ตอนนี้ย้ายโรงเรียนฝึกสอนล่ะ เหตุผลก็หลายอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือ ที่นี่ใกล้มหาวิทยาลัยของเรา เทอมนี้เรากลับมหาวิทยาลัยทุกอาทิตย์ เข้าหาอาจารย์วิจัยจนแบบ ล่มแผนวิจัยหลายรอบมาก ล่มจนแบบ จะจบไหม... เรามีเวลาวิ่งทำทุกอย่างที่มหาวิทยาลัยแค่ 3 คืนเท่านั้น ดูท่าว่าจะเยอะ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ระยะเวลา 4 วัน 3 คืนมันน้อยมากกับการค้นและปรึกษาวิจัย
ทุกครั้งที่เรากลับมาที่โรงเรียนฝึกสอน เราจะรู้สึกหน่วง ๆ ตลอด เพราะจิตใจเราอยู่มหาลัย เหมือนว่าทุกอย่างยังไม่เสร็จ ยังไม่เคลีย แล้วกลับมาทั้ง ๆ ที่ค้าง ๆ คาๆ อยู่แบบนั้น
เราจะกลับมาวันอาทิตย์ในช่วงบ่ายเสมอ เมื่อมาถึงที่ฝึกสอน จากที่เวลาเราอยู่มหาลัย เราเป็นไคโนะที่เป็นผู้ใหญ่มาก วางตารางชีวิตดีมาก ตื่นเช้าตี 5 นั่งทำงาน จิบกาแฟ กินขนมปัง ออกไปยิมตอน 7 โมงเช้า
ทำอะไรก็ดีมาก ดีจนคิดว่า อ่าาาาา ฉันก็เป็นผู้นำได้นินา แต่พอกลับมาที่นี่ เราไม่รู้ว่ามีอาถรรพ์อะไรกับที่นี่หรือเปล่า แต่เราจะรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เราจะรู้สึกว่าอันนี้ก็ไม่อยากทำ อันนั้นก็ไม่อยากจะทำ อยากจะกลับมหาลัยอย่างเดียว เดิน ๆ อึน ๆ เข้าบ้าน เอาผ้าไปซัก บางทีก็ไปซักแบบงง ๆ ว่า เอ๊ะ! ฉันมาทำอะไรที่นี่
เรียกได้ว่าอยู่ในสถานะไร้สติโดยสิ้นเชิง
แถมมาอยู่ที่นี่ ข้างบ้านเราเป็นรุ่นน้อง และเมทเราก็เป็นน้องเรา นั่นหมายความว่าเราเป็นพี่ใหญ่สุด... ในความรู้สึก พี่ใหญ่สุดจะต้องเป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งพิงแก่น้อง ๆ ... แต่เปล่าเลย... เราพึ่งน้องทั้ง 3 เยอะมาก อย่างเมท เราก็พึ่งตรงที่ว่า เราเข้าไปขอนอนด้วยบ่อยมาก เพราะเรากลัวการนอนคนเดียว และเราไม่อยากจะเปิดไฟนอน เพราะมันแยงตาซะเหลือเกิน...เวลาที่รู้สึกไม่ดีอะไร ก็จะไปบ่นกับเมท ก็จะขอเมทนอนด้วยตลอด เวลาที่จำตารางงาน หรือตารางอะไรไม่ได้ ก็จะวิ่งไปหาเมท
น้องสาขาอื่นข้างบ้านอีก 2 คน เราก็พึ่ง พึ่งจนบางทียังคิดเลยว่า น้องคงผิดหวังในตัวเราน่าดู ก่อนหน้านี้น้องคงคิดว่า เออ อุ่นใจ มีพี่อยู่ข้างบ้าน... เราพึ่งน้อง ๆ บ่อยมากนะ ทั้งเรื่องขับรถ ทั้งเรื่องข้าว เรื่องอาหารการกิน เรื่องการปรับตัว เรื่องยิม เรื่องกล้อง เรื่องห้าง เรื่องมอไซ เรื่องปัญหาชีวิต เรื่องความจำที่ตื่นมาจะจำอะไรไม่ค่อยได้ สารพัดจะเรียกใช้ เหมือนน้อง ๆ เป็น One Stop Service
ถามว่าเรามองตัวเองกลับมายังไง?
เราผิดหวังในตัวเองนะ ไม่ใช่ว่าเราไม่ผิดหวัง
เราผิดหวังที่เราเป็นแบบนี้ให้น้อง ๆ เห็น มันไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้ ซึ่งเราก็คิดกลับไปกลับมาเสมอว่า นี่เราเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ? นี่มันตัวตนของเราจริง ๆ เหรอ? เราไม่เคยเป็นแบบนี้นินา อยู่มหาลัยเราเป็นที่พึ่งให้ทุกคนได้ อยู่ญี่ปุ่นเราแนะนำอะไรทุกคนได้ เราวิ่งงานให้ทุกคนได้....
แต่ทำไมพออยู่ที่นี่เรากลับกลายเป็นอีกคน...
เป็นใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จัก
นี่มีไคโนะที่อ่อนแอแบบนี้ซ่อนอยู่ในตัวเราด้วยเหรอเนี่ย
เราจะกลับห้องมาร้องไห้เงียบ ๆ "แทบ" ทุกครั้งที่โดนน้อง ๆ ตำหนิกลับมา (ซึ่งน้องก็รู้ด้วยว่าเราร้องไห้)
เราคิดว่าเราไม่สมกับเป็นพี่เลย...
เหมือนเราเป็นน้องของทุกคน ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่...
แต่การโดนตำหนิแรง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ก่อผลดีอะไร เราเป็นพวกเกลียดความพ่ายแพ้ เราจำได้เสมอว่าทุกเรื่องที่เราโดนน้อง ๆ ตำหนิ จะเป็นครั้งแรกสำหรับเราทั้งนั้นที่เราพลาด และเราจะจำไว้เสมอว่า โอเค ถ้ามีรอบที่ 2 เราจะไม่พลาดอีก หรือถ้าพลาดรอบที่ 2 รอบที่ 3 เราจะไม่พลาดอีก อาจจะมีบางเรื่องที่ห้ามยังไงเราก็จะไม่ฟัง อย่างเช่นเรื่องกาแฟ... แต่ตอนนี้เราโอเคขึ้นแล้วล่ะ เรารู้ลิมิตตัวเองกับกาแฟแล้วล่ะ
หลังจากนี้มีเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน ก็จะฝึกสอนจบ ทุกอย่างก็จะจบ และเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกับน้องทั้ง 3 อีกไหม เพราะเราถอยห่างออกมาจากวงการศึกษาแล้ว เราเบนเข็มไปด้านอื่นแล้ว อย่างเมท เราอาจจะได้เจอกันบ้าง เพราะอยู่สายญี่ปุ่นด้วยกัน แต่กับน้องข้างบ้าน 2 คน ไม่รู้ว่าฝึกสอนเสร็จจะได้เจอกันอยู่ไหม นอกจากใน Facebook ... ตอนนี้ก็เลยคิดว่า จะพยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น จะทำให้น้องทั้ง 3 เห็นว่า ไม่ต้องห่วงเราแล้วนะ เราเป็นพี่ และเราก็คือพี่ ไม่ต้องคิดว่าเราเป็นน้องเล็กสุดของบ้านแล้วนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ดูแลเรามาจนถึงตอนนี้ หลังจากนี้ ไม่ต้องห่วงเราแล้วนะ คอยดูเราอยู่ห่าง ๆ ก็พอ....
ตามติดชีวิตฝึกสอน : เป็นพี่ แต่ทำตัวเหมือนน้อง
161201
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in