Ghostbusters ปี 2016 นี้เป็นภาพยนตร์รีเมคจากต้นฉบับเมื่อปี 1984 ที่เดิมทีจะเดินเรื่องด้วย 4 หนุ่มตัวละครหลัก แนวผจญภัย ไซไฟ มีมุกตลกบ้าง โด่งดังและฮิตมากในสมัยนั้น ขนาดว่ามีภาค2 ออกมาอีกครั้งใน 1989 ก็ยังคงได้รับกระแสด้านบวกอยู่จนปัจจุบันก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ในตำนานขึ้นหิ้งอีกหนึ่งเรื่องเลยล่ะ
เมื่อเป็นของขึ้นหิ้งแน่นอนว่าการรีเมคครั้งนี้ก็โดนโจมตีไปตามระเบียบ ทั้งตัวละครหลักที่ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง เนื้อเรื่องที่แตกต่างไปหรือแม้แต่การทำให้กลายเป็นหนังตลกก็โดนด่าด้วยซะอีก เพราะงั้นในคราวนี้เราจะพูดเหมือนหนังใหม่เรื่องหนึ่งละกัน รวมกับส่วนที่เราประทับใจด้วย (จะเรียกว่าอวยก็ได้) บอกตรงนี้เลยว่าชอบ อิอิ อาจจะมีเปรียบเทียบกับภาคเก่าเล็กน้อย เพื่อให้เห็นถึงความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง
เรื่องราวของ อีริน กิลเบิร์ต (คริสเต็น วิก) นักฟิสิกส์สุดเฉิ่ม กับผองเพื่อนเหล่านักวิทยาศาสตร์ แอบบี้ เยตส์ ( เมเลซซ่า แมคคาร์ธีย์), จิลเลียน โฮลท์ซ์แมน (เคท แมคคินน่อน) และ แพ็ตตี้ ทูลาน (เลสลีย์ โจนส์) พนักงานรถไฟใต้ดิน ที่รวมพลังหญิง จับมือกันร่วมกันล่าผีปราบปีศาจ ในแบบที่มันกระจายไม่แพ้ทีมชายเลยล่ะ
ซึ่งแน่นอนว่าพอตัวละครนำเปลี่ยนจากชายกลายเป็นหญิง หญิงกลายเป็นชายอะไรแบบนี้อารมณ์ของเรื่องมันก็จะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังทำออกมาได้ดียิ่งตัวบทที่ทำออกมาได้ฉลาดและเชยในเวลาเดียวกัน เรารู้สึกว่ามันโอเคมากอ่ะ มันทำให้หนังมีหลายจังหวะ เพราะตัวคอนเซ็ปกับพล็อตแบบนี้ถึงจะไม่ได้มีเยอะแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ดังนั้นการดึงภาพจำจากฉากเก่าๆในภาคเดิมมาทำใหม่ก็ถือว่าเป็นสีสันที่น่าสนใจเพราะคนที่เคยดูในภาคเก่าๆก็จะรู้สึกได้ แต่คนที่ไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อนก็ไม่ได้รู้สึกสะดุดอะไร ลื่นไหลมาก
ห้องเช่าแรกที่สาวๆ ไปดูแล้วอยากได้เป็นสำนักงาน
ก็คือโลเคชั่นของสำนักงานในภาคเก่านั่นเอง
หนุ่ม คริส แฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) ในบท เควิน
เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ที่สำนักงาน คอยโผล่มาสร้างสีสันเรื่อยๆ
เดิมบทนี้ เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์จะเป็น ผู้หญิง
รวมถึงมุกตลกที่ใส่มาแบบไม่ยั้งทั้งตลกเสียดสี ตลกมีชั้นเชิง ตลกบาทสองบาท มาหมดเลยคือนั่งดูนี่ขำตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย (จริงๆนะ สงสัยเส้นตื้น) เรียกได้ว่าตลกทิ้งขว้างมากๆ ส่วนตัวเราว่ามุกตลกที่หลากหลายแบบนี้มันทำให้ไม่น่าเบื่อ ขนาดว่าแทรกมาทุกจังหวะก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เราว่ามันเป็นสีสันได้ดี ทำให้ Ghostbusters เวอร์ชั่นนี้กลายเป็นหนักตลก แฟนตาซีไปซะเลย (ของถนัด ผกก. คนนี้เลย)
ชอบในความเกรียนระเบิดของทีมนักแสดงด้วย 4 สาวนักแสดงนำนี่ตลกหน้าตายจริงๆ ทั้งท่าที การแสดงออก และยังเล่นมุกต่างๆได้อย่างไม่มีเก้อเขิน ชอบความลื่นไหลของบทบางอย่างอาจจะไม่มีที่มาที่ไปบ้าง หรือดูไม่มีเหตุผลบ้าง ก็มองข้ามไปได้ (มีผีโผล่ออกมาลอยเต็มบ้านเต็มเมืองแถมสร้างอุปกรณ์ไฮเทคได้ชั่วข้ามคืน ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมากมายหรอก)
เครื่องตรวจจับพลังงาน P.K.E. Meter รูปจิ๋ม ถือเกว่งไปมาทั้งเรื่อง 555
ในเวอร์ชั่นนี้ต้องยอมรับเลยว่าภาพและ CG ในเรื่องสวยมาก สวยแบบเสียดายมากจริงๆที่ไม่ได้ดู 3D และเราก็ประทับใจเอ็ฟเฟ็คอย่างแรง (เอ็ฟเฟ็คแบบที่ชอบใช้ในหนังเด็กเมื่อก่อน) เราชอบเมือกโง่ๆนั่น เมือกโง่ๆที่ดูเป็นตลกทุนต่ำ เมือกเชยๆนั้นล่ะ เรากรี๊ดมาก บวกกับเอ็ฟเฟ็คผีโปร่งแสงที่ 10 ปีที่แล้วทำได้ยังไง ในหนังก็ทำยังงั้นล่ะ (เพิ่มเติมคือคมชัดขึ้น) จุดนี้เราว่ามันทำให้อรรถรสในการดูหนังแฟนตาซีผีๆมันมีมากขึ้น เพราะมันดูเป็นของคุ้นเคยล่ะมั๊ง 55555
ภาคแรกเปิดเรื่องกันแบบเงียบๆเพราะอยู่ในห้องสมุด แต่ภาคนี้เปิดมาก็เล่นอ้วกกันเลย
เมืออออกกกก วู้วววว ~ ~ ~~~~~~
ชื่นชมในไอเดียการคิดใหม่หรือปรับใช้อะไรหลายๆอย่างจากภาคเก่าๆ แถมยังแอบแทรกนักแสดงและผีจากภาคเก่ามาอีกเพียบตลอดทั้งเรื่องเลย (ส่วนตัวเราอ่ะชอบนะแต่เหล่าแฟนคลับจะปลื้มมั้ยก็ไม่รู้ล่ะ) เราชอบการคิดตัวละครหลักใหม่คือคอนเซ็ปของบางตัวอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ด้วยรูปแบบที่มองเห็นแต่ละตัวก็ยังคล้ายเดิม
ชอบที่มีผีจากภาคเก่าๆโผล่มาเป็นสีสัน ถึงบทบาทของบางตัวจะเพิ่มลดต่างกันไป แต่ก็ยังดีที่ยังมีอยู่ เพราะจริงๆแล้วหนึ่งในซิกเนเจอร์ของ Ghostbusters ส่วนหนึ่งก็คือผีพวกนี้เอง
Ecto-1 กลับมาอีกครั้ง แต่ในคราวนี้จากรถพยาบาล
เปลี่ยนเป็นรถขนศพ ขำและเท่ในเวลาเดียวกัน
ผีลูกสาวพ่อไม่รักทำให้นึกถึงผียายแก่
เปิดเรื่องในพิพิธภัณฑ์ที่มีผีอยู่ บรรยากาศคล้ายกับภาคแรกที่เปิดเรื่องในห้องสมุด
ผีในทางรถไฟ ชวนให้นึกถึง
ผีรถไฟจากภาค 2 รวมกับ ผีเก้าอี้ไฟฟ้าพี่น้อง นันซิโอ และ โทนี่
ผีเมย์แฮมชาวร็อค ชวนให้นึกถึงเจ้าสุนัขรับใช้ของ โกเซอร์ จากภาคแรก
สไลเมอร์ เป็นซิกเนเจอร์ของทั้งภาพยนตร์และการ์ตูน แต่ไร้ซึ่งที่มาที่ไปสุดๆ
มาชเมลโลวแมน บอสใหญ่จากภาคเก่า โผล่มาให้หายคิดถึงกันนิดๆ
บิล เมอเรย์ (Bill Murray) กลับมารับบทเป็น มาร์ติน ไฮส์ส์ ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณเลย
เป็นคาร์แรคเตอร์ตรงข้ามกับในภาคก่อนมากๆ
เดน แอกรอยด์ (Dan Aykroyd) โผล่มาเป็นลุงขับแท็กซี่ผู้ไม่กลัวผี
เออร์นีย์ ฮัดสัน (Ernie Hudson) กลับมารับบทเป็นลุงของ แพ็ตตี้
เอนนี่ พ็อตส์ (Annie Potts) จากพนักงานรับโทรศัพท์หน้าซังกะตาย
กลับมารอบนี้อยู่ที่เคาท์เตอร์โรงแรม คุยโทรศัพท์ได้อย่างฉะฉาน
ซิกอนีย์ เวฟเวอร์ (Sigourney Weaver) โผล่มาแรกเสียงฮือฮาในตอนท้าย
เป็นที่ปรึกษาของ ดร.โฮลท์ซ์แมน
ถ้าจะให้สรุปถึง Ghostbusters ปี 2016 นี้ก็ไม่ใช่หนังห่วยอะไรนักหรอก เอาเป็นว่าดูเอาสนุก เพื่อความบันเทิง ไม่ผิดหวังหรอก เราเองก็เคยดู Ghostbusters มาทุกภาค แต่อาจจะไม่ได้อยู่ในยุคที่สัมผัสได้ถึงความปังรึป่าวก็ไม่ทราบ เราว่าเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้กลมกล่อมดี ทั้งภาพ CG เพลงประกอบทุกอย่างก็โดนใจวัยรุ่น 20 ขวบต้นๆอยู่นะ ดูได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย (พวกมุกคำพูดถือว่าคลีนมาก)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in