งานก็ต้องทำให้ได้ดีเรียนก็ต้องทำให้ได้เกรดเอ
ดังนั้น มันเลยเป็นอะไรที่เครียดกับเรามาก
ทั้งภาระที่รับผิดชอบเยอะ ทั้งเวลาที่แทบไม่พอในแต่ละวัน
ถ้าอยากได้เกรดเอ เราต้องตั้งใจเรียน
เราต้องหาเวลามาอ่านหนังสือให้เป๊ะๆ
แม้หมอจะแนะนำว่า อย่าหักโหมกับตัวเองมากไป
แต่เราก็ยังมีพฤติกรรมแอบฝืนทำงานหนักอยู่ดี
จนกระทั่งอาการแพนิค หรือวิตกกังวลมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
----------------------------
มีครั้งหนึ่งอยู่ดีๆ ตอนนั่งรถกลับบ้าน ก็ใจสั่น มือสั่น ตัวสั่น
หายใจลำบาก
ตอนนั้นคิดเลยนะว่า จะไปโรงพยาบาลหรือกลับบ้านดี
แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า...
ถ้ามันจะต้องตาย ขอกลับไปเจอหน้าพ่อหน้าแม่สักครั้งจะดีกว่า
เลยอดทนนั่งรถไปถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่มได้
แต่พอกลับมาถึงบ้าน เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก
อาการแพนิคที่เจอมันหายไปเลย
ความรู้สึกเหมือนคำแก้วในเรื่องนาคี
ที่ดิ้นทุรนทุรายเวลาโดนของ
พอวิ่งไปถึงเทวาลัยก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง
----------------------------
ก็แปลกดีนะ...
แต่จริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกค่ะ
มันเป็นอาการของพวกโรควิตกกังวล
ที่มันสามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และจะหายไปเองหลังจากผ่านไป 30 นาที - 1 ชั่วโมง
และถ้ายิ่งมีตัวกระตุ้นอย่างเช่น คาเฟอีน ความเครียด พักผ่อนน้อย ยิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย
หลังจากวันนั้น เราเลยเลื่อนนัดหมอให้เร็วขึ้นเพราะอาการไม่ค่อยจะดี
หมอเลยให้คำแนะนำมาว่า
"ช่างมันเถอะ"
ใช่... อย่าไปซีเรียสอะไรกับมันมาก
ความกลัวจะยิ่งทำให้อาการวิตกกังวลเรารุนแรงมากขึ้น
สมองได้ถูกสั่งการว่าเหมือนมีเรื่องไม่ปกติ
(แม้ว่าจริงๆ ไม่มีอะไรเลย)
มันก็จะส่งคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อให้บีบตัว หัวใจเต้นแรง
วิธีการแก้ก็คือ เราต้องพยายามบอกสมองว่า
"ฉันไม่เป็นอะไร"
รวมถึงเรื่องอื่นด้วย คิดว่า "ช่างมันบ้าง" ก็ไม่เสียหายอะไร
มนุษย์เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแต่ไหนแต่ไร
แม้แต่แขน ขา แต่ละข้างของเรายังไม่เท่ากันเลย
ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติบ้าง
----------------------------
หลังจากวันนั้น เราเลยจริงจังที่จะรักษาอาการตัวเองมากขึ้้น
โดยเริ่มจากช่างแม่งก่อน
วันเสาร์ก็ไปเรียนตามปกติ
เพื่อน:"แกๆๆ ทำการบ้านที่อ.สั่งหรือยัง"
เรา: "การบ้านที่เขาแค่ให้ไปคิดล่วงหน้ามาเฉยๆ น่ะเหรอ"
เพื่อน: "ใช่ๆ"
เรา: "ยังไม่ทำเลย เขาไม่ได้บังคับว่าต้องส่งนิ ช่างมันเถอะ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in