เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มีธีสิสมาเล่าAmpha Watthawarikun
ว่าด้วยหัวข้อที่ทำ
  • เกริ่นเล็กน้อย บล็อกที่คุณอ่านอยู่นี้คือวิธีการทำธีสิสของนิสิตเอกวรรณกรรมสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ล้มลุกคลุกคลานจนร่ำไห้ไม่ออก เพราะเดี๋ยวงานจะออกมาไม่ทันด้วย


    สำหรับธิสิสของเอกนี้จะเป็นงานที่เกี่ยวกับเด็ก รูปแบบงานที่เราทำคือวรรณกรรมเยาวชน แต่กว่าจะมาเป็นรูปแบบนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะ


    (พระเอกของเรื่องที่ออกมาแต่มือ)


    แต่บทที่หนึ่งนี้จะพูดถึงการคิดหัวข้อก่อน ซึ่งสะดุดก้อนหินก้อนแรกตั้งแต่ขั้นตอนนี้เลย


    ความผิดพลาดแรกที่เกิดขึ้นตอนทำธีสิสคือการพบภายหลังว่าตัวเองไม่ได้อยากทำธีสิสหัวข้อนี้จริง ๆ แต่มาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับ และก็ยังมีอีกเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง ที่ผ่านมาเวลาเจอคนบ่นว่าทำธีสิสไม่ไหว จะคิดเสมอว่าทำไม ในเมื่อเลือกธีสิสที่จะทำเอง ความอยากที่จะทำน่าจะช่วยส่งแท้ ๆ จนมาเจอกับตัวนี่แหละ 


    เราทำธีสิสเกี่ยวกับการก้าวผ่านความสูญเสีย ซึ่งคือหนึ่งในหัวข้อธีสิสยอดนิยมที่มีคนทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะไม่ได้แปลกใหม่ จึงใส่ตัวของตัวเองลงไปเพื่อความแตกต่าง คือความเชื่อ เราไม่นับถือศาสนา และไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ที่ผ่านมาจากสังเกตว่าเรื่องเกี่ยวกับการก้าวผ่านความสูญเสีย หลายครั้งที่ศาสนาและความเชื่อช่วยในการก้าวผ่าน เคยอ่านนิทานที่เป็นธีสิสของรุ่นพี่คนหนึ่ง ว่าด้วยเด็กชายที่เสียแม่ไป ก่อนออกเดินทางไปพบแม่บนดวงจันทร์ ซึ่งเราไม่รู้สึกร่วม เราไม่รู้สึกอะไรกับการที่บอกว่าคนที่ตายไปอยู่สวรรค์แล้ว เขาเฝ้าดูเราอยู่ วันหนึ่งเราจะได้ไปพบเขา เราไม่เชื่อเรื่องนี้ ตัวเอกของเรื่องที่เราทำก็เลยเป็นคนที่จะก้าวผ่านความสูญเสียโดยที่คำปลอบโยนเหล่านี้ช่วยไม่ได้


    จริง ๆ ตอนแรกเราไม่อยากทำอะไรที่ชวนเศร้าแบบนี้หรอก อยากทำอะไรที่เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ หรือเรื่องพิลึกกึกกือมากกว่า ซึ่งยากที่จะทำเมื่อต้องคำนึงถึงสิ่งที่ผู้รับสารจะได้รับจากเรื่องพวกนี้ รวมทั้งช่วงที่ผ่านมา บ้านเราเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง คนรุ่นปู่ย่าตายายเริ่มทยอยกันเสียชีวิต พี่เรามีลูก พ่อแม่เราก็เลยเป็นปู่ย่า รุ่นเก่าจากไปรุ่นใหม่เกิดมา นี่แปลว่ารุ่นต่อไปที่จะเริ่มป่วยออด ๆ แอด ๆ คือพ่อแม่เรา


    การที่คนแก่ ๆ จากไปตามอายุขัยไม่น่าเศร้าหรอก แต่นั่นเพราะเราไม่ได้สนิทกับปู่ย่าตายายมากด้วย กับพ่อแม่ย่อมต่างออกไป


    แต่เรายังเหมือนติดอยู่ในเมื่อวาน ยังเป็นเด็กที่ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับวันที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พูดตามตรงคืองานชิ้นนี้ไม่ใช่งานที่เราอยากทำนัก แต่คืองานที่เราต้องทำเพื่อเตรียมพร้อมให้กับตัวเองในอนาคต เพื่อปลอบตัวเองในวันที่ต้องมาถึง


    ปัญหาหลังจากที่คิดหัวข้อข้างต้นได้คือการค้นคว้าข้อมูลเพิ่ม คีย์เวิร์คของเราคือ ความตายและศาสนา เกี่ยวกับความตายไม่มีปัญหา แต่กับศาสนามีเยอะ เนื่องจากเราไม่ได้นับถือศาสนา เวลาอ่านอะไรที่นำเสนอในทางที่ศาสนาหรือพระเจ้าช่วยพวกเขาจึงทำให้เรารู้สึกร่วมไม่ได้ เมื่อนำเสนอความก้าวหน้าเลยถูกติว่าหาข้อมูลด้านศาสนาน้อยเกินไปพอพยายามหาเพิ่ม พูดเลยว่าทรมานมาก เพราะหนึ่ง ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำความเข้าใจนัก เราผ่านจุดที่นับถือและเลิกนับถือไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัว สอง เนื้อเรื่องที่เราวางไว้ไม่ได้แตะศาสนามากนัก เกินความจำเป็นกับเนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าการมีข้อมูลรอบด้านดีกว่า สุดท้ายฝืนตัวเองไปไม่น้อยเพื่อที่จะพบว่าเวลาทำงานจริงไม่ได้ใช้ข้อมูลพวกนี้มากนัก


    ที่เขาพูด 'เหลือดีกว่าขาด' ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะที่มีเหลือนอกจากข้อมูลก็เป็นความเหนื่อยล้า ในแง่คนทำงานไม่สนุกเลย แต่ในฐานะคนชอบอ่านถือว่าไม่เลวนัก การอ่านหนังสือประเภทที่ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่าน ขั้นตอนการทำงานครั้งนี้ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง


    สำหรับรูปแบบธีสิสเรื่องนี้ เดิมเราจะทำเป็นกราฟิกโนเวล เพราะชีวิตนี้ไม่น่ามีโอกาสได้ทำ ซึ่งเราคิดถูก อย่างน้อยในชีวิตนิสิตนี้ไม่มีโอกาสได้ทำกราฟิกโนเวลจริง ๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in