เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ยามปทุมมาแห่งอวิ๋นเมิ่งมัวหมอง Mpregnithion58_onuma
4.2 ปี่เซียะหงซานสือ
  • "หลานจ้าน! เจ้าจะทำอะไร!?" 

    เว่ยอิงรีบเดินเข้าไปหาหลานวั่งจีเพราะเสียงร้องของอาเยวี่ยนในอ้อมแขนนั้น อีกทั้งเมื่อเห็นใบหน้าคล้ำของทารกน้อยและมือเท้าที่ป่ายปะอย่างทรมาน บนอกเล็กๆมีมือของหลานวั่งจีทาบทับอยู่ อีกทั้งยังมีไอชั่วร้ายออกมาจากมือของเขา

    หรือว่าหลานจ้านคิดจะ...

    มือของเว่ยอู๋เซียนคว้าเอามือของหลานวั่งจีที่กำลังกดทับอกของอาเยวี่ยนแล้วออกแรงดึงให้ออกห่าง ทว่ามือของอีกฝ่ายก็แทบไม่เขยื้อน คล้ายอีกฝ่ายเป็นศิลาหนาหนักที่ไม่มีวันพังทลาย

    "หลานวั่งจี! ปล่อย!" เขาตวาดเสียงดัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ยิ่งเห็นอาเยวี่ยนยื่นมือราวกับขอความช่วยเหลือมายังเขา ยิ่งทำให้เขาใจสลาย ความคิดในแง่ร้ายไหลบ่าออกมาไม่หยุด อีกทั้งยังรู้สึกผิดหวังเสียใจอย่างที่สุดอีกด้วย

    หลานวั่งจีคือคนแปลกหน้า! เขาไว้ใจคนที่เคยคิดจะพาเขากลับกูซูหลานเพื่อไปรับโทษและทำลายวิชาที่อุตส่าห์แลกชีวิตแลกวิญญาณเพื่อให้ได้มาเพื่อแก้แค้นคนที่ทำกับอวิ๋นเมิ่งเจียงและเขาได้อย่างไร! เขาไว้ใจคนเช่นนี้ให้อุ้มอาเยวี่ยนได้อย่างไร! อาเยวี่ยนเป็นชีวิต! เป็นลมหายใจ! เป็นเหตุผลที่เขามีชีวิตอยู่ ถ้าเกิดผู้แซ่หลานนี้คิดพรากชีวิตเด็กคนนี้ไปเขาคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก

    //ฆ่ามันซะสิ//

    เว่ยอู่เซี่ยนชะงัก หัวใจเต้นระรัว เมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นในหัว

    //ฆ่ามัน ทำลายปราณทองมัน เพียงเท่านี้อาเยวี่ยนจะปลอดภัย//

    เขายกมือที่ว่างขึ้นกุมศีรษะ มืออีกข้างหนึ่งยังจับมือของหลานวั่งจีแน่น ดวงตากลอกไปมาคล้ายสับสนอย่างหนัก ทว่าเสียงแผดร้องของอาเยวี่ยนกลับเป็นตัวเร่งการตัดสินใจของเขา

    'ฆ่าเขา ช่วยอาเยวี่ยน!!'

    พลังมารสายหนึ่งค่อยๆไหลมารวมกันที่ฝ่ามือของเว่ยอู๋เซี่ยน นัยน์ตาพลันเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดงดังโลหิต ก่อนเงื้อขึ้นสูงหมายชิงปราณทองของคนตรงหน้าและทำลายให้แตกสลายไปตรงหน้า

    ขณะที่ฝ่ามือนั้นกำลังจะถึงตัวหลานวั่งจี ชายหนุ่มไม่คิดแม้แต่จะหลบเลี่ยง เพียงหันหน้ากลับมามองเว่ยอู๋เซี่ยน ทำเอาอีกฝ่ายชะงักมือกลางอากาศ ก่อนที่วั่งจีจะละมือออกจากอกอาเยวี่ยน แล้วแบมือให้เขาดู

    ในมือเขาแผ่นยันต์ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือสีเหลืองสดที่ค่อยๆถูกไฟสีฟ้าลามเลียแผดเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน "ไอมารที่อยู่ในตัวเด็กคนนี้ ข้ากำจัดให้หมดแล้ว

    เว่ยอู๋เซี่ยนคล้ายทำอะไรไม่ถูก แต่ความคิดอยากฆ่านั้นสลายสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น "หลานจ้าน...ข้า..."

    "อยู่ที่ล่วนจั้งกั๋ง เขาไม่เคยโยเยเลยใช่ไหม?"

    เว่ยอู๋เซี่ยนพยักหน้า"อาเยวี่ยนเป็นแค่แรกๆ ช่วงหลังน้อยลง แล้วเพิ่งมาโยเยหนักเอาช่วงที่ข้าพาเขาลงมาที่อี๋หลิงนี่"

    "แสดงว่าเขากำลังปรับตัวเข้ากับล่วนจั้งกั๋ง เริ่มรับไอมารเข้าตัว ดังนั้นเมื่อเขาออกจากอาณาเขตจึงได้เป็นเช่นนี้"

    "ถ้าปล่อยไว้ เขาจะกลายเป็นมารเมื่อโตขึ้น..."

    เว่ยอู๋เซี่ยนหลุบตาลงต่ำ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ แต่ด้วยความจำเป็น และเขาเองก็ไม่อยากพรากจากอาเยวี่ยน แต่เขาก็ไม่อยากให้อาเยวี่ยนเติบโตเป็นมารร้ายที่รอวันที่คนในยุทธภพร่วมมือกันกำจัดในภายภาคหน้าเช่นกัน ความรู้สึกอึดอัดใจล้นปรี่ จึงเพียงยกมือของตัวเองลูบหน้าผากเด็กน้อยด้วยความรู้สึกสงสารเวทนาจับใจ

    เขาต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป

    หลานวั่งจีมองมือที่ลูบหน้าผากทารกน้อยไม่เอื้อนเอ่ยอะไรอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม "...ไม่ออกไปข้างนอกหรือ?"

    "หา?" เว่ยอู๋เซียนผงะไปนิดหน่อย หลานจ้าน เจ้าจะมาเปลี่ยนอารมณ์กันหน้าตาเฉยแบบนี้ไม่ได้!

    "...เจ้าบอกว่าจะนำทาง"

    ที่แท้ก็ทวงสัญญาเมื่อคืนนี้เอง เว่ยอู๋เซี่ยนอดยิ้มออกมาไม่ได้ "อ๋อ อื้อ ไปสิไป"

    "เอาอาเยวี่ยนไปด้วย" เขาว่าแล้วลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินออกจากห้อง ทิ้งให้เว่ยอู๋เซี่ยนได้แต่มองภาพนั้นอย่างงุนงง 

    หลานจ้าน หานกวงจวิน นั่นลูกข้านะ!! เจ้าจะมาอุ้มไปอุ้มมาเหมือนตัวเองเป็นอาเตี่ยเช่นนี้ไม่ได้!

    ...........

    เนื่องจากอากาศที่อี๋หลิงหนาวเย็นตลอดทั้งปี ขนาดที่เข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วยังหนาวจับใจ เว่ยอู๋เซี่ยนอาศัยว่าเป็นคนพื้นเพ จึงลงเขามาโดยที่ไม่สวมเสื้อคลุมมาด้วย แต่หลานวั่งจีไม่ยอมให้เขาออกจากห้อง แล้วหายไปอยู่พักใหญ่จึงกลับมาพร้อมเสื้อคลุมกันลมทรงระฆังแบบที่ฝูเหรินหรืออี๋เหนียงสกุลใหญ่นิยมสวมใส่ เสื้อคลุมของเขาเป็นสีดำฝีมือตัดเย็บประณีตปักลายดอกสือซว่าน (พลับพลึงแดง) ที่ชายเสื้อ ด้วยเพราะอีกฝ่ายรูปงามอีกทั้งมัดผมครึ่งศีรษะ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูงามจับตา ส่วนหลานวั่งจีสวมเสื้อคลุมสีขาว ปักลายเมฆ ถึงมิใช่ของที่มีราคาค่างวดมาดแต่ก็ดูไม่ขัดตาอีกทั้งยังเสริมส่งให้คนตรงหน้าดูงามสง่าไม่น้อย ส่วนของอาเยวี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีแดง แต่ถึงอย่างนั้นเว่ยอู๋เซี่ยนก็ยังโอบอุ้มเขาไว้ในผ้าคลุม เจ้าตัวเล็กหลับสนิท ทั้งยังสังเกตว่าใบหน้าเด็กน้อยดูผ่องใสขึ้นมาก

    หลานจ้านช่วยลูกของเขาไว้ เขากลับคิดจะ...

    เว่ยอิงคิดยกมือหมายตบหน้าลงโทษตนเอง แต่ขณะที่ยกมือ อีกฝ่ายกลับจับมือเขาไว้แล้วจ้องเขานิ่ง

    "หลานจ้าน"

    "ไม่ใช่ความผิดเจ้า"

    "แต่..."

    "ไม่ต้องคิดมาก" คำพูดประหยัดถ้อยคำของอีกฝ่ายแต่กลับทำให้เว่ยอิงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย 

    "ขอโทษด้วยนะ" เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยเบาๆ แต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหลบ แล้วเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนเดินตามไปติดๆ

    "คุณชาย จะรับเครื่องประดับอันไหนดีเจ้าคะ?"

    "หงซานสือ (ปะการังแดง)" เขาเอ่ยเรียบๆ เถ้าแก่เนี้ยได้ฟังก็รีบนำถาดที่ใส่เครื่องประดับที่เป็นปะการังแดงมาให้ มีทั้งกำไลข้อมือ และที่แกะสลักคล้ายหยกพก

    "ไม่ทราบว่าคุณชายจะซื้อให้ใครเจ้าคะ ข้าน้อยจะได้เลือกได้ถูก?"

    หลานวั่งจีเลิกเสื้อคลุมของเว่ยอู๋เซี่ยนให้เห็นอาเยวี่ยนที่นอนหลับอยู่แล้วเอ่ย "เด็กคนนี้"

    "ที่แท้จะซื้อให้คุณชายน้อยนี่เอง ตาถึงนัก ปะการังแดงนับเป็นเครื่องรางปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายชั้นดี อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายแสดงถึงพลังอำนาจอีกด้วยนะเจ้าคะ ฟูเหรินท่านนี้โชคดีนัก ได้ฟูจวินที่รักลูกของท่านเพียงนี้"

    เว่ยอู๋เซี่ยนทำหน้าเลิ่กลั่ก ส่วนหลานวั่งจีไม่ได้สนใจคำพูดเถ้าเนี้ยนัก เพียงกวาดตาของบนถาด ก็ได้ปะการังแดงแกะเป็นรูปปี่เซียะขนาดเล็กน่ารักน่าเอ็นดู เขาหยิบมาพร้อมเงินอีกก้อนหนึ่ง"รบกวนท่านช่วยเจาะรูแล้วร้อยเชือกแดงให้ด้วย"

    "ได้เจ้าค่ะ" อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนหายเข้าไปหลังร้าน จากนั้นจึงกลับมาพร้อมกับงานที่เสร็จเรียบร้อย

    หลานวั่งจีรับมาพร้อมยันต์คุ้มภัยอีกใบ หลังจากบริกรรมคาถาอยู่อึดใจยันต์แผ่นนั้งก็เลือนหายไปในปี่เซียะปะการังแดงตัวนั้น จากนั้นจึงผูกไว้ที่ข้อมือของอาเยวี่ยน

    "เอ่อ หลานจ้าน" เว่ยอู๋เซี่ยนมองปี่เซียะน้อยในข้อมือบุตรชายแล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างนึกไม่ถึง

    "อย่างที่เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นบอก ปะการังแดงปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ ข้าเพิ่มยันต์คุ้มภัยไปอีกชิ้น คิดว่าน่าจะกันเขาจากไอมารได้ไม่มากก็น้อย"

    "...ที่แท้เจ้าก็รู้เรื่องที่ข้ากังวล" เว่ยอู๋เซี่ยนเกาแก้มตนเอง ท่าทางเคอะเขิน หลานจ้านนะหลานจ้าน จะให้ข้าขอบคุณเจ้าไปทั้งชีวิตหรือไร

    "ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว" เขาเอ่ยเรียบๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงได้เดินออกจากร้านไป

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in