เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
THE REAL ALASKA อลาสก้าล้านเปอร์เซ็นต์SALMONBOOKS
คำนำ



  • เราไม่เคยไปอลาสก้า

    พูดให้ถูก เราแทบไม่เคยไปไหนไกลเกินกว่ารัชดาซอยสาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักพิมพ์แซลมอนได้ไกลเกินรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตร หรือถ้าคิดจะหนีห่างก็มีอันต้องพาตัวกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์ อย่าว่าแต่อลาสก้าเลย แค่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองเรายังไม่มีปัญญา 

    ทันทีที่รู้ว่า ธนชาติ ศิริภัทราชัย ดอดหนีไปอลาสก้าเราจึงรู้สึกอิจฉาร้อยเปอร์เซ็นต์

    คนอะไรใช้ชีวิตอยู่ในมหานครแห่งแสงสีจนเบื่อหน่ายก็มีดินแดนที่กว้างใหญ่อุดมไปด้วยธรรมชาติอ้าแขนรอให้บินไปหา แล้วพูดมาได้ว่าไปเพราะหนีร้อนในนิวยอร์ก ดูเมืองไทยบ้างมั้ยว่าระอุขนาดไหน!?

    ขีดความอิจฉาของเราพุ่งขึ้นไปอีกหลายเปอร์เซ็นต์

    เป็นธรรมดาของจินตนาการที่มักจะคิดไปไกลว่าสิ่งสิ่งนั้นต้องมีอะไรมากระทบใจเราแน่ๆ แต่เอาเข้าจริง มันก็จะมีบางอย่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามภาพที่อยู่ในหัวเราได้

    ธนชาติบอกว่าอลาสก้าของเขาต่างจากที่เราคิด 

    อย่างแรกเลยคือ เขาบอกว่าการออกเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพักผ่อนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพื่อให้ตัวเองได้หลบหนีจากมุมเมือง หลีกหนีความวุ่นวาย พาตัวเองออกจากเมืองหลากสีมายังเมืองที่มีโทนสีไม่กี่แบบดูบ้าง

    อย่างที่สอง การคาดหวังว่าอลาสก้าของเขาจะหนาวในระดับที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะ คิดว่าเช็กอุณหภูมิแล้วเจออากาศติดลบเป็นอะไรที่ฝันเฟื่อง เพราะเขาไปตอนฤดูร้อน ตอนกลางวันอุณหภูมิก็ 25 องศาฯ ตกกลางคืนก็แค่ลดเหลือเลขหลักเดียว เขาได้แต่นอนสั่นสะท้านอยู่ในเต็นท์จนรุ่งสางเท่านั้นเอง (…แล้วมันไม่หนาวตรงไหน)

    อย่างที่สาม การเจอหมีขาวไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเอาเข้าจริงหมีที่เป็นจุดขายของอลาสก้าคือหมีกริซลีย์ต่างหาก

    อย่างที่สี่ อลาสก้าไม่ได้ออกเสียงว่าอลาสก้า แต่ดูปากธนชาตินะครับว่า “อะ-แลส-ก้า”

    อย่างที่ห้า... เรายกแขนขึ้นห้าม บอกว่าถ้าจะไล่ยาวขนาดนี้ ช่วยไปเขียนหนังสือมาให้อ่านเถอะ ต่อให้อธิบายลากยาวขนาดไหน จินตนาการของเราก็เตลิดไปเกินกว่าสิ่งที่เขาพูด แถมฟังมากๆ ก็จะเกิดความคาดหวังว่าอลาสก้ามันสวยงามและวิลิศมาหราจนกลัวว่าถ้าวันหนึ่งมีปัญญาไปแล้วจะผิดหวัง

    ต้นฉบับชิ้นนี้ช่วยปรับทัศนคติที่เกี่ยวกับอลาสก้าของเราให้ไปในทางเดียวกัน 

    The Real Alaska เป็นอย่างไรเราเริ่มเห็นภาพมารางๆ และไม่ว่าจะออกเสียงอะแลสก้า อลัสก้า หรืออลาสก้ามันก็เป็นที่เดียวกัน—ที่ที่เราอยากไปล้านเปอร์เซ็นต์

    ปรับสภาพร่างกายให้พร้อมสัมผัสประสบการณ์เย็นยะเยือก ด้วยการคลิกอ่านเรื่องราว -21 องศาฯ จากการเดินทางไปอลาสก้าครั้งแรกของธนชาติได้ที่ min.ms/als/zero



  • ตีสองครึ่ง
    เสียงบันไดเลื่อนในสนามบินมินนิอาโปลิสดังขับกล่อมผมอย่างต่อเนื่อง 
    เป็นเสียงที่ไม่ไพเราะเท่าไร แต่ก็เป็นเสียงเดียวที่ผมได้ยินในตอนนี้ 
    การพยายามข่มตาหลับครั้งที่สิบสองของผมยังคงล้มเหลว

    ผมผลักตัวเองขึ้นนั่ง เก้าอี้แถวตรงข้ามว่างเปล่าไร้ผู้คน—เช่นเดียวกับสภาพในสนามบินเล็กๆ แห่งนี้

    ไกลออกไปมีลุงหมวกสีน้ำตาลคนหนึ่งนอนเหยียดยาวอยู่ลิบๆ
    จำได้ว่า ผมเห็นแกบนเครื่องที่มาจากนิวยอร์ก
    คงรอเปลี่ยนเครื่องลำเดียวกัน
    ผมกล่าวทักทายลุงเพื่อนร่วมทางในใจ
    ตอนนี้เราอาจเป็นสิ่งมีชีวิตแค่สองหน่วยในระยะหนึ่งตารางกิโลเมตร

    ตั๋วไปอลาสก้าบอกเวลาขึ้นเครื่องตอนสิบโมง
    ผมต้องรอเคว้งอีกตั้งเจ็ดชั่วโมงกว่า
    สายการบินราคาประหยัดก็แบบนี้
    เสียเงินน้อยลง เสียเวลามากขึ้น

    เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ 
    ‘I will try to understand’ ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
    ผมอ่านผ่านท่ามกลางความเงียบงัน 
    ก่อนจะปิดเครื่องแล้วสอดมันเก็บไว้ที่ช่องด้านหน้าของกระเป้าเป้
    โทรศัพท์ไหลลงไปกระทบซองสีน้ำตาลยับๆ ด้านใน 
    ผมหัวเราะขื่นๆ กับตัวเอง
    ซองขาวไม่เห็นจะเป็นสีขาวแบบที่เราเห็นในหนังเลย

    ช่วงหนึ่งเดือนมานี้ ชีวิตผมเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง 
    ความคิด ทัศนคติ ตัวตน การงาน บรรยากาศ คนรอบกาย และคนข้างๆ
    ชีวิตของผมตอนนี้เหมือนอยู่ในสายรุ้ง
    สายรุ้งที่หมุนติ้วๆ บนหน้าจอเครื่องแมค
    ไม่รู้ว่ามันจะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่เองได้มั้ย
    หรือต้องยอมกลับไปนับหนึ่งกันอีกครั้ง

    ผมเป็นคนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ไม่เก่ง
    เป็นคนใช้เวลาตั้งหลักนานและตั้งหลักไกล
    ชอบเดินถอยห่าง เพื่อจะได้เห็นภาพรวมชัดขึ้น
    บางเรื่องมันใหญ่เกินไป อยู่ใกล้ๆ อาจเห็นแต่รายละเอียด
    ถอยหลังออกมาบ้าง เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น 
    ผมอยากบอกตัวเองอย่างนั้น

    เพราะเอาเข้าจริงก็แค่อยากเดินออกมาให้ไกล
    ไกลออกไปเรื่อยๆ 
    ไกลจนเห็นว่ามันเล็กจ้อย
    และหลอกตัวเองว่ามันไม่มีอยู่จริง
    แม้จะกลายเป็นแค่นักหนีปัญหาคนหนึ่งผมก็ยอม 

    “ไปทำอะไรที่อลาสก้า?”
    เพื่อนหลายคนไถ่ถาม เมื่อรู้ว่าผมกำลังจะออกเดินทางไกลในอีก 24 ชั่วโมง
    โดยไม่ได้วางแผนอะไรเลย
    จุดหมายของการเดินทางมีน้อยนิดเหลือเกิน
    ที่จริงต้องบอกว่าไม่มีเลยด้วยซ้ำ
    ผมไม่ต้องการไปค้นหาอะไรที่นั่น
    แค่อยากจะไปจากที่นี่
    และอยากจะไปให้ไกลที่สุด...

    ที่ม้านั่งไกลลิบสุดสายตา
    ลุงหมวกสีน้ำตาลลุกขึ้นจัดเตรียมกระเป๋าสะพายสองใบ
    จากที่คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมทางอยู่บ้าง สุดท้ายก็คิดไปเอง
    ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรเหลือผมอยู่คนเดียว
    เสียงบันไดเลื่อนในสนามบินมินนิอาโปลิสยังคงดังต่อไป
    สายรุ้งก็ยังหมุนต่อไป...


    เพ้อเจ้อสัส
    ทำเป็นปูเรื่องคูลๆ เว้นบรรทัดเป็นห้วงๆ เก๋ๆ 

    ก็เห็นพวกหนังสือบันทึกการเดินทางส่วนใหญ่มันต้องมีแบ็กกราวด์ มีเป้าหมาย มีคอนฟลิกต์ก็เลยอยากมีกับเขาบ้าง

    แต่เอาเข้าจริง ทั้งเนื้อทั้งตัวผมแม่งไม่มีอะไรที่ว่ามาเลยครับ มโนทั้งนั้น
    เหตุผลในการไปอลาสก้าจริงๆ คือ หน้าร้อนในนิวยอร์กมันร้อนสัส
    ผมเลยอยากจรลีไปอยู่ที่เย็นๆ 

    แล้วก็บังเอิญ ฟลุ๊กเจอตั๋วอลาสก้าราคาถูกพอดี
    ก็เลยซื้อ 
    ก็เลยไป

    จบ



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in