เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Films YesterdayK.Kean
เมื่อความฝันสวนทางกับความเป็นจริง- “The Danish Girl, 2015”
  •  

    คนเรามักจะมีความฝันเป็นของตัวเองเสมอ แต่จะทำอย่างไรถ้าความฝันนั้นกำลังสวนทางกับความเป็นจริง วันนี้จะมีพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง The Danish Girl เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเคยผ่านหูผ่านตาหลาย ๆ คนมาแล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่า The Danish Girl เป็นภาพยนตร์ที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง บุคคลในภาพยนตร์เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง ฟังดูแล้ว อาจจะรู้สึกว่าคงจะน่าเบื่อหรือดำเนินเรื่องเรื่อย ๆ เหมือนหนังอัตชีวประวัติทั่วไป แต่ต้องบอกตรงนี้เลยว่า ผิดมหันต์! ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะ base on true story แต่ก็ยังสามารถดำเนินเรื่องและถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครให้เรารู้สึกอินตามได้ วันนี้จึงอยากมาพูดคุยกันในมุมมองที่ต่างออกไป นั้นก็คือเรื่องของ การทำตามความฝันของตัวละครเอกของเรื่อง ที่กลับสวนทางกับความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด กลับทำให้เราย้อนตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะวิ่งตามความฝันของเราต่อไป หรือหยุดไว้เท่านี้พอ 



    #เรื่องราวของศิลปินหญิงและสามีผู้เป็นที่รักของเธอ

    โดยเรื่องเริ่มต้นขึ้นที่ เกอร์ด้า เวเกเนอร์ (รับบทโดย Alicia Vikander) และสามีของเธอ ไอนาร์ เวเกเนอร์ (รับบทโดย Eddie Redmayne) ทั้งคู่เป็นจิตกรที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่เดนมาร์ก อยู่มาวันนึง นางแบบสาวที่เกอร์ด้านัดไว้เพื่อมาเป็นแบบให้กับภาพของเธอกลับไม่ได้มาตามกำหนด เธอจึงแก้ปัญหาด้วยการให้ไอนาร์สามีของเธอแต่งชุดผู้หญิง และเป็นแบบให้เธอแทน จุดเริ่มต้นของเรื่องจึงเริ่มขึ้นจากตรงนี้ เมื่อไอนาร์ได้ลองใส่ชุดผู้หญิงเป็นครั้งแรก มันกลับทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ จึงเกิดเป็นความคิดสนุก ๆ ของทั้งคู่ โดยเกอร์ด้าอยากให้ไอนาร์แต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวเล่น ไปงานเลี้ยงกับเธอ จนมาถึงวันหนึ่ง ไอนาร์ได้รู้สึกถึงความรู้สึกที่ตัวเองไม่เคยมีมาก่อน ความต้องการ ความโหยหา ในสิ่งที่เขาพึ่งได้สัมผัส หลังจากนั้นไอนาร์จึงใส่ชุดผู้หญิงบ่อยขึ้น และใช้ชื่อว่า “ลิลลี่” ซึ่งเป็นชื่อที่ไอนาร์รับบทบาทเมื่อครั้งแต่งหญิงครั้งแรก ๆ กับเกอร์ด้า 


    ไอนาร์ได้เริ่มค้นพบตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านบทบาทของลิลลี่ ลิลลี่กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไอนาร์ จนเขาเริ่มที่อยากกลายเป็นเธอ เป็นเธอแบบจริง ๆ จัง ๆ  มากกว่าเพียงแค่จะสวมบทบาทเป็นเธอ ด้วยความคิดนี้จึงได้เปลี่ยนแปลงชีวิตคู่ของทั้งสองไปตลอดกาล จากที่ไอนาร์รับรู้ถึงตัวตนของลิลลี่ที่อยู่ข้างในตัวของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น จึงทำให้นำไปสู่การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ คือ การผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากในช่วงปี 1930 นี่เองจึงเป็นเรื่องราวความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเราจะหาข้อมูลพวกนี้ได้ตามเว็บไซต์ทั่วไปก็ตาม แต่เว็บไซต์เหล่านั้นก็คงไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกหลายสิ่งหลายอย่างของทั้งสองคนให้ผู้ชมได้รับรู้เท่าภาพยนตร์ นี่เองจึงเป็นเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่นำเสนออารมณ์ ความรู้สึก อันน่าเจ็บปวดของทั้งคู่ออกมาได้เป็นอย่างดี 



    #ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปก็ไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึกได้

    เกอร์ด้ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตของไอนาร์ ไม่เพียงแต่เป็นภรรยาของเขา แต่เธอยังเป็นคนสำคัญที่สนับสนุนไอนาร์ในการเป็นลิลลี่มาตลอดตั้งแต่แรก แม้ว่าช่วงแรกเธอยังคงสับสนและไม่เข้าใจ แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ยอมให้ไอนาร์ได้ทำตามความต้องการของตนเองในการเป็นลิลลี่ ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าการเล่นสนุกกันในครั้งแรกจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ เปลี่ยนแปลงชีวิตคู่ และเปลี่ยนสามีของเธอ ให้กลายเป็นเพื่อนสาวตลอดกาล แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องยอมต่อความปราถนาอันแรงกล้าของไอนาร์ ถึงแม้ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกเธอที่มีต่อไอนาร์ยังคงเหมือนเดิม ความรู้สึกดี ๆ ที่ทั้งคู่ก็ใช้ว่าจะเปลี่ยนไป ในฐานะที่เพื่อนเธอก็ย่อมสนับสนุนเพื่อนอยู่แล้ว 


    #ความฝันที่เจ็บปวด

    อย่างที่ทราบกันว่าในช่วงทศวรรษ 1930 เรื่องของผู้หญิงข้ามเพศยังคงไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม และยังถูกมองว่าเป็นอาการทางจิตเภทประเภทหนึ่งด้วย รวมทั้งการผ่าตัดแปลงเพศในตอนนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากอันตรายจากการผ่าตัด และการติดเชื้อ ทำให้การจะเป็นผู้หญิงข้ามเพศในตอนนั้นไม่ง่ายเลย ในเรื่อง ไอนาร์ได้แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่เขาต้องเจอ ความเจ็บปวดที่อยากจะเป็นลิลลี่ ความเจ็บปวดจากการทำตามความฝันของตัวเอง การได้ค้นพบตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่การค้นพบตัวเองในครั้งนี้ของไอนาร์กลับนำพาความเจ็บปวดทั้งทางจิตใจและร่างกายมาให้แก่เขา 


    #ปลายทางของความฝันคือความสุข? 

    ในช่วงเวลานั้นการผ่าตัดแปลงเพศถือว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก ทั้งเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดและการติดเชื้อ แต่ถึงอย่างนั้นไอนาร์ก็ยังคงตัดสินใจที่จะผ่าตัดถึงแม้มันจะเสี่ยงมากแค่ไหนก็ตาม เธอเลือกที่จะเดินตามฝัน เดินตามเสียงหัวใจเรียกร้อง โดยไม่สนใจว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม การผ่าตัดแปลงเพศของเธอนั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ตอนท้ายของหนังก็ได้บีบน้ำตาคนดูไปได้ไม่น้อย ความพยายามของเธอในการทำตามความฝันจะสำเร็จ ถึงแม้ในเวลาสั้น ๆ แต่นั้นก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้เป็นลิลลี่ เธอได้เป็นตัวของตัวเอง ตัวตนที่เธอตามหา พอมาถึงตรงนี้แล้วท่านผู้อ่านก็คงมีคำตอบในใจกันบ้างแล้วล่ะ ว่า “ท้ายที่สุดแล้วหากเรารู้อยู่แล้วว่าปลายทางของความฝันของเรามันอาจจะเจ็บปวด เรายังคงเดินทางตามความฝันของเราอยู่หรือเปล่า?”  


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in