เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Break The Silence - Document Seriespaniiit
ตอนที่ 6: ตอนนี้และวันพรุ่งนี้

  • เส้นทางที่ถูกต้องหรอครับ? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเรารู้มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้น..ผมคิดว่าเราก็แค่ทำให้ดีที่สุดจากความสามารถของพวกเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วผมก็คิดว่ามันเป็นเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่เราเชื่อมั่น สิ่งที่เรามองไม่เห็น เราต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านั้น

    แม้กระทั่งวันนี้มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบแต่พวกเราก็สามารถทำภารกิจนี้ได้อย่างสำเร็จในบางขอบเขต ผมคิดว่านั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงอยู่ที่นี่ ณ วันนี้ครับ - นัมจุน

    ผมสงสัยว่ามีกี่คนกันที่วิ่งตรงไปข้างหน้าโดยที่รู้ว่ามีสิ่งใดรออยู่ในอนาคต พวกเรามีกัน 7 คน ดังนั้นมันเลยยากที่จะรู้ว่าทิศทางไหนเป็นทิศทางที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน มันไม่เหมือนกับว่าผมสร้างประสบการณ์ขึ้นมาในฐานะศิลปินเดี่ยว เมมเบอร์ในกลุ่มรวมไปถึงทีมงานและบริษัทของเราต่างก็เกี่ยวข้องกันทั้งหมด

    ดังนั้นมันจึงไม่ใช่การทำงานด้วยตัวคนเดียว มันเหมือนกับว่าเรากำลังล่องอยู่บนเรือและบางทีก็ไปลงเอยที่ทวีปใหม่ๆ...นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกครับ

    "หลังจากที่ต่อสู้ท่ามกลางพายุและได้ทอดสมอออกไป เราก็ได้ค้นพบทวีปใหม่ๆ" ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกนะครับ - นัมจุน

    สิ่งที่ผมเป็นกังวลที่สุดก็คืองานที่เราทำครับ และเพราะมีสิ่งนั้นในใจผมเลยคิดเกี่ยวกับอนาคตมากขึ้นไปอีกในช่วงนี้ - เจโฮป

    เราต่างก็รู้ว่าแต่ละคนต้องการอะไรและเราเองก็เตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดี - จิน

    ฉันเคยคิดนะว่าเราเป็นมนุษย์ไม่จำเป็นต้องมีความสุขก็ได้ตราบใดที่ทำเงินได้เยอะๆ แต่พอลองแล้วก็รู้เลยว่ามันไม่จริง เพื่อนต่างก็บอกว่าอิจฉาชีวิตฉันนะ แต่ในบางทีฉันก็อิจฉาชีวิตเพื่อนอยู่เหมือนกัน - จิน

    พวกเขาบอกว่า "คุณไม่ต้องกังวลกับการหาที่อยู่อาศัย"  - นัมจุน

    การได้รู้ว่ามีคนอีก 6 คน กำลังก้าวผ่านในสิ่งที่มันเหมือนกันกับผม มันช่วยให้ผมเดินมาได้ไกลขนาดนี้โดยไม่มีปัญหาอะไร มันช่วยรักษาสภาพจิตใจของเราให้ดี ถูกไหม? - นัมจุน

    เราต่างก็รู้ว่ามันยากแค่ไหน - จีมิน

    ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อเราอย่างใหญ่หลวงเลยล่ะ ในแบบที่เราเองก็ไม่ทันได้ตระหนักถึงมันเหมือนกัน  - จีมิน

    เราพบเจอกับความยากลำบากเพราะว่าเราตัดสินใจที่จะทำสิ่งนี้

    ถ้าเวลานั้นมาถึง—ในตอนที่ผมไม่สามารถทำการแสดงได้อีกต่อไป...สิ่งแรกที่ผมจะคิดก็คงเป็น “ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว” เพราะว่า— เราทำมันดีที่สุดแล้วจริงๆ - จิน

    เมื่อถึงเวลาที่เราตัดสินใจว่าจะปล่อยมันไป เมื่อเวลานั้นมาถึง--ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจแล้วนะ เหมือนที่นายบอกนั่นแหละ ตราบใดที่เราไม่ได้พังลงมา แต่ลงจอดกันอย่างสง่างาม ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจแล้ว - เจโฮป

    เหมือนที่พวกพี่ได้บอก มันก็จะมีจุดหนึ่ง..ตอนที่เราต้องปล่อยมันไป แต่ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าพอตอนนั้นมันมาถึงจริงๆ เราจะยอมรับกันได้ไหม

    เราอาจจะไม่มีทางเลือก แต่ก็ต้องปล่อยมันไป  - จีมิน

    มันจะมีช่วงเวลาที่เราต้องยอมรับมันโดยการปล่อยมันไป มันอาจหมายความว่าเราปล่อยมันไปอย่างสมัครใจหรืออาจะเป็นเพราะเราต้องปล่อยมันไปเพราะบางสิ่งบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้

    แทนที่เราจะเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับสิ่งนั้น เดี๋ยวช่วงเวลานั้นมันก็มาถึงเองนั่นแหละ ดังนั้นเราก็แค่ทำให้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ก็พอ - นัมจุน


    "มันไม่มีทางที่เราจะไม่เสียใจหรอกครับ
    - จีมิน -

    "นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้แล้ว"
    - นัมจุน -


    มันไม่ใช่ว่าเราจะสามารถทำนายได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง แม้กระทั่งปีที่จะมาถึงนี้ก็ตาม เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง - จีมิน

    มันไม่มีความหมายหรอกที่จะคาดเดาอะไรในตอนนี้ - นัมจุน

    ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าเราพยายามกันหนักแค่ไหน - จองกุก

    ปัจจุบันสำคัญที่สุด - จีมิน

    แต่ละคนก็มีวิธีรับมือกับสิ่งต่างๆเป็นของตัวเอง เพราะงั้นมันไม่มีคำตอบที่ถูกหรอก - ยุนกิ

    มันน่ากลัวนะครับ มันน่ากลัวจริงๆ ผมไม่อยากจะอายเวลาที่ต้องแสดงความกลัวของตัวเองออกมา ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่ทำให้สิ่งเหล่านี้มันน่ากลัว และมีผู้คนมากมายที่เฝ้ามองเราอยู่ มันเลยน่ากลัวมากจริงๆนะครับ - นัมจุน

    ถ้าเกิดว่า...อยู่ๆ BTS ก็ยุบวง แล้วทีนี้จะมีอะไรที่ผมสามารถทำด้วยตัวเองได้อีกล่ะ? เวลาที่ผมคิดถึงมัน. ผมก็มาตระหนักได้ว่าผมไม่มีอะไรเลยครับ สิ่งที่ผมทำได้นั้นมีไม่มากนัก ในตอนที่คิดถึงมัน ผมกังวลมากเลยล่ะ บางครั้งในตอนที่อยู่คนเดียว มันจะมีช่วงเวลาที่รู้สึกเอ่อล้นไปด้วยความกลัวเข้ามาในจิตใจของผม - จองกุก

    ผมคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้ทำให้เมมเบอร์คนอื่นๆ งานที่ผมทำเพื่อพัฒนาการแสดงของผม เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆที่ผมอยากทำ ผมตระหนักได้ว่าทั้งหมดนั้นล้วนมาจากความปรารถนาของผมเองครับ ที่จะได้ยิ้มกับเมมเบอร์ สนุกกับมิตรภาพและมีความสุขกับพวกเขา มันไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวเป็นเพื่อนที่ขาดไม่ได้ ผมไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่คุณจะรู้สึกได้จากการที่แค่เพราะอยู่ด้วยกันมานาน ไม่ว่าผมจะทำตัวแย่แค่ไหน หรือทำผิดพลาดอะไรบ้าง ความจริงที่ว่าผมมีคนที่คอยบอกว่ามันไม่เป็นไร และคอยชดเชยในจุดที่บกพร่องของผมอย่างเงียบๆ นั้นเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากๆเลยล่ะครับ - จีมิน

    มันเป็นไปได้เพราะว่าผมมีคนดีๆอยู่ในชีวิตของผมครับ - จิน

    มันขัดแย้งกันครับ ผมไม่อยากให้คนฟังเพลงนี้เท่าไหร่(Tonight)แต่ผมเองก็อยากให้คนฟังเพลงนี้กันเยอะๆ ไม่รู้สิผมแค่อยากให้คนฟังเพลงผมแล้วมีความสุข แต่เพลงนี้มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ - จิน


    ผมแค่อยากให้คนที่รู้สึกแบบเดียวกับผมได้ฟังเพลงนี้ และอาร์มี่เองก็ฟังเพลงนี้กันเยอะมากเลย ผมรู้สึกขอบคุณมากเลยครับ - จิน


    ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้ผมมาเป็น BTS มันไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบออกรายการโทรทัศน์อะไรนะครับ แต่เป็นเพราะว่าผมรักการเล่นคอนเสิร์ต มันเป็นเหตุผลที่ชัดเจนเลยล่ะ - จองกุก


    ผมมาที่ Big Hit โดยที่ไม่รู้เลยครับว่าจะมีใครที่เป็นเมมเบอร์บ้าง และผมเองก็ได้พบเจอเด็กฝึกมากมาย ท่ามกลางพวกเขา เราทั้ง 7 คนคือคนที่ถูกเลือก ในตอนแรก—เพราะเราทั้ง 7 คนนั้นมีบุคลิกที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะใช้เวลามากกว่าคนอื่นๆในการที่จะเข้าใจกันและกัน แต่ผมคิดว่าไม่มีใครสักคนในบรรดาพวกเราที่จะคิดว่า ‘ฉันคือคนที่เยี่ยมที่สุดในการแสดงบนเวที’ ถ้าให้เราเปรียบเทียบตัวเองกับจุดสูงสุดที่พวกเราหวังไว้ หนทางยังอีกยาวไกลครับ - แทฮยอง


    เราต่างก็มีอิทธิพลดีๆให้แก่กันครับ เราแบ่งปันความฝันที่คล้ายกัน แม้ว่าจะมีรอยแผลเป็นอยู่ เรามารวมตัวกัน พูดคุยกัน เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกันและสนับสนุนกันและกัน - จองกุก


    มันทำให้ผมแปลกใจนะครับว่า ‘พวกเราทั้ง 7 คนมาอยู่ด้วยกันได้ยังไงนะ?’ มันไม่ใช่แค่เพราะว่าเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน ในบางทีผมก็คิดว่าเราอาจถูกกำหนดให้มาพบเจอกันก็ได้มันอาจจะฟังดูเฉยนะครับแต่ผมว่ามันเป็นเพราะโชคชะตาล่ะ - เจโฮป


    เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันเป็นทีม เราเลยสามารถกระตุ้น/ให้กำลังใจกันได้ถ้าพวกเขามีปัญหา แต่ถ้าเกิดพวกเราต่างก็ทรุดตัวลง มันคงทำให้สิ่งต่างๆยากขึ้นไปอีกกับเมมเบอร์ทั้ง 7 คน  ผมคิดว่านั่นเป็นข้อเสียเปรียบหนึ่งของการเป็นส่วนหนึ่งของทีม - ยุนกิ

    เนื้อเพลงของ 'Tear' เป็นการเขียนเพลงให้กับเมมเบอร์ครับ
    ในตอนที่เราเขียนเมโลดี้กันอยู่นั้น ณ ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่เราครุ่นคิดพิจารณากันอย่างลึกซึ้งว่าเราควรที่จะหยุดหรือว่าไปต่อ ตอนที่ผมเปิดเพลงให้เมมเบอร์ฟัง เราต่างก็ร้องไห้กันหมด - ยุนกิ

    เอาจริงๆผมก็คิดนะครับ..สิ่งนี้มันไม่ใช่ของผมเลย ภาพลักษณ์ของ BTS นั้นอาจเป็นจริง แต่มันก็เป็นอะไรที่มันค่อนข้างเป็นนามธรรม เช่นว่า ทั้งหมดหมดมันอาจหายไป ณ ช่วงขณะใดขณะหนึ่ง เราสร้างมันร่วมกันอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน บางครั้งเราก็รับมันมา...แต่ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าสิ่งนั้นมันเป็นของของผม - นัมจุน

    มันไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง มันเป็นเหมือนจินตนาการ เหมือนสายรุ้งที่อยู่เพียงแค่ชั่วครู่ มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยตัวของพวกเราและผู้คนที่คอยช่วยเหลือเรา
    มันจะต้องหายไป ณ วันใดวันหนึ่ง ดังนั้นเราจึงถ่อมตนและสะท้อนมองตัวเองกันอยู่เสมอ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรามากที่จะใช้เวลาให้มากขึ้นในการสะท้อนตัวเองกับเรื่องราวเหล่านี้ - นัมจุน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in