เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2019 vibesmWolf
James Blake - Assume Form (2019)


  • James Blake - Assume Form (2019)

    alternative r&b, art pop

    8.0/10


    James Blake เป็นที่รู้จักทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและในฐานะโปรดิวเซอร์ที่เข้าไปทำงานกับศิลปินป็อป/ฮิปฮอปหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Beyonce, Frank Ocean, Jay-Z หรือ Kendrick Lamar บทบาทสำคัญของอัลบั้มใหม่ชิ้นนี้ของเขาจึงไม่ได้เป็นเพียงอัลบั้มต่อมาที่ถ่ายทอดการเติบโตทางดนตรีของเขาเท่านั้นแต่ยังเป็นการประสานโลกทั้งสองใบให้มาทำงานร่วมกัน ด้วยการสานต่อซาวน์ดนตรีอิเล็กทรอนิกเยือกเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเข้ากับอีกด้านที่เข้าถึงง่ายรวมถึงการมีศิลปินรับเชิญเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้ม เพื่อสร้างองค์ประกอบใหม่ๆให้กับอัลบั้ม


    ในอัลบั้มนี้ นอกจากความหลากหลายที่เกิดขึ้นจากศิลปินรับเชิญแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ James เลือกที่จะ 'เปิดเผยและชัดเจน' มากขึ้น ในอัลบั้มก่อนๆเสียงร้องที่ไพเราะของเขามักจะถูกเล่นกับเอฟเฟก ไม่ว่าจะบิดเบือนหรือกดทับอยู่เสมอประกอบกับมู้ดและโทนของเพลง ทำให้ดนตรีของ James มักจะถูกแปะป้ายว่าเป็นดนตรีของเหล่า 'Sad Boy' ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหา Mental Illness เป็นสิ่งที่เขาประสบพบเจอและถูกถ่ายทอดออกมาผ่านดนตรีของเขาและการถูกพูดถึงในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบใจนัก แต่หลังจากที่เขาเริ่มคบกับ Jameela Jamil บาดแผลบางอย่างก็เหมือนได้รับการซ่อมแซมและมีอิทธิพลต่อดนตรีในอัลบั้มนี้เป็นอย่างมากที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า 'Assume Form' นอกจากจะเป็นอัลบั้มที่เข้าถึงง่ายที่สุดของเขาแล้วยังเป็นอัลบั้มที่มีโทนความสว่าง และเนื้อหาเชิงบวกขึ้นจากอัลบั้มก่อนๆ


    การ 'เปิดเผยและชัดเจน' จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เขาถ่ายทอดด้านสว่างออกมา นอกเหนือจากเนื้อเพลง โดยการแสดงผ่านวิธีที่เขาถ่ายทอดและจัดการกับเสียงร้องท่ามกลางบรรยากาศดนตรีที่ละมุน นุ่มนวล และเยือกเย็น มืดมัว James หยิบจับความหลากหลายเข้ามาใช้งานอย่างน้อยนิ่ง และพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็น บีท เบส และเลเยอร์ของซาวน์บรรยากาศซึ่งทำหน้าที่สร้างผิวสัมผัส เมโลดี้ และเฉดสีให้กับเพลงแต่ชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานแค่บางส่วนเท่านั้นหน้าที่ที่สำคัญกว่าของมันคือการชับเน้นและผลักให้เลเยอร์ของเสียงร้องได้แสดงออกและสื่อสารออกมาอย่างเต็มที่มากกว่าที่จะสร้างความโดดเด่นด้วยตัวมันเอง


    ภายในแต่ละเพลงองค์ประกอบต่างๆจะมีการเปลี่ยนไปของฟอร์มและสร้างมวลอากาศขึ้นมาโอบล้อมอารมณ์ความรู้สึกของเสียงร้องเอาไว้ทั้งจากพลิ้วไหวสู่ความนิ่งเย็น ทั้งจากสีสันไปสู่ความทึบตันทั้งจากความเวิ้งว้างไปสู่ความสงบอบอุ่น เครื่องสายไม่เพียงสร้างบรรยากาศที่ลื่นไหลและประสานไปกับท่วงทำนองแต่ยังบิดเบี้ยวและดำดิ่งเป็นไดนามิกที่ผลักดันพลังงานของเพลงและสัมผัสของเสียงร้องไปข้างหน้า


    ศิลปินรับเชิญนอกจากจะเข้ามาแสดงความเป็นตัวเองลงไปในโลกของ James แล้ว ตัว Jamesเองยังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับโลกของศิลปินรับเชิญด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ autotune กับเสียงของตัวเองควบคู่ไปกับ Travis Scott สอดประสานผิวสัมผัสของเสียงร้องให้ต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกันซึ่งถือเป็นโลกที่หลุดออกมาจากผลงานเดี่ยวอื่นๆของเขามากที่สุดแต่มันก็ยังคงปกคลุมไว้ด้วยความมืดมิด เย็นเยือกและน้อยนิดนิ่งงันเอาไว้ผ่านบีทของ Metro Boomin นอกจากนี้ยังมี Moses Sumney และ Rosalia ซึ่งก็ต่างมีสไตล์การร้องที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสิ่งที่ Jamesทำคือการเอาองค์ประกอบนี้มาแช่ไว้ในซาวน์บรรยากาศที่ทั้งนิ่งเย็น ละเอียดอ่อน และexpressiveมันทั้งนุ่มนวลและลึกลับประสานไปด้วยกัน และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Andre 3000 ในแทร็ก 'Where'sThe Catch?' ซึ่งน่าจะเป็นแทร็กที่มืดหม่น หนักหน่วงและดำดิ่งที่สุดในอัลบั้มด้วยพลังของการแรปควบคู่ไปกับการเล่นกับจังหวะและผิวสัมผัสขัดแย้ง


    performance ของ James ในเสียงร้องที่ถ่ายทอดห้วงอารมณ์และความรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวานเป็นอีกสิ่งที่โดดเด่นในอัลบั้ม ควบคู่ไปกับการทำงานของแซมเปิ้ล ซาวน์บรรยากาศและเมโลดี้ ทุกองค์ประกอบต่างประสานท่วงทำนอง และพาเสียงร้องให้พุ่งทะยานพาอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เราได้สัมผัส และหลงใหลไปกับมัน


    โดยสรุปแล้ว 'Assume Form' จึงไม่เพียงเป็นอัลบั้มที่James เปิดรับผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมแต่ยังเป็นอัลบั้มที่เขาเปิดเผยสิ่งใหม่ในตัวเขาให้เราได้สัมผัสอย่างซื่อตรงและงดงามความสว่างที่ควบคู่ไปกับความมืดทึบ ผิวสัมผัสที่แนบเนียน สอดประสาน ละมุนละไมการตั้งคำถามถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านพ้นมาและความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้น



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in