เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Break The Silence - Document Seriespaniiit
ตอนที่ 5: ด้านที่ตรงข้าม

  • ผมอิจฉาผู้คนที่ได้ออกไปทานอาหาร ไปท่องเที่ยว ไปดูหนังกับเพื่อนอะไรพวกนั้นครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆสำหรับผมเพราะมันเป็นเรื่องยากที่ผมจะทำสิ่งเหล่านี้ได้  เมมเบอร์บางคนก็ทำอะไรแบบนั้นนะครับ แต่ว่าผมทำไม่ได้ล่ะเพราะว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อน...มันไม่ง่ายเลยครับ

    เพราะแบบนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นอะไรที่พิเศษมากๆสำหรับผม ผมอิจฉาคนอื่นก็เพราะแบบนี้ - ยุนกิ

    คุณได้รับสิ่งต่างๆมากเท่าที่คุณสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไปในทางกลับกัน - ยุนกิ

    มันเป็นการสูญเสียสิ่งที่เป็นธรรมดาครับ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย สิ่งที่มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนอื่นมันกลับเป็นเรื่องที่พิเศษสำหรับผม ในขณะที่สิ่งพิเศษสำหรับคนอื่นมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมครับ 

    นั่นเป็นตอนที่สิ่งสามัญธรรมดากลายเป็นอะไรที่มันสำคัญที่สุด - ยุนกิ

    ผมพยายามที่จะสดใสต่อหน้ากล้องอยู่เสมอครับ ผู้คนมองดูผมเพราะว่าพวกเขาอยากรู้สึกมีความสุข แต่ถ้าพวกเขารู้สึกเศร้าในเวลาที่มองดูผม นั่นมันคงทำให้ผมรู้สึกแย่ไปเลยครับ
    สิ่งที่ผมต้องการคือการที่ผู้คนมองเห็นแต่ด้านที่สดใสๆของผมต่อหน้ากล้องครับ - จิน

    คนบางคนอาจบอกว่า "ไม่ใช่ว่าคนดังเขาควรเป็นแบบนี้กันหรอ?" หรือ "ไม่ใช่ว่าศิลปินควรเป็นแบบนั้นไหม?" ผมไม่อยากส่งต่อข้อความให้คนอื่นเพราะว่ามันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม "การปฏิวัติ" นั่นมันไม่ใช่ผมครับ 

    เวลาที่ผมคิดถึงผู้คนที่เขารักเราและผมสะท้อนมองในสิ่งต่างๆที่พวกเขาให้เรามา ผมก็เข้าใจว่าผมไม่ได้ต้องการคำพูดที่มันสวยงาม เช่น ผมได้เรียนรู้ว่าแค่พูดเกี่ยวกับความคิดตัวเองก็เพียงพอแล้วในการเปลี่ยนแปลงผู้คน - นัมจุน

    การได้ทำการแสดงบนเวที ผมก็ได้รู้ว่าตัวผมนั้นคือใครและก็เข้าใจถึงการมีอยู่ของตัวเอง แต่พออยู่หลังเวที ผมอยากที่จะรู้สึกสบายอกสบายใจและเป็นอิสระมากกว่านี้ ส่วนหนึ่งของผมมันรู้สึกแบบนั้นนะครับแต่ว่ามันก็จะมีตัวตนบางอย่างของผม ที่ผมอยากจะแสดงออกไปให้กับแฟนๆและคนทั่วไป

    ผมไม่ได้บอกว่าผมใส่หน้ากากอยู่นะครับ...แต่ผมต้องกลายเป็นตัวตนเจโฮปที่ชัดเจนเวลาที่ผมอยู่บนเวที นั่นมันชัดเจนมากครับ - เจโฮป

    มันเป็นแบบนั้นเสมอล่ะครับ เราสูญเสียโอกาสที่จะใช้ชีวิตแบบปกติในช่วงวัย 20s แม้ว่าเราจะใช้ชีวิตที่มันเกินปกติไปมากในช่วงวัย 20s นี้ ไม่ว่าผมจะต้องการมันหรือไม่ นั่นมันไม่สำคัญหรอกครับ

    ในตอนที่ต้องส่งต่อคำพูดต่างๆ มันเหมือนว่าผมกำลังพยายามเคลื่อนก้อนหินขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรูปบททวิตเตอร์หรือการสัมภาษณ์อะไรแบบนี้ ผมดูการกระทำแต่ละอย่าง มันเหมือนกับการโยนก้อนหินก้อนเล็กๆใส่กำแพง ผมหวังว่าการกระทำเหล่านั้น..เวลาที่นำมันมารวมกันจะสามารถสร้างปราสาทที่ใหญ่โตได้ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกเกี่ยวกับงานและเพลงของเราครับ - นัมจุน

    บางสิ่งที่มันสร้างความกังวลให้กับผมอยู่เสมอก็คือ เวลาที่ผู้คนพูดกันว่า "นายก็พูดแบบนั้นได้สิ นายประสบความสำเร็จแล้วนี่" "นายดังจะตาย มีอะไรให้ต้องกังวลอีกล่ะ?" - นัมจุน

    ในทางกลับกันผมก็อยากบอกว่าผมเองก็ยุ่งมากๆเหมือนกันนะ คนอาจจะไม่รู้ แต่ผมเองก็มีชีวิตที่ยุ่งมากๆเหมือนกัน ผมเองก็ต้องทำในสิ่งที่ผมไม่ได้อยากทำ แม้กระทั่งบางอย่างที่ก็อยากเก็บเอาไว้กับตัวก็ถูกเปิดเผยออกมาเหมือนกันในทางใดทางหนึ่ง - นัมจุน

    เวลาที่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและในตอนที่พวกเราไม่มีเสียง เราจะทำการแสดงดีๆไม่ได้เลยครับถึงแม้ว่าเราจะอยากทำแบบนั้นมากแค่ไหนก็ตาม นั่นเลยกลายเป็นว่าเราก็จบลงด้วยการโกรธตัวเองครับ - แทฮยอง

    จริงครับว่าที่ผมทำได้ไม่ดี แต่ผมไม่คิดว่าผมเอาชนะมันด้วยการสิ้นหวังหรือเสียใจหรือโทษตัวเอง ผมแค่ยอมรับมัน แน่นอนครับ..ผมมั่นใจมากว่าคงมีใครหลายคนที่เป็นกังวลเกี่ยวกับผมเพราะมันส่งผลกระทบต่อการแสดงของผมด้วย ผมอยากจะเติบโตไปได้ไกลๆและรวดเร็วเพื่อที่ผมจะได้แสดงการแสดงดีๆให้กับพวกเขาได้ครับ - จีมิน

    ผมต้องทำให้ดีที่สุดแม้ว่าผมจะไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม - นัมจุน

    มันจะมีความกลัวเสมอเวลาที่ไม่สามารถใส่ไปได้เต็ม 100% และมันก็จะมีความกลัวรู้สึกผิดตามมาในเวลาที่ทำการแสดงได้ไม่ดี - นัมจุน

    ผมไม่ได้คิดว่าผมพัฒนาขึ้นมากนัก แค่เพราะว่าชื่อเสียงมันเพิ่มมากขึ้นครับ ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองดีพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองควรพัฒนาไปให้ไกลมากแค่ไหนครับ - จิน

    ผมรู้สึกอิจฉาภาพลักษณ์ที่ผู้คนมอบให้ผมนะครับ พวกเขาเรียกผมว่า ‘มังเน่ทองคำ’ แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นเลย เพราะงั้นผมเลยพยายามให้หนักขึ้นเพื่อให้ได้มีภาพลักษณ์แบบนั้นครับ - จองกุก

    เราต่างก็มีเรื่องที่กังวลกันอยู่เสมอล่ะครับ แต่ถ้าไม่มีเรื่องกังวลเหล่านั้นเราเองก็คงมาได้ไม่ไกลขนาดนี้ในฐานะทีม ผมคิดว่างานที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้นั้นดีแล้ว มันเหมาะกับผมแล้วครับ

    และเรามากันได้ไกลขนาดนี้ มาถึงจุดที่ว่าพอมองย้อนกลับไปแล้วมันรู้สึกไร้ความหมายไปเลยล่ะ และไม่ว่าจะดีร้าย มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมอยากจะตอบแทนบางอย่างไปให้กับผู้คน และเพราะผมเป็นคนประเภทที่ว่ามักจะหาความหมายในงานที่กำลังทำอยู่นี้ ดังนั้นผมเลยต้องชดเชยด้วยสิ่งลบๆต่างๆที่มาพร้อมกับมัน ผมคิดว่ามันเป็นการต่อสู้ที่จะทำให้บ้าคลั่ง ในขณะที่ก็ต้องดิ้นรนกับการรักษาสุขภาพจิตให้ดี - นัมจุน

    ผมคิดว่าผมตระหนักได้หลายๆอย่างเลยครับเมื่อพูดถึงการรักตัวเอง ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับการถามคำถามมากมายกับตัวเองและเรียนรู้ให้มากขึ้นว่าตัวเราคือใคร ผมคิดว่ามันเป็นพื้นฐานและเป็นการเริ่มต้นการรักตัวเอง - จีมิน

    ผมถามคำถามมากมายกับตัวเอง และคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น นั่นช่วยให้ผมได้รับทัศนคติด้านบวกในการใช้ชีวิตมากขึ้นเลยครับ - จีมิน


    "พวกคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณคิด คุณแค่ทำมันต่อไป เราก็มีความสุขแล้วที่ได้อยู่ในสถานที่ที่เดียวกันกับคุณ"
    - ARMY-
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in