เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ยามปทุมมาแห่งอวิ๋นเมิ่งมัวหมอง Mpregnithion58_onuma
เจียงเยี่ยนหลี 3
  • หลังจากวันนั้น วันที่เขาตัดสินใจกลับมายังอี๋หลิง ก็เกิดเรื่องอีกมากมาย...

    ทั้งการตายของเวินหนิงที่เกิดจากน้ำมือคนสกุลจิน...ตัวเขาที่เพิ่งคลอดอาเยวี่ยนได้กี่อาทิตย์ก็บุกไปถึงจินหลิงไถ ปะทะคารมกับจินกวงซ่านจนอีกฝ่ายแทบจะธาตุไฟเข้าแทรกด้วยความอับอาย หลังจากที่กลับไปล่วนจั้งกั๋งไปและทำให้เวินหนิงกลายเป็นผีดิบตามคำขอร้องของเวินฉิงได้ไม่นาน เจียงเฉิงก็บุกมาถึงล่วนจั้งกั๋ง ถามหาคำยืนยันจากเขาว่ายังคงคิดจะปกป้องคนของสกุลเวินที่เหลือหรือไม่

    แน่นอนว่าเขายังคงยืนยันคำเดิม เจียงเฉิงและเขาจึงตัดสินใจประลองเพื่อตัดความสัมพันธ์ กินเวลายาวนานสามวันสามคืนต่างไม่รู้ผลแพ้ชนะ...สุดท้ายแยกทางกันเดินโดยที่ร่างกายและหัวใจเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผล...แทนสัตย์สาบานว่า จากนี้อวิ๋นเมิ่งเจียงและเว่ยอู๋เซี่ยน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตายไปย่อมมิต้องมาเผาผีกัน

    ทว่าบัดนี้ เจียงเฉิงกับเจียงเยี่ยนหลี สองบุคคลที่เขาเคยตัดขาด กลับมานั่งอยู่หน้ากระท่อมเก่าๆโทรมๆของเขา โดยมีน้ำรากบัวต้มต่างน้ำชาเป็นเครื่องดื่มตอนรับซะอย่างนั้น บรรยากาศระหว่างเว่ยอู๋เซี่ยนกับเจียงเฉิงชวนอึกอักประดักประเดิด ในขณะที่เจียงเยี่ยนหลี มือหนึ่งอุ้มอาเยวี่ยนที่ดูจะสงบเสงี่ยมกว่าปกติเพราะยังไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า อีกมือหนึ่ง ยกถ้วยน้ำรากบัวต้มนั้นดื่มอย่างมีความสุข "น้ำรากบัวรสชาติดียิ่ง ชวนให้นึกถึงตอนเด็กที่แม่ครัวต้มน้ำรากบัวให้พวกเรากินเลยนะ"

    "ดีแล้วที่ศิษย์พี่ชอบ" เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้ม ยิ่งเห็นอาเยวี่ยนที่เริ่มยิ้มแย้มตามการหยอกล้อของเจียงเยี่ยนหลีก็ให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เจียงเฉิงกลับขัดขึ้นมา

    "พี่ใหญ่ ข้าว่าพวกเราเข้าเรื่องเถอะจะได้รีบกลับ ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่ที่นี่นานเกินไป" 

    "อาเฉิง เจ้านี่นะ" หญิงสาวย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนเกลี่ยแก้มยุ้ยของอาเยวี่ยนเบาๆ ไม่ว่าจะสีตา ผม ใบหน้า ล้วนเหมือนอาเซี่ยน น่ารักน่าชังยิ่ง! นางนึกชมก่อนหันไปทางเว่ยอู๋เซี่ยน "อาเซี่ยน ข้ามีเรื่องจะบอกกับเจ้า"

    "ข้า...กำลังจะแต่งงาน"

    ดวงตาของเว่ยอู๋เซี่ยนเบิกขึ้นน้อยๆ ฉายแววเปล่งประกายด้วยความยินดี "กับจินจื่อเซวียนหรือขอรับ?"

    นางพยักหน้า เว่ยอิงถึงกับยิ้มกริ่มออกมา เจ้าคนที่เอาแต่รำแพนหางเหมือนนกยูงนั่น ในที่สุดก็รู้ใจตนเองเสียที หลังจากปากเสียตำหนิศิษย์พี่ของเขาจนเขาต้องประเคนหมัดใส่ปากใส่หน้าให้กินแทนข้าวถึงสองครั้งสองครา

    "ข้าก็เลยอยากให้เจ้ามาร่วมงานด้วย"

    เว่ยอู๋เซี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเจื่อน "ด้วยความเคารพนะ ศิษย์พี่ ใจจริงข้าก็อยากไปร่วมงานด้วยอยู่หรอก แต่ถ้าท่านยังจำได้ ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนข้าไปก่อวีรกรรมอะไรเอาไว้ที่จินหลิงไถบ้าง ถ้าให้ข้าบากหน้าไปเกรงว่า..."

    "เฮอะ ตอนนั้นหน้าหนาไปด่าพวกคนสกุลจินที่ฆ่าสุนัขแซ่เวิน ออกหน้าปกป้องพวกมันเสียดิบดี ตอนนี้เพิ่งมานึกละอายใจหรือ?" เจียงเฉิงแค่นเสียงหัวเราะหยามหยัน วีรกรรมนั้น แม้เขามารู้ภายหลังก็อดเคืองขุ่นไม่ได้ สกุลเวินก่อหนี้เลือดไว้กับสกุลเจียงและสกุลเซียนอื่นๆไว้มากมาย แทนที่จะช่วยเขาถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก กลับกางปีกปกป้อง คิดแล้วเขายังเจ็บใจไม่หาย

    เว่ยอิงที่ปกติจะปากไวโต้กลับเจียงเฉิงอย่างเผ็ดร้อน กลับเป็นฝ่ายนิ่งเงียบเสีย กระทั่งเจียงเยี่ยนหลีบีบมือน้องชายเบาๆเป็นเชิงปราม ก่อนหันไปส่งยิ้มให้น้องชายบุญธรรม "ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องพูดเช่นนี้"

    ชายหนุ่มยิ้มบาง "ข้าขออภัยด้วยจริงๆ"

    "ช่างเถอะ ไปไม่ได้ก็แล้วไปเถอะ แต่อย่างไรเสียข้าก็มีอะไรให้เจ้าดู" เจียงเยี่ยนหลีว่าแล้วลุกขึ้น อุ้มอาเยวี่ยนส่งให้เจียงเฉิงที่รับมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก แล้วหยิบห่อผ้าห่อหนึ่งเดินเข้าไปด้านในกระท่อม ทิ้งสองชายหนุ่มหนึ่งเด็กไว้ในสถานการณ์ชวนอึดอัด

    เจียงเฉิงอุ้มเด็กไม่เป็น จะอุ้มช้อนก้นก็ไม่ถนัด ท่าทีดูประหลาดชอบกล สุดท้ายก็จบลงที่มือหึน่งหิ้วคอเสื้อไว้ อีกมือหนึ่งช้อนก้นเอาไว้ ชายหนุ่มพินิจหน้าของหนูน้อยตรงหน้า เหตุใดจึงประพริมประพรายคล้ายกับเว่ยอู๋เซี่ยนยิ่งนัก คล้ายมากจนอดไม่ได้ที่จะถาม "เด็กคนนี้เป็นใครกัน"

    เว่ยอู๋เซี่ยนแค่นยิ้มตอบ "เด็กคนนี้แซ่เวิน"

    "เป็นลูกข้า"

    "เจ้า!" เจียงเฉิงคำราม มองอาเยวี่ยนราวกับเผือกร้อน "เจ้า! เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ ถึงได้เข้าข้างพวกหมาสกุลเวิน! เพราะมารหัวขนตัวนี้ใช่ไหม!?"

    เว่ยอู๋เซี่ยนหัวเราะเบาๆ เจียงเฉิงเป็นคนเดียวในสกุลเจียงที่ไม่รู้ว่าร่างกายเขาเป็นเช่นไร หรืออาจจะเพราะเด็กเกินกว่าจะจดจำ ป่านนี้เจ้านี่คงคิดว่าเขาหลงรักสตรีแซ่เวิน ร่วมเรียงเคียงหมอนกับนางจนให้กำเนิดอาเยวี่ยนออกมากระมัง...เอาเถอะ...ยิ่งรู้เช่นนี้ จะได้ตัดขาดกับเขาได้อย่างหมดจดเสียที "ถ้าเจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ตามใจเถอะ เจ้ารู้เพียงอย่างเดียวว่าเด็กคนนี้เป็นลูกข้า และข้าก็รักเขามากด้วย"

    เจียงเฉิงกัดฟันกรอด เห็นแล้วยิ่งชังน้ำหน้าเด็กน้อยที่ไม่รู้จักกระทั่งชื่อคนนี้ แค่ได้ยินว่าคลอดมาจากครรภ์ของสตรีโสโครกแซ่เวินเขาก็ไม่อยากแตะต้องแล้ว "เจ้า มาเอาคืนไป!"

    เว่ยอู๋เซี่ยนกลั้นขำ จำเป็นต้องกลืนเสียงหัวเราะลงคอตีหน้าขรึมไปรับอาเยวี่ยนที่เริ่มเบะปากโยเยมาปลอบโยน จังหวะเดียวกับที่เจียงเยี่ยนหลีเดินออกจากกระท่อมพอดี

    ทั้งสองหนุ่มหันไปดูพร้อมกัน ก็เห็นสตรีงดงามในชุดสีชาด ศีรษะเกล้าเป็นมวยประดับมงกุฏหงส์ ใบหน้าอ่อนเยาว์เลอโฉมด้วยการผัดแก้มแต้มชาดบางเบา

    เว่ยอู๋เซี่ยนและเจียงเฉิงต่างจดจำลวดลายที่ชุดได้เป็นอย่างดี...มันคือชุดแต่งงานของเจียงเยี่ยนหลี...

    ตามธรรมเนียมโบราณ เด็กผู้หญิงต้องตัดเย็บชุดเจ้าสาวและข้าวของเครื่องใช้สำหรับออกเรือนด้วยตนเองตั้งแต่ยังเล็ก นัยหนึ่งเพื่อเป็นการอวดว่าเจ้าสาวนั้นงามพร้อมด้วยรูปโฉม กิริยามารยาทงดงาม รวมไปถึงเชี่ยวชาญด้านงานบ้านงานเรือนเพียงใด ดังนั้นในเวลาว่างเจียงเฉิงกับเว่ยอู๋เซี่ยนจะเห็นพี่สาวนำงานเย็บปักนี้มาทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดปาก หรือผ้าปูโต๊ะผืนใหญ่ล้วนแต่มีลวดลายงดงามตระการตา หนุ่มน้อยทั้งสองชอบมองเวลาที่เจียงเยี่ยนหลีเย็บปัก มองเข็ม เส้นไหม และนิ้วอ่อนช้อยที่ขยับขึ้นลงบ่งบอกถึงความตั้งใจที่แท้ 

    โชคดีที่ว่าตอนที่เจียงเยี่ยนหลีไปเยี่ยมบ้านเกิดของอวี๋ฝูเหรินที่เหมยซาน นางได้รับคำสั่งให้นำชุดแต่งงานที่ทำเสร็จแล้วไปด้วยเพื่อจะได้ลองว่าเข้าชุดกับเครื่องประดับเก่าแก่ที่ทางนั้นเตรียมไว้ให้หรือไม่ ทำให้ชุดเจ้าสาวไม่ถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับเหลียนฮวาอู้

    "เป็นอย่างไรบ้าง พอดูได้หรือไม่?" เจียงเยี่ยนหลีส่งรอยยิ้มให้สองหนุ่มที่ใบ้กินไปแล้ว ทว่าหนุ่มน้อยตัวจิ๋วอีกคนกลับส่งเสียงแอ๊ แอ๊ พลางตบมือชอบอกชอบใจ

    "ชอบหรือ...เอ่อ"

    "อาเยวี่ยน" เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ย เขาซาบซึ้งใจนักที่ศิษย์พี่เล็งเห็นถึงความลำบากใจของเขาจนแต่งชุดเจ้าสาวมาให้เขาดูแทน "เขาชื่อ อาเยวี่ยนขอรับ"

    "อย่างนั้นหรือ เจ้าชอบสินะ อาเยวี่ยน ดีใจจริง" นางยกมือลูบแก้มยุ้ยที่ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ เจียงเฉิงยิ่งเห็นยิ่งไม่สบอารมณ์

    "พี่ใหญ่"

    "อาเฉิง เจ้าว่าไม่สวยหรือ?" เจียงเยี่ยนหลีเลิกคิ้วน้อยๆ ผู้เป็นน้องชายส่ายหน้าระรัว 

    "ไม่ ไม่ใช่ แต่ว่า!"

    "ไม่ใช่ข้าก็โล่งใจ" นางเอามือลูบอกท่าทางคล้ายยกภูเขาออกจากอก จากนั้นจึงเอ่ยกับเว่ยอู๋เซี่ยนอีกครั้ง "มีอีกเรื่องที่ข้าอยากขอร้อง"

    "เจ้าช่วย...ตั้งชื่อให้ลูกของข้าได้หรือไม่?"

    เว่ยอู๋เซี่ยนเบิกตาน้อยๆ ดูเขาเองจะตกใจไม่น้อย

    "อาเฉิงน่ะช่วยข้าคิดชื่อรองไว้แล้ว เหลือแต่เพียงชื่อกำเนิด อาจจะเร็วไปสักหน่อย แต่ข้าอยากให้เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเหมือนเมื่อก่อน"

    "ข้า..."

    "ได้หรือไม่ อาเซี่ยน" หญิงสาวแย้มยิ้มเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เว่ยอิงเห็นแววตานั้นก็มิอาจปฏิเสธได้ เขาพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเดินหายเข้าไปในกระท่อม ก่อนกลับมาพร้อมกระดาษและพู่กัน เขาใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงจรดพู่กันขีดเขียนลงไป

    "หรูหลาน (如蘭)" 

    "มาจาก สำนวน หรูหลานจือซิง (如蘭之馨 แปลว่าส่งกลิ่นหอมกำจายดั่งดอกกล้วยไม้)" เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มบางเอ่ย "ดอกกล้วยไม้ถือว่าเป็นดอกไม้ที่สูงศักดิ์เลอค่าไม่แพ้ดอกโบตั๋น ข้าอยากให้หลานของข้าเกิดมามีชีวิตที่สง่างาม เข้มแข็ง มีชื่อเสียงขจรขจายเฉกเช่นกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้"

    "...เป็นชื่อที่ดี" เจียงเยี่ยนหลีเอ่ย "ขอบใจมากนะ อาเซี่ยน"

    "แต่ว่าหลานข้าเป็นคนของสกุลเจียงและจิน ไฉนถึงใช้อักษร หลาน เหมือนคนสกุลหลานล่ะ?" เจียงเฉิงโพล่งขึ้นมา

    "คิดเล็กคิดน้อยน่ะ" เว่ยอู๋เซี่ยนกระเซ้า "ชื่อเพราะดี อีกทั้งศิษย์พี่ก็ไม่ได้คัดค้านอันใดด้วย"

    "นั่นสิ อาเฉิง เจ้าคิดมากไปแล้ว" หญิงสาวยกแขนเสื้อปิดปากหัวเราะเบาๆ ทำเอาเจียงเฉิงที่จุดเดือดต่ำตัวสั่นระริก

    "กลับ! พี่ใหญ่! ท่านเสร็จธุระแล้วใช่หรือไม่!? กลับได้แล้ว!!"

    .........

    เจียงเฉิงกับเจียงเยี่ยนหลีลงจากล่วนจั้งกั๋งไปแล้ว หัวใจที่เคยมีริ้วรอยแผลที่ได้รับการรักษาไม่ถูกต้องคล้ายจะทุเลาเบาบางความเจ็บปวดลงไปมาก...

    แผลเก่าทุเลา...เพื่อเตรียมพร้อมรับแผลสดใหม่ที่กำลังจะถูกกรีดคว้านได้ทุกเมื่อ...

    เว่ยอู๋เซี่ยน ปรายตามองไปยังแผ่นยันต์สีเขียวอ่อน

    ไม่นานนัก นกนางแอ่นตัวหนึ่งก็บินออกจากล่วนจั้งกั๋ง โดยที่จุดหมายอยู่ที่เรือนชิงจื่อ อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in