในนั้นหลายซอง “มีป้องกันพร้อม ไม่ต้องห่วงครับ”

    “ครับ...”

    “มีอาฟเตอร์แคร์ด้วยนะ ผมไม่ชอบทิ้งคู่นอนเท่าไหร่”

    “ขอบคุณครับ”

    “ปกติสูบบุหรี่ไหมครับ”

    “ไม่ค่อยครับ”

    “โอเค รวม ๆ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ” ยอนจุนวางแก้วชาที่พร่องไปเกือบหมดลง “เตรียมตัวแล้วใช่ไหมครับ”

    ซูบินพยักหน้ารับ รู้สึกเกร็งขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้าราวกับจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

    “งั้นก็มาเริ่มกันเถอะครับ” ชเวยอนจุนพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา




    ซูบินรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในฝัน

    เสียงหอบหายใจของตัวเขาเองดูราวกับว่าจะดังอยู่ในที่ไกล ๆ ความชื้นแฉะและสัมผัสตรงช่วงกลางลำตัวส่งความรู้สึกวาบหวามไปทั่วทั้งร่างจนราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่บนเตียงนอนที่นอนอยู่ทุกคืน แต่กำลังล่องลอยอยู่ในสถานที่สักแห่ง ในหัวขาวโพลนไปหมด ความจริงกับความฝันซ้อนทับกันอยู่จนเขารู้สึกว่าต้องเรียกสติตัวเองกลับมา แต่ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยมือของคนที่กำลังรุกไล่ใช้ปลายลิ้นและโพรงปากมอบความสำราญให้เขาอย่างไม่สิ้นสุด ขณะที่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างล้าต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนจับมันแยกออกจากกันเอง ซูบินไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนที่ฝังใบหน้าอยู่ตรงกลางหว่างขาเขา

    บ้าไปแล้ว

    บ้า-ไป-แล้ว!!

    ถึงจะเคยมีแฟนมาก่อน แต่ซูบินไม่ยักกะจำได้ว่าแฟนเก่าเคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้

    ชเวยอนจุนครอบครองร่างกายเขาไว้ด้วยโพรงปากอุ่นและปลุกเร้าความรู้สึกซาบซ่านด้วยเขี้ยวคมและปลายลิ้นอุ่นจนร้อน ซูบินชักรู้สึกว่าไม่ควรให้อีกฝ่ายดื่มชาก่อนเลย แต่มันอาจจะไม่ได้เกี่ยวเลยก็ได้

    จนเมื่อความวาบหวามไต่ระดับใกล้ถึงขีดสุด เขาก็รีบละล่ำละลักออกมา “คุณ...! ผมจะ...”

    ยอนจุนถอนริมฝีปากออกแล้วเปลี่ยนไปใช้มือทันที ความอุ่นจากปลายนิ้วและจังหวะขยับที่เร่งเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทั้งร่างของชเวซูบินราวกับจะติดปลายนิ้วนั้นไปด้วย ซูบินรู้สึกราวกับมีดอกไม้ไฟนับล้านระเบิดอยู่ในหัว ทั้งร่างสั่นสะท้านก่อนทุกอย่างจะค่อย ๆ จางลงพร้อมกับของเหลวที่เจิ่งนองอยู่บนผ้าปูที่นอน

    เขาหอบหายใจแรง เสียงหายใจสะท้อนไปมาในห้อง เหลือบมองอีกคนแล้วใบหน้าที่รู้สึกร้อนอยู่แล้วก็พลันร้อนกว่าเดิม ชเวยอนจุนขยับเข้ามาใกล้ แตะริมฝีปากลงบนลักยิ้มของเขาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย

    “พอคุณเม้มปากแล้วลักยิ้มมันบุ๋มลงไป” ปลายนิ้วจิ้มข้างแก้มเขา “น่ารักดี”

    ออกจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่บทสนทนาแบบนี้เกิดขึ้นหลังการเสร็จสมครั้งแรกของเขาคนเดียว ซูบินพรูลมหายใจขำ “คุณเก่งจัง”

    “ชอบก็ดีครับ”

    “แล้ว...”

    “ต่อไปก็ตาผมไง แต่คุณไม่ต้องทำอะไร ผมจัดการเอง”

    ยอนจุนยิ้มจนตาปิด ท่าทางนุ่มนวลผิดกับความรู้สึกเร่าร้อนที่ซูบินสัมผัสได้ตอนที่อีกฝ่ายปรนเปรอเขา เขามองตามยอนจุนที่ค่อย ๆ ขยับร่างขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมเขาไว้ ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะยื่นมาลูบริมฝีปากเขา

    “เลียให้หน่อยได้ไหมครับ”

    ชเวซูบินมองหน้าคนที่ก้มมามองตัวเองนิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ แลบลิ้นเลียปลายนิ้วอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า โดยที่สายตาไม่ละไปจากประกายนัยน์ตาราวกับจิ้งจอกคู่นั้น

    กระทั่งปลายนิ้วเปียกชุ่ม ยอนจุนจึงถอนมันออกแล้วเลื่อนมือลงไปสัมผัสปากทางคับแคบที่ก่อนหน้านี้ปลายลิ้นสัมผัสไปแล้ว มันชำแรกเข้ามาช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายก้มลงกวาดชิมโพรงปากของซูบิน และปลายนิ้วอีกข้างสัมผัสร่างกายส่วนที่ไวสัมผัสของเขาต่อไปเพื่อปลุกเร้า

    ฟอร์เพลย์แบบมืออาชีพ ถ้าซูบินพูดชมออกมาได้ตอนนี้ก็คงทำ แต่ตอนนี้ทำได้เพียงปล่อยให้ยอนจุนเล่นกับร่างกายเขาเหมือนมันเป็นผ้าใบผืนหนึ่งแล้วยอนจุนเป็นจิตรกรที่กำลังป้ายพู่กันลงบนผ้าใบไปเรื่อย ๆ มือข้างหนึ่งของซูบินวนเวียนอยู่ที่แผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า อีกข้างบีบนวดช่วงเอวบางของอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้

    เขาตัวบางมากจริง ๆ แฮะ

    แต่เป็นกล้ามเนื้อล้วน ๆ เลย

    “คุณอยู่สาขาอะไรเหรอครับ”

    สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ ตอนที่ริมฝีปากอีกฝ่ายผละออกเล็กน้อย

    ยอนจุนเลิกคิ้ว ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปในร่างเขาชะงักค้างเล็กน้อย

    “การแสดงครับ”

    “คุณออกกำลังกายบ่อยเหรอครับ”

    คนฟังหัวเราะ “ทุกวันครับ ผมเป็นนักแสดงประเภทที่ทำโชว์โดยใช้ร่างกายกับการเคลื่อนไหวสื่อสารน่ะ”

    ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คิดว่าคงน่าดู

    “ไว้ผมจะไปดูนะครับ คราวหน้า”

    “ยินดีครับ”

    แล้วยอนจุนก็กดจูบเบา ๆ อีกทีเป็นเชิงว่าจะดำเนินกิจกรรมต่อไป

    หลังความพยายามเปิดทางด้วยปลายนิ้วทีละนิ้ว ในที่สุดนิ้วยาวทั้งสามนิ้วก็เข้าไปอยู่ในร่างกายของเขาได้ ซูบินเม้มริมฝีปากแน่นเพราะความอึดอัดและเสียดเสียว อีกฝ่ายกดสำรวจพื้นที่ด้านในบ่อยครั้งและมันทำให้เขาต้องบิดร่างด้วยความกระสันต์

    “คุณก็เป็นคนที่แสดงออกทางร่างกายเก่งนะครับ”

    “…”

    ยอนจุนยิ้มขำเขาอยู่ มุมปากอีกฝ่ายยกขึ้นเล็กน้อย ซูบินเห็นชัดแม้จะเปิดแค่ไฟหัวเตียงสองดวงก็ตาม

    พอเห็นว่าเขาเริ่มเข้าที่เข้าทาง ยอนจุนก็เอื้อมมือไปหยิบซองฟอยล์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงมาฉีก กระทำการป้องกันโรคอย่างคนทำกิจกรรมแบบนี้บ่อยแต่ห่วงสุขอนามัยของตัวเองและคู่ค้า ซูบินเหลือบมองสิ่งที่จะเข้ามาในร่างตัวเองแล้วก็ยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่อยากเห็นซีนนี้เลย

    เขินชะมัด

    “ปิดหน้าทำไมล่ะครับ” ยอนจุนหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเจ็บบอกผมนะ”

    ก่อนที่อีกฝ่ายจะสอดใส่เข้ามา

    ซูบินเม้มริมฝีปากแน่นกว่าเดิม เขาสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วยาวที่เขี่ยกลีบปากเขาเบา ๆ ราวกับล้อเลียน ก่อนที่โพรงปากร้อนชื้นจะครอบครองหน้าอกเขาจนซูบินลืมความอึดอัดตรงช่วงล่างไปเสียสิ้น มือข้างหนึ่งที่ปิดหน้าตัวเองเลื่อนลงไปขยุ้มผมคนที่แลบเลียชิมร่างกายเขาอย่างอดกลั้น ซูบินรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงมากจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

    และยอนจุนก็ยิ่งทำให้มันเต้นแรงกว่าเดิมด้วยสัมผัสชักรูดที่ส่วนกลางลำตัวอีกครั้ง

    “คุณ...” เขาพึมพำเสียงพร่า “นี่มัน...”

    “ไม่ไหวเหรอครับ”

    “คือ...” ซูบินรู้สึกว่าหายใจไม่เต็มปอด “ผมเสียว...”

    ยอนจุนหัวเราะอีกรอบราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อยไม่ประสา พอดีกับที่อีกฝ่ายสอดร่างเข้ามาเต็มที่ ความคับแน่นตรงช่องทางด้านหลังทำให้ซูบินเผลอกลั้นหายใจ ก่อนที่ยอนจุนจะเลื่อนใบหน้ามากดจูบปลายจมูกเขาเบา ๆ

    “หายใจก่อนนะครับ ไม่เกร็งนะ”

    ว่าพลางลูบหน้าผากเขาเบา ๆ อีกที

    ซูบินกะพริบตาปริบ ๆ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองน้ำตาคลอก็ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือเสียวหรืออะไรสักอย่าง ชายหนุ่มค่อย ๆ หายใจเข้าตามที่อีกคนบอก พอลมหายใจค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ยอนจุนก็ขยับ

    ซูบินสะท้านเฮือก

    “เจ็บเหรอครับ”

    ซูบินส่ายหน้า เม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าว

    ยอนจุนทำหน้าเข้าใจ ก่อนจะยิ้มมุมปาก

    “ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาได้เลยนะครับ อย่ากัดปากตัวเองบ่อย ๆ เดี๋ยวเป็นแผลเอานะ”

    แล้วหลังจากนั้น ซูบินก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนักร้องที่ต้องหัดเปล่งเสียงตามที่ครูฝึกบอก

    เขาร้องลั่นห้อง ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะทุกการขยับของยอนจุนทำให้เสียดเสียวจนแทบจะหมดลมตรงนั้น มันหนักแน่นและตรงจุดทุกครั้งจนซูบินตาพร่า คิดว่าออรัลเมื่อครู่ทำให้เขาโบยบินได้แล้ว ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจทำให้เขาขึ้นสวรรค์ไปจริง ๆ ก็ได้

    หมายถึง ขาดใจตายเลยจริง ๆ

    แต่จะให้พูดเซฟเวิร์ดก็... เหลือบตามองผ่านม่านน้ำตาเห็นคนที่เคี่ยวกรำร่างกายเขาอย่างหนักหน่วงอยู่ด้านบนแล้วซูบินก็ชักเข้าใจความรู้สึกของการเปิดกล่องแพนโดร่า บางสิ่งบางอย่างที่รู้ว่าอาจจะพาตัวเองไปถึงจุดจบ แต่ก็อยากไปให้ใกล้จุดนั้นที่สุดเพราะรู้ว่าความหฤหรรษ์รอเขาอยู่ที่ปากทางสู่สวรรค์

    สองมือถูกตรึงไว้แน่นอยู่ข้างศีรษะ ร่างกายโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นราวกับม้าที่ถูกโบยตีอย่างหนักเพื่อให้วิ่งต่อไปได้เรื่อย ๆ รู้สึกโชคดีขึ้นมาหน่อยที่ห้องพักนี้เขาใช้ที่นอนแต่ไม่มีโครงเตียง ไม่อย่างนั้นมันคงกระแทกผนังห้องจนข้างห้องต้องมาด่าแน่นอน แต่เสียงหน้าขาที่กระทบกันก็ทำให้หน้าแดงซ่านไปถึงใบหู ซูบินหอบหายใจสลับกับส่งเสียงครางฮือในลำคอทุกครั้งที่ยอนจุนสวนกายเข้ามา ก่อนร่างกายจะสั่นสะท้านอีกครั้งเมื่อเขาแตะถึงจุดสุดยอด

    ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้เห็นสวรรค์อีกครั้ง

    ซูบินปล่อยตัวเองให้ลอยละล่องอยู่กับภาวะหลังออกัสซั่มอยู่ชั่วขณะ ซึมซาบรสชาติของกามารมณ์ที่โหยหามานาน สติหลุดไปไกลจนรู้สึกเหมือนทุกอย่างตรงหน้าดับวูบไปชั่วชณะแล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเหมือนเกิดใหม่

    ชเวยอนจุนกระทั้นกายเข้ามาอีกสองสามครั้งก่อนจะถอนร่างออก ซูบินอาศัยจังหวะนั้นดันตัวขึ้นมาคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะถอดถุงยางออกแล้วใช้มือตัวเองช่วยคนตรงหน้า

    ยอนจุนสีหน้าตกใจ แต่ไม่ทันได้พูดอะไร สองมือของชายหนุ่มเกาะอยู่ที่ไหล่เขาก่อนจะบีบมันแน่นเมื่ออารมณ์แตะถึงจุดสูงสุด ของเหลวอุ่นร้อนพุ่งออกมาจนโดนหน้าซูบินด้วย

    ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ว่าอะไร ขณะที่ยอนจุนกะพริบตาปริบ ๆ

    “ว้าว"

    ซูบินคิดว่าไม่ถามดีกว่าว่าอีกฝ่ายว้าวอะไร




    คืนนั้นพวกเขายังยาวต่อกันไปอีกสองยก ซูบินหมดแรง รู้สึกเหมือนร่างกายขาดน้ำจริง ๆ ยอนจุนจัดการดูแลให้ตามที่อีกฝ่ายว่าไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่ม ได้ยินเสียงพึมพำว่า "เชื่อแล้วว่าไม่ได้มีอะไรกับใครนานจริง ๆ น้ำเยอะมากเลยคุณ” แล้วซูบินก็คุ้น ๆ ว่าตัวเองเอาหมอนตีอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาง่วงเต็มที

    รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว เขาหลับสบายเพราะยอนจุนจัดการเปลี่ยนที่นอนให้ ทำความสะอาดทุกอย่างให้ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อย แถมเช้ามายังทำอาหารรอไว้อีกต่างหาก พอตื่นมาเจอกลิ่นอาหารเช้า ซูบินก็อดถามไม่ได้

    “คุณยอนจุน”

    “ครับ? ”

    คนที่กำลังวางไข่เจียวลงบนจานตอบรับ อีกฝ่ายสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนขายาวเดินไปมาอยู่ตรงระหว่างครัวกับโต๊ะกินข้าว

    “เรียกพี่ได้ไหมครับ”

    ยอนจุนละสายตาจากจานมามอง “ได้สิครับ ว่าแต่ลุกไหวไหมเรา เอายาไหม”

    “ได้อยู่ครับ...” ซูบินบิดเนื้อตัว “เอ่อ...” แต่พอขาแตะพื้นข้างเตียงก็รู้สึกว่า ไม่น่ารอด

    “…ไม่มีแรงใช่ไหม เดี๋ยวพี่ยกไปให้ที่เตียงครับ”

    แล้วยอนจุนก็ยกถาดอาหารมาให้เขาบนเตียง กลิ่นหอมของมันสอดคล้องกับหน้าตาน่ารับประทานอย่างประหลาด

    ซูบินละสายตาจากอาหารมามองคนที่มองหน้าเขาอยู่

    “พนันว่ามีคนอยากเดตกับพี่เป็นล้านคนได้"

    ยอนจุนหัวเราะ “ก็เกินไปนิดนึง”

    “แล้วปกติพี่เดตไหม ถ้ามีคนถาม”

    “ก็ ถ้าชอบก็เดตครับ”

    “แล้วถ้าผมถาม พี่จะเดตกับผมไหม”

    ชเวยอนจุนกะพริบตาปริบ ๆ “เอาเลยเหรอ"

    ซูบินถอนหายใจ ไหล่ลู่ลง “ก็ อยากลองเดตดูก่อน หรือถ้าพี่ยังไม่พร้อม คุยกันก่อนก็ได้ แต่ผมอยากสานต่ออะ พี่ไม่ถือใช่ไหม”

    “ถืออะไร”

    “ก็บางคนเขาไม่เดตกับคนที่วันไนท์ด้วย”

    “อ๋อ” ยอนจุนลากเสียง "ที่ผ่านมาพี่ก็ไม่เคยเดตกับคนที่วันไนท์ด้วยจริง ๆ นั่นแหละ”

    ซูบินมุ่ยหน้า "โอเค ผมหมดหวัง”

    “ยังไม่ทันพูดอะไรเลย” ยอนจุนหัวเราะ "คุยกันก่อนก็ได้ เอาสิ พี่ว่าเราก็มีอะไรหลายอย่างที่เข้ากันได้นะ”

    “เซ็กซ์? ”

    “เรื่องนั้นด้วย”

    “แปลว่าผมไม่จืดชืดใช่ไหม ไม่ได้ทำนานแล้วก็แอบกลัวพี่เบื่อเหมือนกัน”

    ยอนจุนส่ายหน้าดิก “ซูบินน่ารักมาก”

    “…แปลว่าอะไร”

    “แปลว่าน่ารักมาก ตอนจูบ ตอนเลียนิ้ว ตอนอ...”

    ซูบินรีบตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายทุกอย่างที่เขาทำเมื่อคืนออกมา “กินข้าวกันเถอะครับ"

    แล้วเช้านั้นก็ดำเนินไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในห้องของชเวซูบิน ทิ้งไว้เสียงโทรศัพท์ตรงหัวเตียงที่มีข้อความเข้าจากชเวบอมกยูว่า



    ไม่มาเรียนหรือไง



    FIN




    220502

    ท้าทายตัวเองทุกวันด้วยการเขียนอะไรแบบนี้ /ลูบหน้า กี่ครั้งก็รู้สึกว่ายากจังเลยยยย

    ช่วงนี้งานเยอะมาก เฟสงานเยอะวนไป เคลียร์งานรัว ๆ แต่พี่จะอดทนเพื่อน้อง txt ค่ะ

    GBGB มาอาทิตย์หน้านะคะทุกคนนน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in