เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ิBook I Read 2017Dude
หนังสือ 2 เล่มแรก และ 6 เล่มจากเมื่อปีที่แล้ว
  • จริงๆ สิ่งที่จะเขียน เราเขียนในเฟซส่วนตัวไปแล้ว แต่เราอยากจะหาเพื่อนใหม่ๆ ที่อาจจะอยากคุยกันเรื่องหนังสือ เลยคิดว่านำมาลงที่นี้ไว้ เผื่อมีใครอยากคุยด้วย หรือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน...ก็น่าจะดี
    .
    เกริ่นตรงนี้ล่ะว่า อันที่จริงคำว่า "รักการอ่าน" อาจไม่ใช่คำจำกัดความที่ถูกต้องนักเมื่อพูดถึงเรา คำเฉพาะเจาะจงที่ถูกต้องที่สุดต้องเป็น "รักการดอง" 555555 (ถ้าคุณรำคาญความเยิ่นเย้อ เรื่องจริงๆที่จะพูดอยู่ที่หน้าถัดไป เชิญข้ามครับ)
    .
    นั่นเพราะช่วงเวลา 4 ปี ของมหา'ลัย เงินเดือนค่ากินเมื่อหักค่าเช่าหอครึ่งนึงถูกกันเป็นส่วนไว้สำหรับซื้อหนังสือ แน่นอนอีกละว่า มักไม่มีเนื้อหาที่เป็นด้านวิชาการมากนัก เว้นแต่ความคึกคะนองที่เกิดขึ้นนานๆครั้งจะทำให้เด็กรัฐศาสตร์อย่างเรา เหลียวไปมองและหยิบ มายาคติ ของ โรลอง บาร์ต หรือ หนังสือของ การ์มูร์บ้าง 
    .
    จริงๆแล้วเฟซบุ๊กมีส่วนอย่างมากที่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้จักวรรณกรรมหลากหลายแหล่ง ที่มีการแปลไทยออกมา (เราอ่านอังกฤษไม่ไหว ถ้าเจอเป็นเล่มหนาๆ) พวกเพจหนังสือนี่แหละ Readery เอย ก็องดิด เอย  ทุกครั้งที่พบว่ามีหนังสือออกใหม่ และอ่านเรื่องย่อจากเพจแล้วสนใจ....เราต้องได้มา (บ้าคลั่ง ขาดความยั้งคิด...เราขอโทษ) 
    .
    แต่ครั้งแรกที่เราเริ่มอ่านหนังสือใหม่ๆ นอกจากตอน ม.6 ที่ติด ดาวินชี โค้ด หรือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ คือช่วงปี 1 หนังสือ 2 เล่มแรกที่เราซื้อ (จากหมื่นทิพย์บุ๊ค) คือ สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ ของ อุมแบร์โต เอโค กับ จะเป็นผู้รับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น ของ เจ. ดี. ซาลินเจอร์ 
    .
    นั่นทำให้เงินค่าขนมสวนทางกับรายจ่ายบ้างบางครั้ง โชคดีที่หนังสือไม่ได้ออกใหม่กันทุกวันๆ แล้วที่ๆเราอยู่ ก็ไม่มีร้านอย่าง B2S หรือ คิโนะ อยู่ใกล้ๆ ไม่เช่นนั้น ผู้ "รักการดอง" อย่างเราคงหมดเนื้อหมดตัวมากกว่านี้  
    .
    หน้าต่อไปจะเข้าเรื่องละนะ (หวังว่าจะยังอ่านกันอยู่ 55555)
  • เมื่อมีการดองไว้ ก็ต้องมีการสะสาง


    .
    เราเพิ่งเรียนจบปีนี้ ตกงาน (หรือว่างงานก็ช่างเถอะ....ยังไม่มีเงินใช้จะคำไหนก็หมายความแบบนี้แหละ)
    นั่นทำให้เราว่างมากขึ้น ถึงจะต้องคอยสอบนั่นนี่อยู่เรื่อยๆ เวลาส่วนใหญ่ช่วงกลางคืนก็ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี....ก็เลยกะว่าจะเคลียร์หนังสือที่ดองไว้มาตลอด 4 ปี เริ่มอ่านปีละ 30 เล่ม 

    .
    เราขอพูดถึงมันแค่ 6 เล่ม จาก 30 ที่ชอบจริงๆก่อน ถ้าว่าง เราคงพูดถึงเล่มอื่นๆที่เหลือด้วย 
     

    Dracula ของ แบรม สโตเกอร์ อันนี้แน่นอนครับว่าที่ 1 ของเราในปีนี้จริงๆ คือเล่มนี้อ่านค้างไว้ตอนปี 1 กลับมาอ่านอีกครั้งตอนจบปี 4 อ่านซ้ำไปสามรอบ บทว่าด้วยบันทึกกะลาสีรัสเซียที่บรรทุกโลงท่านเคานต์มาด้วยนี่ชอบจริงๆ สยองมาก ถึงสำนวนแปลของ อ.สายสุวรรณ จะเก่าและค่อนข้างเชย แต่ก็ไม่รู้สึกเป็นปัญหาอะไร ชอบด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจว่ายังมีขายทั่วๆไปไหม แต่ถ้ามีโอกาสแนะนำนะ ต้นฉบับของแวมไพร์คลาสสิค (ไม่นับคาร์มิลล่ากับลำนำแวมไพร์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้อีกทีนะ) จริงๆตอนอ่านเนี่ยชอบจินตนาการภาพหนังเวอร์ชั่นปี '31 ที่เบล่า ลูโกชี่ เล่นเป็นแดรกคิวล่าด้วย เพราะชอบหนังเวอร์ชั่นนั้นมาก


    Frankenstein ของ แมรี เชลลี ชอบพอๆกับแดรกคิวล่าเลย เรื่องราวโศกนาฏกรรมของปีศาจที่เยาว์ต่อโลก ความทุกข์ระทม ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองถูกทอดทิ้ง และรังเกียจ จากผู้สร้าง การพยายามจะปรับตัว จะทำสิ่งที่ดี ถูกทำลายด้วยความแค้น สิ่งที่ชอบมากที่สุด (และน่าจะเป็นส่วนที่ชอบมันมากกว่าแดรกคิวล่าด้วย) คือปีศาจของแฟรงเกนสไตน์ เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สุด มีอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ไม่ได้ผุดขึ้นมาเพื่อเป็นผีร้ายที่จ้องเอาชีวิตคนดีๆเสียเฉยๆ จริงๆแล้วเรารู้สึกว่ามันเป็นภาพสะท้อนของมนุษย์ที่แปลกแยกจากคนอื่นๆได้อย่างดี บางบทบางตอนอาจทำให้คุณเสียน้ำตากับมันได้ง่ายๆด้วยซ้ำ 


    วิธีเดินทางกับแซลมอน ของ อุมแบร์โต เอโค  เอาจริงคือไม่เคยอ่านหนังสือแล้วขำกับมันได้ขนาดนี้ มันเป็นเรื่องสั้นที่ช่างประชดประชัน กับสำนวนภาษาติดจะเย้ยหยันนิดๆ จริงๆสองจิตสองใจเรื่องนี้อยู่กับคิดถึงคิสซิงเจอร์ แต่เราว่านี่แหละฮาสุด ทุกเรื่องจริงๆ (ว่าแต่ สมัญญาแห่งดอกกุหลาบนี่ยังไม่เคลียร์เลยง่ะ)


    Love in the Time of Cholera ของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ "โฟลเรนตีโน อารีซานั้น ไม่เคยหยุดคิดถึงเธอแม้แต่ชั่ววินาที นับตั้งแต่เฟร์มีนา ดาซา สลัดรักเขาหลังจากห้วงรักอันยาวนานปั่นป่วนเมื่อ 51 ปี 9เดือน กับ 4วันที่ผ่านมา" โอ้โหหหหห บางทีเวลาเจอประโยคไหนที่มันโดนจริงๆ เราก็ชอบมันไปเลยทั้งเล่มได้เหมือนกันนะ และไม่ว่ามองดาดๆมันจะว่าด้วยความรักของผู้เฒ่าที่เลยวัยมานานมากขนาดไหนก็ตาม บทแฟลชแบ็คในวัยหนุ่มสาวของตัวละครเป็นอะไรที่โรแมนติกเอามากๆ หวังว่าปีหน้าจะอ่าน 100 ปี แห่งความโดดเดี่ยว ได้จบสักที



  • A Monster Calls ของ แพทริค เนสส์ ภาพโดย Jim Kay ฉบับหนังก็ดูแล้ว แต่เอาจริงชอบฉบับนิยายภาพแบบนี้มากกว่า คือเป็นลายเส้นขาวดำดาร์คๆ กับเรื่องราวดราม่าเรียกน้ำตาแล้วมันได้อารมณ์กว่า (แน่นอนว่าสำหรับเรา) ถึงอ่านเอาแบบนี้จะไม่ได้เห็นการแสดงของใครก็ตาม......แต่ภาพมันสวยจริงๆนะ 
    The Call of Cthulhu ของ เอช. พี. เลิฟคราฟท์ อยากอ่านมานานงมกับภาษาอังกฤษไปเมื่อต้นปีก็รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง (อย่างที่บอกไว้ว่าเราไม่ค่อยเก่งอังกฤษ) ในที่สุดก็มีคนแปลสักที เสียงเรียกของคธูลู เราชอบตำนานปีศาจต่างดาวพวกนี้มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าใครจะบอกว่ามันดูราคาถูกและเกรดบียังไงก็ตาม จักรวาลอันยิ่งใหญ่ของพวกมันก็มีเสน่ห์ เต้มไปด้วยความสยองขวัญ การผจญภัย ที่มักจะจบลงด้วยความบ้าคลั่งของมนุษย์ที่ได้ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน จริงๆในเรื่องสั้นนี่เปรยๆให้รู้ด้วยว่าความตายของตัวละครบางตัวมันน่าจะมาจากลัทธิประหลาดที่บูชาอมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้อยู่ แต่เสียดายที่ว่าความเป็นเรื่องสั้นของมันไม่ได้ทำให้มันใส่อะไรเข้ามามากมายกว่านี้ ต้องอ่านเอาจากเรื่องอื่นๆที่ยังไม่มีคนแปล


    ปีนี้ก็เก็บหนังสือมาได้หลายเล่ม น่าจะเคลียร์รวมเรื่องสั้นของมูราคามิทั้งหลายให้จบ แต่ตอนนี้กำลังอยู่ที่ Silence ของ Shusaku Endo 
    .
    หวังว่าจะได้คุยกันนะ คนรักหนังสือทุกท่าน :) 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in