ยัง...ยังไม่จบ
เพราะฉากสุดท้ายของการขึ้นเครื่องบินด้วยกันเป็นครั้งที่สองของเรานั้น
ปิดฉากอย่างงดงามที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เช็กแล็บก็อก
สารภาพว่าเรื่องนี้ความผิดของเราเองแหละ...
ด้วยความรีบร้อนกดซื้อตั๋วถูกและจองโรงแรมแบบไม่เช็คเวลาให้ดีก่อน
เครื่องบินกลับกรุงเทพของเรานั้นออกตอนตีห้า...
ซึ่งหมายความว่าเราต้องไปเช็คอินตอนตีสอง
และรถไฟใต้ดินฮ่องกงสาย Express ไปสนามบินให้บริการเที่ยวสุดท้ายตอนห้าทุ่มนิดๆ
ดังนั้น...คืนนี้เราต้องไปนอนค้างกันที่สนามบิน
(เพราะหมดตัวไม่มีเงินค่าแท็กซี่แล้วเด้อ)
เราไปถึงสนามบินตอนเที่ยงคืน วนเวียนหาของกินก็ไม่มีเพราะทุกร้านปิดหมดแล้ว
เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะหลังจากที่ลงจากเรือเฟอร์รี่
เราก็รีบกลับมาอาบน้ำ เก็บของที่โรงแรม ทำเรื่องเช็คเอาท์
ตอนนั้นเรากะว่าสนามบินมันต้องมีของกินชัวร์!
สรุปว่าทั้งเทอร์มินัลนั้นเงียบกริ๊บ...
มีแต่เซเว่นเป็นที่พึงพิงสุดท้ายที่ของกินร่อยหรอ
เราเลยเสี่ยงดวงเดินข้ามไปอีกเทอร์มินัลนึง
ก็ไปเจอร้านขายอาหารเวฟเล็กๆ มีซุป มีข้าวต่างๆซึ่งตัวเลือกหลากหลายวาไรตี้กว่าเซเว่น
เลยไปจัดข้าวกล่องกันมาคนละเซ็ต ซื้อน้ำเก๊กฮวยและนมถั่วเหลืองมาด้วย
จากนั้นก็หามุมเก้าอี้ยาวนอน
แอร์ก็เย็นเหลือเกิน หน๊าวหนาวประหนึ่งเลี้ยงเพนกวินและหมีขั้วโลกไว้ต้อนรับนักเดินทาง
นอนก็ไม่สบาย เก้าอี้ก็เย็นๆแข็งๆ เรานอนไม่หลับเลยนั่งไถมือถือ ฟังเพลง ต่อไวไฟฟรีไปเรื่อยๆ
นี่ฉันพาเขาจากบ้านมาตกระกำลำบากขนาดนี้เลยหรือนี้
เมื่อคิดแล้วน้ำตาก็พานจะไหล โทษตัวเองต่างๆนานาว่าไม่น่าเลย
เห็นแก่ตั๋วถูกแท้ๆเชียว ถ้าไปไฟล์ทตอนสายๆที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มก็ได้นอนสบายอยู่โรงแรมแล้ว
เราหันไปหาเขาเพื่อจะขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
ปรากฎว่าชายหนุ่มข้างกายที่เราพาเขามาลำบากลำบนด้วยกันนั้นหลับ!
หลับสนิท หายใจลึกยาว มีกรนนิดๆด้วยเว้ย
เลยหยิบกล้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในการนอนค้างที่สนามบินครั้งแรกของเราสอง
สัญญาว่าจากนี้ไปจะดูเวลาดีๆ คิดให้ถี่ถ้วนก่อนกดจอง จะไม่มีรอบต่อไปเป็นอันขาด
คือเราไม่ได้ห่วงเขา เพราะถ้าต้องมานอนที่สนามบินอีกก็มันใจว่าเขาคงหลับแน่
ห่วงแต่เรานี่แหละที่ไม่หลับเลยและกลายร่างเป็นซอมบี้
เดินขึ้นเครื่องแบบไม่ไหวแล้วและหลับยาวจนถึงกรุงเทพ ไม่กินอะไรทั้งนั้น
หลับตลอดเวลาที่นั่งรถกลับบ้าน และหลับทั้งวันจนตอนเย็น
หมดสภาพที่แท้จริง
เอาล่ะ... การขึ้นเครื่องบินด้วยกันเป็นครั้งที่สองของเราก็จบลงโดยสวัสดิภาพ
และสุดท้ายนี้ก็มีความในใจอยากจะบอกอีกนิดหน่อย (เขินจัง)
ถึง...
ผู้ชายใส่แว่นที่สะพายกล้องนิคคอนที่นั่งเครื่องบินด้วยกันเป็นครั้งที่สอง
ทริปนี้เป็นทริปการมาเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเราสองคน
แถมได้นอนค้างที่สนามบินกันอีกต่างหาก เซอร์ไพร์สไปอีก
และก็เป็นการขึ้นเครื่องบินด้วยกันเป็นครั้งที่สอง
สนุกดีนะ ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าครั้งแรกเลย :)
บี๋รู้สีกดีที่ได้พาพี่อุ๋งไปกินของอร่อยที่บี๋ชอบและใฝ่ฝันอยากให้มากินด้วยกัน
ทั้งบะหมี่เกี๊ยวกุ้งที่ซดคนเดียวก็ไม่อร่อยเท่าไปแย่งบะหมี่เนื้อหมูเผ็ดๆของพี่อุ๋ง
และไดลองสั่งเกี๊ยวกรอบที่ถ้ามาคนเดียวก็จะไม่สั่งเพราะมันเยอะเกินไปกินไม่หมด
หรือจะเป็นทาร์ตไข่หกชิ้นที่กินคนเดียวก็หมดแหละ แต่ดีกว่าที่มีพี่อุ๋งมาแชร์ความอร่อยด้วยกัน
พี่อุ๋งทำให้ความสนุกของการนั่งเครื่องบินของบี๋กลับมาอีกครั้ง!
หลังจากที่ขึ้นลงเครื่องบินด้วยความเคยชิน ไม่ตื่นเต้นใดๆเพราะในหัวมีแต่เรื่องว่า
ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะทำยังไง ถ้าสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงแล้วต้องไปทำอะไรบ้าง
เพราะทุกวันบนเครื่องบินเป็นการไปทำงาน ไม่ใช่การพักผ่อน
จะได้พักก็ต่อเมื่อบี๋บินกลับมากรุงเทพในวันหยุด ซึ่งก็สลบตั้งแต่ถึงที่นั่งด้วยความเพลีย
เพราะเหนื่อยจากการทำไฟล์ทแล้วก็ต้องวิ่งไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับบ้านให้ทัน
และมันก็เป็นการนั่งเครื่องบินคนเดียวอย่างคนเหงาๆ ยิ่งบ๊ายบายพี่อุ๋งเพื่อกลับมาทำงานยิ่งแย่ใหญ่
ขอบคุณมากนะ
ไม่ใช่ขอบคุณเฉพาะที่ตีตั๋วมาเที่ยวฮ่องกงด้วยกัน
แต่ขอบคุณมากๆคอยดูแลและที่มีกันและกันในวันนี้
ไปขึ้นเครื่องบินด้วยกันเป็นครั้งที่สามนะ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in