เสียงบันไดเลื่อนในสนามบินมินนิอาโปลิสดังขับกล่อมผมอย่างต่อเนื่อง
เป็นเสียงที่ไม่ไพเราะเท่าไร แต่ก็เป็นเสียงเดียวที่ผมได้ยินในตอนนี้
การพยายามข่มตาหลับครั้งที่สิบสองของผมยังคงล้มเหลว
ผมผลักตัวเองขึ้นนั่ง เก้าอี้แถวตรงข้ามว่างเปล่าไร้ผู้คน—เช่นเดียวกับสภาพในสนามบินเล็กๆ แห่งนี้
ไกลออกไปมีลุงหมวกสีน้ำตาลคนหนึ่งนอนเหยียดยาวอยู่ลิบๆ
จำได้ว่า ผมเห็นแกบนเครื่องที่มาจากนิวยอร์ก
คงรอเปลี่ยนเครื่องลำเดียวกัน
ผมกล่าวทักทายลุงเพื่อนร่วมทางในใจ
ตอนนี้เราอาจเป็นสิ่งมีชีวิตแค่สองหน่วยในระยะหนึ่งตารางกิโลเมตร
ตั๋วไปอลาสก้าบอกเวลาขึ้นเครื่องตอนสิบโมง
ผมต้องรอเคว้งอีกตั้งเจ็ดชั่วโมงกว่า
สายการบินราคาประหยัดก็แบบนี้
เสียเงินน้อยลง เสียเวลามากขึ้น
เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์
‘I will try to understand’ ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
ผมอ่านผ่านท่ามกลางความเงียบงัน
ก่อนจะปิดเครื่องแล้วสอดมันเก็บไว้ที่ช่องด้านหน้าของกระเป้าเป้
โทรศัพท์ไหลลงไปกระทบซองสีน้ำตาลยับๆ ด้านใน
ผมหัวเราะขื่นๆ กับตัวเอง
ซองขาวไม่เห็นจะเป็นสีขาวแบบที่เราเห็นในหนังเลย
ช่วงหนึ่งเดือนมานี้ ชีวิตผมเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ความคิด ทัศนคติ ตัวตน การงาน บรรยากาศ คนรอบกาย และคนข้างๆ
ชีวิตของผมตอนนี้เหมือนอยู่ในสายรุ้ง
สายรุ้งที่หมุนติ้วๆ บนหน้าจอเครื่องแมค
ไม่รู้ว่ามันจะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่เองได้มั้ย
หรือต้องยอมกลับไปนับหนึ่งกันอีกครั้ง
ผมเป็นคนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ไม่เก่ง
เป็นคนใช้เวลาตั้งหลักนานและตั้งหลักไกล
ชอบเดินถอยห่าง เพื่อจะได้เห็นภาพรวมชัดขึ้น
บางเรื่องมันใหญ่เกินไป อยู่ใกล้ๆ อาจเห็นแต่รายละเอียด
ถอยหลังออกมาบ้าง เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
ผมอยากบอกตัวเองอย่างนั้น
เพราะเอาเข้าจริงก็แค่อยากเดินออกมาให้ไกล
ไกลออกไปเรื่อยๆ
ไกลจนเห็นว่ามันเล็กจ้อย
และหลอกตัวเองว่ามันไม่มีอยู่จริง
แม้จะกลายเป็นแค่นักหนีปัญหาคนหนึ่งผมก็ยอม
“ไปทำอะไรที่อลาสก้า?”
เพื่อนหลายคนไถ่ถาม เมื่อรู้ว่าผมกำลังจะออกเดินทางไกลในอีก 24 ชั่วโมง
โดยไม่ได้วางแผนอะไรเลย
จุดหมายของการเดินทางมีน้อยนิดเหลือเกิน
ที่จริงต้องบอกว่าไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ผมไม่ต้องการไปค้นหาอะไรที่นั่น
แค่อยากจะไปจากที่นี่
และอยากจะไปให้ไกลที่สุด...
ที่ม้านั่งไกลลิบสุดสายตา
ลุงหมวกสีน้ำตาลลุกขึ้นจัดเตรียมกระเป๋าสะพายสองใบ
จากที่คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมทางอยู่บ้าง สุดท้ายก็คิดไปเอง
ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรเหลือผมอยู่คนเดียว
เสียงบันไดเลื่อนในสนามบินมินนิอาโปลิสยังคงดังต่อไป
สายรุ้งก็ยังหมุนต่อไป...
…
เพ้อเจ้อสัส
ทำเป็นปูเรื่องคูลๆ เว้นบรรทัดเป็นห้วงๆ เก๋ๆ
ก็เห็นพวกหนังสือบันทึกการเดินทางส่วนใหญ่มันต้องมีแบ็กกราวด์ มีเป้าหมาย มีคอนฟลิกต์ก็เลยอยากมีกับเขาบ้าง
แต่เอาเข้าจริง ทั้งเนื้อทั้งตัวผมแม่งไม่มีอะไรที่ว่ามาเลยครับ มโนทั้งนั้น
เหตุผลในการไปอลาสก้าจริงๆ คือ หน้าร้อนในนิวยอร์กมันร้อนสัส
ผมเลยอยากจรลีไปอยู่ที่เย็นๆ
แล้วก็บังเอิญ ฟลุ๊กเจอตั๋วอลาสก้าราคาถูกพอดี
ก็เลยซื้อ
ก็เลยไป
จบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in