9 กันยายน
วันนี้ตอนเช้าเราไปถอนเงินมาเข้าBoA(Bank of America)เพิ่มเพื่อที่จะมาจ่ายค่าประกันค่ะ
ด้วยความที่ว่าเด็กExchangeทุกคนปีนี้ จะต้องซื้อประกันของทางDartmouthเท่านั้น(ได้ยินว่ามีปีก่อนซื้อจากเจ้าอื่นได้แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้แล้ว) ราคาตอนแรกที่ได้รับแจ้งจะอยู่ประมาณพันกว่าเหรียญต่อเทอม
นี่ก็แอบแปลกใจว่าทำไมในบัญชีถึงคิดค่าประกันเราแค่6ร้อยกว่าเหรียญเอง...หรือมันมีสองยอดหรือไร
หรือว่ามันแล้วแต่เคส อย่างเราอาจจะฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันไรพวกนี้ครบแล้วก็เลยไม่ต้องซื้อประกันส่วนนั้นรึเปล่า สงสัยต้องรอดูอีกทีว่ามันจะคิดเราเพิ่มมั้ย
แหม ตอนแรกเห็นไม่ชาร์จเข้ามาก็ว่าจะเนียนๆไม่ซื้อประกันได้แล้วเชียว ชิ
จากนั้นก็เดินไปซื้อกาต้มน้ำร้อนที่True valueที่เป็นร้านขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเมือง
เดินหาHeaterไปด้วยเพราะหลังจากถามOfficeหอมา ได้ความว่าไม่มีเปิดHeaterหน้าFallนะจ้ะนายจ๋า
ไอเราก็ขี้ร้อนนนนนนนเหอะ
ก็เลยสั่งในAmazonไปตามระเบียบ ส่งฟรีด้วยแหละ อิๆ
เอามาใช้แก้ขัด เดี๋ยวจะหนาวตายซะ
ตอนบ่ายลองไปเข้าsessionที่พูดถึงเรื่องSocial security cardของน้องปี1ค่ะ ทีนี้เขาก็แนะนำให้น้องๆมีเจ้าตัวบัตรนี้กันเผื่อเอาไว้ใช้จ่ายอะไรหนักๆ แต่การที่จะมีบัตรตัวนี้ได้ก็มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีงานทำที่Dartmouthก่อนเท่านั้นนะคะ
http://oracle-www.dartmouth.edu/dart/groucho/darthr.dc_jobnet_web.open_jobnet
จะลองส่องงานดูก็ได้ แต่เข้าใจว่านักเรียนแลกเปลี่ยนJ-1จะไม่สามารถทำงานได้นะ
มิ่งก็ไม่กะจะขออยู่ละ เพราะไม่ได้อยู่นานและไม่ได้ใช้ซื้อของอะไรชิ้นใหญ่ๆเท่าไหร่ ทำเรื่องยุ่งยากพอควร ต้องวิ่งไปสองสามOfficeแหน่ะ จะย้ายงานก็ต้องไปทำเรื่องใหม่อีก โว้ะ อิหยัง
พอจบSessionก็เป็นเวลาของMentor sessionที่จะมานั่งตั้งวงคุยกันเรื่องจิปาถะถึงคำแนะนำการใช้ชีวิตในมหาลัย
น้องๆดูตั้งคำถามได้มีสาระกันจังค่ะ ทั้งในเรื่อง Racism/ Imposter Syndrome/Hookup club ส่วนMentorที่เป็นคนแนะนำก็ตอบได้มีวุฒิภาวะสูงเหมือนกัน เก่งๆ
มิ่งก็พยายามทำตัวเป็นคนแก่ที่ดี ช่วยเสริมให้คำแนะนำเรื่องImposterไปนิดหน่อยจากประสบการณ์ตรงที่ทำตุสติแตกไปตอนเมื่อปี2 ปี3 แต่ก็ยอมรับนะว่าตอนนี้ก็ยังแก้ไม่หาย ถถถถ
อย่างแม้แต่ตอนเลือกวิชาเรียนงี้ก็พยายามไปเลือกเจ้าตัววิชาที่มันแปลกๆที่ไม่ใช่ฟิลด์ตัวเองเพราะคิดว่าเราไม่เก่งในการทำงานในฟิลด์นี้ของตัวเองเลย มีคนอื่นเก่งกว่าอีกมากแล้วก็เป็นฟิลด์ที่ใครๆก็ทำได้ดีกว่าเรา
“ใครล่ะที่ทำได้?” ใครซักคนถามมิ่งกลับ
“ก็นักวิทยาศาสตร์ที่CERNไง”
...
เออ...บางทีก็ตะหงิดใจกับคำตอบตัวเองนิดๆ
จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรับมือให้ได้แค่ในตอนเรียนนะ ไอการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเนี่ย ตอนทำงานคิดว่าก็น่าจะเจอเหมือนกัน ตราบใดที่ยังหาจุดยืนของตัวเองไม่เจอ
วิธีแก้ตอนนั้น(นอกจากการหาซื้อหนังสือยูนิคอร์นมาอ่าน)ก็คือการถามตัวเองว่า “ตัวเองอยากจะทำอะไรและตัวเองต้องการอะไรกันแน่”
คำตอบของมิ่งคือ “อยากนอน”
แล้วทุกอย่างก็จบค่ะ
แบบเลิกเครียดเลิกสติแตก เลิกทุกอย่างเลย เพราะตกลงปลงใจกับตัวเองได้ว่า อืม เราอยากนอน
-เราอยากนอน เราต้องได้นอน-
คือข้อคิดเตือนใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เพื่อนจะอ่านหนังสือ จะฟาร์มคอร์สออนไลน์ จะอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง จะทำกิจกรรม หาเพื่อนสังสรรค์เข้าสังคมอะไร ช่างมัน
ตุจะนอน ...โอเคนะ... อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่อดหลับอดนอนจนเจ็บป่วย เครียดขึ้นสมอง
แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมิ่งจะได้นอนทั้งวันทั้งคืนอย่างที่ตั้งใจไว้เลย สุดท้ายก็หาเรื่องใส่ตัวให้เอาโปรเจคนู้นนี่เข้ามาทำอยู่ดี ช่างหัวการหาทางเป็นตัวเองที่ดีขึ้น “ทำไปก่อน คิดทีหลัง” เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละ มั้ง
ออ กลับมาๆๆๆ
หลังจากจบSessionตั้งวงคุย พวกน้องปี1ก็มีทัวร์ยิมกันค่ะ เราที่ว่าจะไปออกกำลังกายพอดีถึงกับชะงัก แหม มันก็เขิลๆเหมือนกันนะ
สุดท้ายก็ตัดใจไปวิ่งที่ยิมจนได้ เห็นกลุ่มที่มาทัวร์เหมือนกัน แต่มีแต่เด็กผู้ชายทั้งนั้นเลย
เด็กผู้หญิงหายจัอยยย
ปากก็บ่นว่าน้ำหนักขึ้น(เพราะคุ้กกี้ คุ้กกี้ที่นี่อร่อยมากค่ะทุกคน เป็นที่เลื่องชื่อในหมู่เด็กใหม่สุดๆ)แต่ก็กลับไปนอน5555
ระหว่างทางกลับก็สดชื่นอารมณ์ดี ถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย
วันนี้กินสลัดทั้งเช้า กลางวัน เย็นเลย รู้สึกเฮลตี้ คุณภาพชีวิตดี้ยดี
ตอนกลางคืนเอาเจ้าฟูกฟองน้ำที่ซื้อมารองใต้เตียงออกค่ะ ตอนแรกซื้อมาเพราะเห็นในVlogนร.ที่นี่ซื้อกันทุกคนเลย บอกว่าทำให้เตียงนุ่มขึ้น ไอเราก็กลัว เห้ย เตียงมันแข็งขนาดนั้นเลยเหรอ
สุดท้ายมาลองนอนจริง ...มันก็นุ่มกว่าที่เตียงCERNอ่ะนะ
พอใส่ฟองน้ำก็กลายเป็นว่านุ่มไปจนปวดหลัง ก็เลยอยู่ตัวตรงที่เอาฟองน้ำออกแล้วนอนธรรมดาๆนี่แหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in