เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกบรรณารักษ์tan_fx
ฉัน | ยาต้านเศร้า | PART 1 : รีวิว 18 วันแรก
  •      คำเตือน: ห้ามซื้อยาต้านเศร้ามากินเองโดยเด็ดขาดถ้าหมอไม่ได้สั่ง เพราะยาแต่ละตัวให้ผลไม่เหมือนกัน ร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน และมีแค่จิตแพทย์เท่านั้นที่จะบอกได้ว่าเราควรกินยาหรือไม่ ถ้าควร ควรกินยาตัวไหน เท่าไหร่ อย่างไร

        วันนี้อาการโรคซึมเศร้าของเราดีขึ้นบ้างแล้ว เป็นวันที่กินยาต้านเศร้าวันที่ 18 เลยจะมาเขียนรีวิว 18 วันกับยาต้านเศร้าให้อ่านกัน :)

         ต้นเดือนมิถุนายนเราอาการแย่มากอีกครั้ง จากที่ดีขึ้นประมาณ 90% กลับมาเป็น 0 แล้วก็พยายามเยียวยาตัวเองตามวิธีที่เขียนไว้ใน blog เราก่อนหน้า

    อันนี้ => http://minimore.com/b/uwJVS/8

         เราทำไปเรื่อยๆแล้วก็เยียวยาตัวเองมาได้ถึงประมาณ 15% แล้วมันก็ถึงวันนัดพบจิตแพทย์พอดี หมอเห็นเราอาการแย่ลงมาก ก็เลยบอกว่าจะจ่ายยาต้านเศร้าให้ จากเดิมที่ให้กินแค่ยานอนหลับเฉยๆ

         ยาที่เราจะต้องกินหมอบอกว่ากินแล้วอาจเจอผลข้างเคียงนะ เช่น ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ หงุดหงิดง่าย มึนๆ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แต่ไม่ใช่จะเจอทุกอันหรือทุกคนจะเจอ บางคนก็ไม่เจอเลย แต่ ข้อดีของยาคือมันจะช่วยปรับอารมณ์เราให้เศร้าน้อยลง

         ตอนแรกฟังแล้วเราก็แบบ โห หมอ!!! ทำไมข้อเสียมันเยอะจังอ่ะ ข้อดีมีอย่างเดียวเอง จะดีหรอหมอ!? 555 แต่เราก็คิดว่า ถ้าไม่กินก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ถ้าโชคดี อาจจะดีมากๆและไม่เจอผลข้างเคียงเลยก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะร่างกายคนเราตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน

         ตอนรับยาเภสัชบอกว่ายานี้ทานแล้วอาจจะนอนไม่หลับนะ ควรทานตอนเช้า แต่หมอจ่ายยานอนหลับมาให้เราด้วย ให้เรากินครึ่งเม็ดพร้อมยาต้านเศร้าก่อนนอน สรุปก็เลยเอาตามหมอ

         คืนนั้นก็กินแล้วก็เข้านอน ตื่นมาก็ไม่มีอะไร ชีวิตปกติเหมือนเดิม ยิ้มๆนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนไม่ได้กินยามาก เราก็โอเค ดูกันต่อไป

         พอเข้าวันที่ 3-4 ที่กินยา เจอผลข้างเคียงตอนกลางคืนคือตอนเกือบจะหลับนี่หงุดหงิดมาก ระดับที่แบบอยากออกไปต่อยกำแพงระบายเลย แต่ยานอนหลับก็ช่วยไว้ คือมันง่วงเกินกว่าจะลุกไปทำอะไรได้ เลยได้แต่นอนงัวเงียเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเอาแขนทุบที่นอนไปแบบมึนๆ แต่รู้ตัวนะว่าหงุดหงิดมาก แล้วก็วูบหลับไป ตื่นมาก็ปกติไม่มีอะไร ก็เหมือนเดิมทุกวัน

    ปล. ผลข้างเคียงยาที่หงุดหงิดตอนง่วงนี่เราไม่ได้เป็นทุกวันนะ บางวันก็เป็น แต่มีวันที่ไม่เป็นเยอะกว่ามาก เลยโอเค มันแล้วแต่คนจริงๆแหละ

         จนกระทั่งวันที่ 16 เริ่มรู้สึกว่าจัดการกับความคิดเศร้าของตัวเองได้ดีขึ้น พอจะเศร้าก็จะรู้ตัว ปกติคือเราจะโทษตัวเองในทุกเรื่อง ทำผิดหรือพลาดอะไรนิดนึงก็จะด่าตัวเอง เฆี่ยนตีตัวเองด้วยความคิดในหัวนี่แหละ ว่าเรามันห่วย ไร้ค่า เป็นภาระครอบครัวตลอด ยาต้านเศร้าก็เข้าไปช่วยเบรคความคิดเฆี่ยนตีตัวเองตลอดเวลาตรงนี้

         พอเข้าวันที่ 18 เราเริ่มนิ่งพอที่จะหยุดตีตัวเองได้ก่อนมันจะลุกลาม จากปกติที่ตื่นมาเราจะแบบ อีกแล้วหรอ ตื่นมาอีกแล้ว มาเจอโลกเดิมๆ ชีวิตเดิมๆ ตัวตนไร้ค่าแบบเดิมๆ แต่วันนี้ไม่เป็น เราตื่นมากวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ดูแลน้อง ตากผ้า ทำทุกอย่างจากที่ปกติเคยคิดว่าตื่นมาก็ เหนื่อย ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราต้องเศร้า ห่วย ทำอะไรไปก็ไร้ค่า วันนี้ทำด้วยความเข้าใจ มันไม่มีเสียงก่นด่าตัวเองในความคิดตัวเองแล้ว ทำงานบ้านก็ทำไป ดูแลน้องก็ดูแลไป ในหัวมันมีแต่ มีอะไรต้องทำบ้าง แล้วจะ "ทำยังไง" ให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ใช่ "ทำไมๆๆๆ" เหมือนแต่ก่อน

         ยกตัวอย่างเช่น ตอนบ่ายออกจากบ้านไปสอนพิเศษดันลืมเอาเงินใส่กระเป๋า นึกได้กลางทาง จากเดิมที่จะด่าตัวเองว่าทำไมกาก โง่แบบนี้ ลืมได้ไง ก็กลายเป็นไม่เป็นไร หาทางแก้นะ เอ้อ ในกระเป๋ามีบัตรเอทีเอ็ม เดี๋ยวไปถึงที่สอนแล้วไปหากดเอา อะไรๆที่เคยทำแล้วรู้สึกว่าเศร้า ก็จะรู้ตัวและไม่ทำ อะไรที่อ่านแล้วจะเศร้า ฟังแล้วจะเศร้า ก็เลิกเสพเลิกดู อะไรที่คิดๆไปก็ไม่เกิดประโยชน์ก็ทิ้งมัน

         ซึ่งตอนก่อนกินยาต้านเศร้าเราทำแบบนี้ไม่เคยได้เลย หยุดความคิดเฆี่ยนตีด่าตัวเองไม่ได้ ถ้ามีปัญหาเราก็จะถามแต่ "ทำไมๆๆ" ทำไมเป็นเรา ทำไมเราห่วยวะ

         ตอนนี้กลายเป็นว่าเริ่มจะรู้สึกตัว ฉุกคิดได้ก่อนจะเริ่มโทษตัวเองรัวๆแล้วดิ่ง เจออะไรก็ถามตัวเองว่า "ทำยังไง แก้ยังไง" ไม่ใช่เอาแต่ "ทำไมๆ"

         เลยมาเล่าให้ฟังนี่แหละว่า วันที่ 18 เป็นวันที่ยาต้านเศร้าเริ่มออกฤิทธิ์กับเรา มันไม่ได้ให้ผลทันทีทันใด มันไม่ได้กินแล้วคึกเลยสุขเลย แต่ยามันช่วยให้เรานิ่งมากขึ้น

         ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพตามสิ่งที่เรารู้สึก ก็เหมือนว่าถ้าในความคิดเรามีเสาสัญญานคอยรับเรื่องที่ความคิดควรรู้สึกอยู่ ยาต้านเศร้ามันก็ไปลดคลื่นสัญญานความเศร้าในความคิดเราที่มีอยู่เต็มไปหมดให้น้อยลง จากเดินที่มันเต็มไปด้วยคลื่นความเศร้า พอมันถูกลดเราก็เลยรับคลื่นสัญญานอื่นได้มากขึ้น มีที่ว่างในหัวจะคิดอะไรมากขึ้น สบายใจขึ้น รับคลื่นความสุขได้มากขึ้น โดยไม่ถูกความเศร้าบดบังตลอดเวลา

         เหมือนยาช่วยจัดห้องที่รกไปด้วยกล่องความเศร้าให้เป็นที่เป็นทางมากขึ้น เราเลยมองเห็นอะไรในห้องมากขึ้นตามจริง ได้มีโอกาสเห็นกล่องความสุขในความคิดเราที่เคยมีอยู่แล้วแต่ถูกทับถมด้วยกล่องความเศร้า

         เราอาจจะเปรียบเทียบได้ไม่ตรงหรือไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันรู้สึกประมาณนั้นแหละ มันทำให้ความคิดเราไม่ถูกท่วมไปด้วยความเศร้าตลอดเวลา เราเลยนิ่งพอที่จะคิดอะไรๆดีๆได้ พอความคิดมันว่างขึ้น เราก็มีพื้นที่ทบทวนตัวเอง ทบทวนสิ่งที่เราเคยได้เรียนรู้มา มองอะไรตามความเป็นจริงตามธรรมชาติของมันมากขึ้น ก็สุขขึ้น

    นี่คือประสบการณ์คร่าวๆของเรากับ 18 วันกับยาต้านเศร้า ไว้กินครบ 30 วันแล้วได้เจอหมอจะมาเล่าใหม่ว่าเป็นยังไงต่อ เพราะยาต้องกินต่อเนื่องกัน จะหยุดกลางกันไม่ได้

    หวังว่าที่เขียนไปจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะ ติชม เสนอแนะ หรือมาเล่าแบ่งปันกันได้ ทักมาคุยกันได้ใน twitter นะ ที่ https://twitter.com/tan_FX

    ขอบคุณที่อ่านนะฮะ ขอให้คุณมีชีวิตที่สวยงาม :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
chaokhing (@tuarorrus)
เจอภาคต่อแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ
chaokhing (@tuarorrus)
อยากให้มารีวิวเรื่อยๆนะ อยากมีเพื่อน คือกินมาจะเดือนแล้ว เรายังมึนอยู่เลย
Charlie (@chaxth_)
ตามไปอ่านบล็อกเก่าๆ แล้วเรานับถือเลยที่คุณเยียวยาตัวเองจนดีขึ้นได้ สำหรับเราค่อนข้างโชคร้ายหน่อย แม้จะพยายามฟังเพลงอะไรที่มันให้กำลังใจ หรือคุย ปรึกษากับคนที่เรารัก พอผ่านไปแค่ไม่กี่สิบนาทีมู้ดเราก็กลับมาเศร้าเหมือนเดิมอีก ท้อแท้มากเลย แต่ตอนนี้เราดีขึ้นมาแล้วเหมือนกัน (ไชโยยย) แต่ก็เพราะพึ่งยาแหละค่ะ เราเคยทานยาตัวเดียวกับคุณนะแต่โชคร้าย (อีกแล้ว) น้ำหนักเราลดวูบเลย เหลือ 36 กิโล ฮ่าา ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวให้อ่านนะคะ ขอให้คุณมีชีวิตที่สวยงามและมีความสุขเช่นกันค่ะ :)