วันนี้ก็เลยจะขอระเบิดความเป็นติ่งซักครั้ง หลังจากได้แผ่นมาแล้ว จะพามาแกะกล่องและรวบยอดความประทับใจของคอนเสิร์ตนี้ให้ดูกัน เริ่มกันที่ส่วนแรกคือ ส่วน Packaging ก่อนเป็นอีกส่วนสำคัญมากสำหรับแฟนคลับ นักสะสม ถ้าทำออกมาสวยงาม ก็จะยิ่งเพิ่มความอยากได้ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว (แต่ถ้าทำไม่สวยก็เท่าทุนอ่ะนะ เพราะยังไงแฟนคลับก็ซื้อ 555)
กล่อง DVD สวยงาม หน้าปกใช้ภาพบรรยากาศภายในงานเป็นพื้นหลังมีสัญลักษณ์ของวงเป็น ‘นกฮัมมิงเบิร์ด’ ประทับคู่กับชื่อวง และชื่อคอนเสิร์ต
มุมบนขวามือ มีสติกเกอร์แปะบนซีลแจ้งรายละเอียดของ DVD ชุดนี้
และในเพลง ‘Hands of Gold’ นี้ ก็มีศิลปินรับเชิญอย่าง Alissa White-Gluz มาช่วยอุ่นเครื่อง เพิ่มดีกรีความมันส์กันด้วยอีกแรง นอกจากพลังการคำรามที่พวกเราคุ้นเคยแล้ว ในเพลงนี้จะได้เห็น Alissa ร้อง Clean Vocals ในคีย์ที่สูงมากด้วย เป็นอะไรที่หาดูได้ไม่บ่อย เรียกได้ว่าแค่เพลงแรกนี้ ก็เรียกน้ำย่อยกันได้สุด ๆ แล้ว
จากนั้นก็ส่งต่อจังหวะเพราะ ๆ เข้าสู่เพลงฮิตจังหวะมันส์ ๆ ในอัลบั้มเดียวกันอย่าง ‘Suckerpunch’ ที่พาให้ผู้ชมโยกกันได้ทั้งฮอล แต่เพลงฮิตในอัลบั้มใหม่ก็ไม่ได้มีแค่เพลงเดียว เลยจัดเพลงเพราะ ๆ ที่มีทำนองนุ่มลึกอย่าง ‘The Glory And The Scum’ ตามกันมาติด ๆ
หลังจากเล่นฮิตเพลงจากอัลบั้มล่าสุดกันไปแล้ว ก็ขอเล่น ‘Get The Devil Out of Me’ อีกหนึ่งเพลงฮิตจากอัลบั้ม ‘We Are The Others’ ที่ใช้ปลุกใจชาว Delainers ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อไหร่ที่เพลงนี้ขึ้นก็จะเรียกเสียงเฮจากผู้ชมได้เสมอ และจากนั้นยังสนุกกันต่อ ด้วยเพลงความหมายดี ๆ อย่าง ‘Army of Dolls’
และหลังจากจัดเต็มความมันส์ไปแล้วถึง 5 เพลงรวด ก็ได้เวลาผ่อนอารมณ์ลง คั่นด้วย ‘The Hurricane’ เพลงช้าที่เนื้อหาแสนจะกินใจกันซักหน่อย
ในช่วงนี้ เหมือนเป็นเพลงปิดท้ายสำหรับช่วงแรก บอกเป็นนัย ๆ ว่าช่วงอุ่นเครื่องหมดไปแล้ว หลังจากนี้กำลังจะเข้าสู่งานฉลองที่แท้จริงแล้ว!
เมื่อหมดจากพายุ เป็นฟ้าหลังฝนก็ต้องมีเพลงปลุกใจกันหน่อย เริ่มกันที่เพลง ‘April Rain’ จากอัลบั้มในชื่อเดียวกัน ก็เรียกได้ว่า เป็นเพลงสร้างชื่อให้ Delain เลยก็ว่าได้ เพราะแค่เริ่มเพลงมาผู้ชมก็พากันร้องตามได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจ สะท้อนให้ผู้คนเชื่อมั่น และเห็นคุณค่าในตัวตนของตัวเอง เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ต้องฟังเลย
เร่งเครื่องเร้าใจกันไปแล้ว ก็ขอเวลาให้ได้พักหายใจกันซักหน่อย ด้วยเสียงบรรเลงเพราะ ๆ เป็น Intro ของเพลงที่เหล่าแฟน ๆ คุ้นเคยกันอย่างดี และเมื่อสิ้นสุดเสียงเพลงออเคสตร้านั้น ก็ได้เวลาเริ่มความมันส์กันอีกครั้งกับ ‘Here Come The Vultures’ เพลงจังหวะดุดัน ที่มีเนื้อร้องและความหมายที่ละเมียดละไมสุด ๆ
ซึ่งในเพลงนี้ Charlotte กลับขึ้นเวทีมาในชุดใหม่ เป็นชุดลูกไม้สีดำ ดูสวยดี แถมยังดูดุดันและอ่อนโยน เข้ากับเพลงอีกด้วย
และก็ต่อกันด้วย ‘Fire With Fire’ เพลงปลุกใจ จังหวะสนุก ๆ ที่แฟนคลับให้การตอบรับดีที่สุดอีกเพลงหนึ่ง พอเพลงนี้ขึ้นผู้ชมทั้งฮอลถึงกับเท้าไม่ติดพื้น ต้องช่วยกันโดด ช่วยกันร้องตามไปพร้อม ๆ กัน
ตัดความสนุกสนานกลับมาที่เพลง ‘The Tragedy Of The Commons’ ที่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างจริงจัง ว่าด้วยเรื่องของโลก และทรัพยากรที่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือมนุษย์
นอกจากเสียงร้องหวาน ๆ ของ Charlotte แล้ว ยังโดดเด่นด้วยเสียงกีตาร์ที่ดุดัน ซึ่งในเพลงนี้ก็เป็นการปรากฏตัวอีกครั้งของ Alissa White-Gluz มาพร้อมกับพลังการสำรากที่โหดเหี้ยมและเสียงร้อง Clean ที่เพราะจับใจ
หมดจากเรื่องซีเรียส ก็เข้าสู่บทเพลงระบำแห่งความตาย ‘Danse Macabre’ เพลงจังหวะเบา ๆ แม้ชื่อเพลงจะไม่สดใส แต่กลับเป็นเพลงที่ให้มุมมองดี ๆ และมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ซึ่งใช้เพื่อเป็นการจบช่วงแรกได้อย่างสวยงาม
หลังจากพาสมาชิกดั้งเดิมหวนขึ้นเวทีแล้วก็ต่อกันด้วยเพลง ‘Your Body Is A Battleground’ ที่ร้องร่วมกับ Marco Hietala ที่จริง ๆก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งวงเช่นกัน ถึงตัวจริงจะมาไม่ได้ แต่ก็ส่งไฟล์ภาพมาแทน ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ
(ในช่วง World Tour นั้น Marco ก็ได้เดินสายร่วมแสดงไปกับ Delain แต่ในงานนี้ตารางเวลาดันทับซ้อนกันเลยทำให้มาร่วมแสดงไม่ได้)
นอกจากนั้นในเพลงนี้ ยังมีเซอร์ไพรซ์เหล่าผู้ชมด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษอย่าง Liv Kristine ขวัญใจเหล่าสาวกเมทัล แห่งวง Leaves' Eyes อีกหนึ่งเทพีในวงการซิมโฟนิกเมทัล ผู้ที่มีพลังเสียงหวานหยาดเยิ้มแบบสุด ๆ มาร่วมร้องประสานไปด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาดูได้ไม่ง่ายเลย
หลังจากต้อนรับบรรดาแขกรับเชิญผู้เป็นผู้มีอุปการคุณต่อวงไปแล้ว ก็ได้เวลาขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเหล่าแฟนคลับด้วย ‘The Gathering’ เพลงรวมพลที่ครองใจผู้ชมมากว่า 10 ปี เล่นเมื่อไหร่ เล่นที่ไหน เล่นกี่ครั้งก็เรียกความสนุกสนานและความอบอุ่นออกมาได้เสมอ และเมื่อเพลงนี้ขึ้นก็เรียกได้ว่าต้องโยก ต้องร้องตามกันทุกคน
พอดูเวลาก็คงเห็นว่าได้เวลเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว จึงส่งท้ายด้วยเพลงที่สะท้อนความสวยงามของโลกใบนี้ ในท่วงทำนองและเนื้อร้องที่กินใจอย่าง ‘Pristine’ ในเพลงนี้ George Oosthoek กลับมาร่วมร้องด้วยเหมือนเช่นเคย ซึ่งเสียงหวาน ๆ ของ Charlotte กับการสำรากของ George ยังเข้ากันได้ดีเสมอ
ทุกคนใส่พลังกันอย่างเต็มที่ในเพลงส่งท้ายนี้ เหมือนเป็นสัญญาณว่างานฉลองนี้กำลังจะต้องเลิกรา หลังจากจบเพลง แสงไฟดับลง ขณะที่เสียงร้องชื่นชมจากผู้ชมดังก้องไปทั้งโถง เราก็ได้ยินเสียง Intro ของเพลง ‘Mother Machine’ ดังขึ้น เหล่าสมาชิกวง Delain กลับขึ้นเวทีกันอีกครั้งหนึ่ง และเริ่มระเบิดพลังกันอีกรอบสำหรับช่วงอังกอร์นี้
จากนั้นก็ต่อด้วย ‘Sing to Me’ จากอัลบั้ม ‘The Human Contradiction’ อีกหนึ่งเพลงฮิตทำนองสนุก ๆ แสนประชดประชัน ที่ร้องร่วมกับ Marco Hietala อีกครั้ง
และสนุกกันต่อด้วยเพลง ‘Don't Let Go’ ซึ่งแม้จะปล่อยพลังออกไปอย่างเต็มที่ในเพลงก่อนหน้านี้แล้ว แต่ Charlotte ก็ยังมีแรงเหลือพาผู้ชมขับพลังเฮือกสุดท้ายออกมา ทั้งกระโดด ร้อง เต้น กันอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากกระโดดโลดเต้นกันหนำใจ และปล่อยพลังกันไปจนสุดแล้ว ก็คงถึงเวลาของการอำลาจริง ๆ แล้ว แต่ก่อนจะจากกันไป ก็เลี้ยงส่งกันด้วยเพลงให้กำลังใจ ความหมายสุดซึ้ง ที่ต้องการสร้างความรักให้แก่คนในสังคมอย่าง ‘We Are The Others’
Charlotte กลับขึ้นเวทีอีกครั้ง ในชุดกระดาษสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของเพลงนี้ ชวนรำลึกถึงวันเวลาเก่า ๆ อีกครั้ง ในเพลงสุดท้ายนี้ก็ได้ความร่วมมือจากผู้ชม ร่วมร้องเพลงไปด้วยกันเหมือนเคย
และไม่ว่างานเลี้ยงใด ๆ ก็ย่อมมีวันเลิกรา หลังจากเพลงจบลง เหล่าสมาชิกวง และบรรดาศิลปินรับเชิญ ออกมารวมตัวกันที่หน้าเวทีอีกครั้งเพื่อกล่าวขอบคุณ พร้อมกับเสียงเพลง 'The Monarch' ที่เปิดเคล้าคลอไปด้วย แล้วคอนเสิร์ต A Decade of DELAIN Live at Paradiso. ในครั้งนี้ก็จบลง พร้อมกับความประทับใจดี ๆ มากมาย
ในเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาทีสำหรับคอนเสิร์ตนี้ครั้งนี้ เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มทุกวินาทีจริง ๆ ตัว Set List ที่เลือกมาก็ถือว่าครบถ้วนทุกอารมณ์ จัดมาเอาใจแฟนคลับทุกยุคเลย แถมพลังงานของสมาชิกแต่ละคนก็ล้นเหลือ ปล่อยของออกมากันได้อย่างน่าชื่นใจ แรงดีไม่มีตก และผู้ชมในงานนี้เองก็น่ารักให้ความร่วมมือดีทุกเพลงเลย
แถมในส่วนของศิลปินรับเชิญนั้นแต่ละคนก็พิเศษจริง ๆ ทุกคนมีความสำคัญต่อวงทั้งสิ้น ในวันที่ยังเป็นวงน้องใหม่ ก็ได้ศิลปินเหล่านี้ล่ะคอยผลักดัน (จริง ๆ ก็มีรุ่นพี่ในวงการอีกมากมายคอยสนับสนุน)
จนในวันนี้ผ่านมากว่า 10 ปี Delain ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าพวกเขาเป็นวงดนตรีคุณภาพอีกวง ถึงแม้จะไม่ได้โด่งดังมาก แต่ก็มีฐานแฟนเพลงเฉพาะกลุ่ม ที่เหนียวแน่นอยู่ทั่วโลก ตัวงานครั้งนี้ถึงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับคอนเสิร์ตวงอื่น ๆ แต่ก็เป็นเสกลงานที่ดูเหมาะกับวง เหมือนเป็นงานที่จัดมาเพื่อร่วมฉลองด้วยกันจริง ๆ รู้สึกสนุกและอบอุ่นมาก
สำหรับเราที่เป็นผู้ชมผ่านทางหน้าจอ ก็บอกได้ว่ารู้สึกประทับใจ กรี๊ดมากกกกกกก ฟินกันไปเลย เพราะใน Set List บังเอิญมีเพลงโปรดของเราอยู่หลายเพลงเลย โดยเฉพาะ ‘Pristine’ เป็นเพลงที่เราชอบมาก และยังเป็นเพลงที่ทำให้หลงรัก Delain ได้หมดใจเลย ทำให้ความฝันที่อยากจะไปดูสดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต้องหาโอกาสไปรับพลังงานดี ๆ แบบนี้ให้ได้ซักครั้งแน่นอน
ดังนั้นขอสรุปคร่าว ๆ คือ
สิ่งที่ประทับใจ
สิ่งที่น่าหงุดหงิด
ร่ายมากันซะยาวเหยียด ก็หวังว่าจะมีคนอ่านจบบ้างเนอะ จริง ๆ ที่ทำเอนทรี่นี้ขึ้นมาเพราะอยากแนะนำและสร้างฐาน Delain ในไทยบ้าง (หาคนที่ชอบวงนี้ด้วยยากจริง ๆ T^T)
สำหรับวันนี้ก็คงพอแค่นี้สำหรับใครที่สนใจ ก็ลองฟังเพลงในคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้ที่ Spotify มีเต็มครบทุกอัลบั้มด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in