เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูแล้วอยากบอกต่อthefirstofmine
Mary Poppins Returns (2018): เมื่อประตูบานนั้นเปิดออกอีกครั้งหนึ่ง
  • ในที่สุดก็ได้ดูสักที Mary Poppins Returns ฉบับ Emily Blunt ที่ได้ยินข่าวมาเนิ่นนาน และในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังส่งท้ายปี 2018 ให้พวกเราได้ดูกัน อ่านบล็อก Mary Poppins ได้ที่นี่

    Mary Poppins Returns (2018) 



    กำกับโดย Rob Marshall
    ดัดแปลงจากหนังสือเซต Mary Poppins ของ P.L. Traversเขียนบทภาพยนตร์โดย David Magee, Rob Marshall และ John DeLucaทำเพลงประกอบโดย Marc Shaiman และเขียนเนื้อเพลงโดย Scott Wittman และ Marc Shaimanกำกับภาพโดย Dion Beebe
    นำแสดงโดย
    • Emily Blunt รับบทโดย Mary Poppins
    • Lin-Manuel Miranda รับบทโดย Jack
    • Ben Whishaw รับบทโดย Michael Banks
    • Emily Mortimer รับบทโดย Jane Banks
    • Pixie Davies รับบทโดย Anabel Banks
    • Nathanael Saleh รับบทโดย John Banks
    • Joel Dawson รับบทโดย Georgie Banks
    • Julie Walters รับบทโดย Ellen - Maid
    • Meryl Streep รับบทโดย Cousin Topsy
    • Colin Firth รับบทโดย Wilkins / Wolf
    • Jeremy Swift รับบทโดย Gooding / Badger
    • Kobna Holdbrook-Smith รับบทโดย Frye / Weasel
    • Dick Van Dyke รับบทโดย Mr. Dawes Jr. 
    • Angela Lansbury รับบทโดย Balloon Lady
    • David Warner รับบทโดย Admiral Boom
    • Jim Norton รับบทโดย Binnacle
    • Karen Dotrice รับบทโดย Elegant Woman

    ใครเอ่ยชื่อคุ้นๆ ก็ Dick Van Dyke และ Karen Dotrice ไงล่ะ ทั้งคู่เคยแสดงใน Mary Poppins (1964) ด้วยนะ ตอนนั้น Dick Van Dyke รับบทเป็น Bert และ Karen Dotrice รับบทเป็น Jane Banks

    © 2017 Disney Enterprises
    Mary Poppins Returns เป็นช่วงเวลาหลังจากภาคแรก 20 ปี (ประมาณปี 1930) ถือเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของลอนดอน ครอบครัวแบงค์สยังอยู่ที่เดิม คือ บ้านเลขที่ 17 ถนนต้นเชอร์รี่ (Cherry Tree Lane) ประกอบไปด้วยไมเคิล แบงค์ส และลูกๆ ทั้ง 3 คือ แอนนาเบล และจอห์น แบงค์ส คู่แฝดชายหญิง และน้องชายคนสุดท้อง จอร์จี้ แบงค์ส ส่วนเจน แบงค์ส พี่สาวของไมเคิล ย้ายออกไปอยู่ที่แฟลตอีกฟากหนึ่งของลอนดอน 

    สำหรับภาคนี้ เปิดเรื่องด้วยการพาทัวร์ลอนดอน แนะนำสมาชิก และการเล่าเรื่องราวต่างๆ ค่อนข้างเป็นไปตามแบบฉบับเดิม และการกลับมาของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ นั้นก็ยังคงกลับมาด้วยเหตุผลเดิม ซึ่งก็คือการดูแลเด็กๆ บ้านแบงค์ส และครั้งนี้เธอบอกว่าเธอจะกลับเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งหนึ่ง

    © 2017 Disney Enterprises

    Mary Poppins Returns ไม่ใช่หนังรีเมค แต่เป็นหนังภาคต่อจาก Mary Poppins (1964) เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้แสดง ทุกๆ อย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ทับซ้อน และโดดเด่นเอามากๆ Emily Blunt คือแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ จริงๆ

    ภาคนี้เพลงเพราะ ฉากสวย เล่าเรื่องดี อีสเตอร์เอ้กโผล่มาให้คิดถึงเป็นระยะ แอบดุกว่าเวอร์ชั่นคุณจูลี่ด้วย คอสตูมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชอบ ฉากเต้นต่างๆ มิวสิคัลและฉากใช้เพลงเล่าเรื่องยังน่าประทับใจไม่แพ้กัน ประทับใจจนไม่รู้จะพูดอะไร อยากให้ทุกคนไปดู มันไม่ใช่หนังเด็ก แต่เป็นหนังสำหรับคนทุกวัย มีแง่มุมให้คิดในทุกๆ การกระทำ การมองโลกต่างมุมเพื่อตัวเองที่จะได้เห็นอีกด้าน ฯลฯ สำหรับเรา ภาคนี้คงความเป็นเอกลักษณ์ของหนัง และมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น

    © 2017 Disney Enterprises
    เราชอบความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมากๆ ทั้งพี่น้องเจนและไมเคิล แบงค์ส และแอนนาเบล จอห์น และจอร์จี้ 
    แจ็ก น่ารักดี ร้องเพลงเพราะมาก เต้นเก่งด้วย เขายิ้มน่ารักอะ ชอบตอนไปแอ้วสาว แหม่ๆๆๆๆๆ คนนั้นก็เชียร์ใหญ่เลย
    แมรี่ ป๊อปปินส์ เวอร์ชั่นเอมิลี่ บลันต์ คือดี ไม่ทับไลน์กับคุณจูลี่ ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นแมรี่ ป๊อปปินส์ ที่ไม่ขัดตา ยิ้มสวยด้วย 
    น้องแอนนาเบล จอห์น และจอร์จี้ น่ารักมากกกกกกกก เด็กน้อยที่พยายามโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เขายังเป็นเด็ก
    ไมเคิลและเจน แม้ทั้งคู่จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงเป็นเด็กน้อยสำหรับแมรี่ ป๊อปปินส์ เสมอ 
    คุณยายขายลูกโป่ง เป็นตัวละครหนึ่งที่เราชอบมากๆ ออกน้อย แต่น่าประทับใจ
    แอนิเมชั่นต่างๆ ใช้เวลาทั้งสิ้น 16 เดือน และใช้นักแอนิเมชั่นกว่า 70 ชีวิตในการทำ
    น้องโจเอล (คนที่แสดงเป็นจอร์จี้) บอกว่าชอบภาคแรกมาก มัน supercalifragilisticexpialidocious มากๆ

    © 2017 Disney Enterprises
    เพลงเพราะมาก ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศที่ใช้ร้องในหนัง (แอบเสียดายที่ไม่มีพากย์ไทย อยากฟังเพลงฉบับภาษาไทย) ฟังภาษาดัชต์ก็เพราะ เมโลดี้สวยมาก เราชอบเพลง Can You Imagine That?, A Cover is Not the Book} The Place Where Lost Things Go, Nowhere to Go But Up, Kite Takes Off มากๆ ดูจบแล้วรีบเปิดเพลงฟังเลย

    © 2017 Disney Enterprises
    เด็กๆ บ้านแบงค์ส ไม่ว่ายังไงก็ยังคงเป็นเด็กสำหรับแมรี่ ป๊อปปิ้นส์อยู่วันยังค่ำ จะอายุเท่าไหร่ โตแค่ไหนก็ตาม อย่างที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์บอก เธอมาเพื่อดูแลเด็กๆ บ้านแบงค์ส ทั้งเด็กในวันแรกที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์พบ หรือเด็กที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์พบในตอนนี้ก็ตาม

    Mary Poppins Returns ก็ยังคงเป็นหนังที่เหมาะสำหรับเด็ก และเป็นหนังครอบครัวที่น่าดูส่งท้ายปีมากๆ ถ้ามีโอกาส อย่าพลาดล่ะ รับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง


  • สำหรับเรื่องราวอื่นๆ ของหนังที่เราสนใจก็คือคอสตูมของ Mary Poppins Returns

    ผู้ออกแบบคอสตูมสำหรับหนังแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ในครั้งนี้ก็คือ Sandy Powell นักออกแบบเสื้อผ้าที่ได้รับรางวัลออสการ์มาแล้ว เป็นผู้ออกแบบให้  เธอบอกว่าเธอต้องการให้แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ เวอร์ชั่นเอมิลี่ บลันต์ แตกต่างจากเวอร์ชั่นของจูลี่ แอนดรูวส์ เธออยากให้แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ปี 2018 นี้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วย โดยเฉพาะโบว์ไทด์ที่จะต้องมีตลอดเวลา และชุดว่ายน้ำที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์สวมนั้นเป็นชุดว่ายน้ำในสมัยวิกตอเรีย ยังคงมีโบว์ไทด์ แต่แตกต่างออกไป (เรียบและชิคกว่า)

    ส่วนภาพแรกของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ (ในหนัง) Powell อยากให้ชุดของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ สะท้อนจากภาคแรก ก็เลยใช้หมวกที่เป็นทรงใกล้เคียงกับภาคเดิม แต่ว่าเป็นหมวกยุค 1930 แทน เพราะว่าภาคแรกเป็นหมวกทรงตัด อันที่จริงก็เป็นการปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัยนะ เพราะว่าภาคแรก เซตติ้งอยู่ในปี 1910 แล้วพวกคอสตูมยุค 1960 ก็ยังโผล่มาให้เห็นบ้าง สำหรับภาคนี้ Powell ก็บอกว่าอยากจะให้เอาดอกไม้ให้อยู่ห่างจากหมวกของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ เพราะภาคแรก หมวกของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ มีดอกเดซี่เสียบอยู่ ภาคนี้เธอก็เลยเอานกไปไว้แทนดอกไม้ (ถ้าจำภาคแรกได้ นกโรบิ้นที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ร้องเพลง A Spoonful of Sugar นี่แหละ) ส่วนฉากใต้น้ำ หมวกของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ก็จะเป็นปลา สำหรับฉากที่หลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ Powell บอกว่าอยากจะให้ตัวละครดูเหมือนอยู่ในโลกเดียวกัน เธอก็เลยเพ้นต์แบบ 2D ลงบนชุด ให้เหมือนอยู่ในโลกเดียวกันไปเลย นอกจากนั้น ชุดของแจ็ก คนจุดไฟ ก็ถูกออกแบบให้ต่างจากคนอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงจุดไฟในหนัง (แหงล่ะ เพราะเขาก็เป็นตัวเด่นนี่นา) 

    © 2017 Disney Enterprises



    นอกจากคอสตูมแล้ว ฉากต่างๆ ในหนังก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

    ผู้ที่มาออกแบบงานโปรดักชั่นต่างๆ ก็คือ John Myhre ที่มาเนรมิตเกาะอังกฤษในยุคแห่งความโศกเศร้าให้เป็นจริงขึ้นมาสำหรับหนัง Mary Poppins Returns เซตติ้งของหนังเป็นกลางๆ ของยุค 30 ตรงตามที่หนังสือของ P. L. Travers วางเอาไว้ ไม่ใช่ Edwardian ประมาณยุค 1910 อย่างหนังภาคแรก Rob Marshall ผู้กำกับบอกว่าเขาอยากให้มันแตกต่างจากลอนดอนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโลเคชั่นที่พวกเขาใช้ถ่าย และการผจญภัยที่แมรี่ ป๊อปปิ้นส์พาเด็กๆ เดินทางไป เรื่องราวของภาคนี้เล่าถึงยุคที่เศรษฐกิจในอังกฤษฝืดเคือง พวกเขาอยากให้มีความรู้สึกดิ้นรนในด้านต่างๆ และเมื่อแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ มาถึงพร้อมกับการผจญภัยในสีสันสดใส นั่นคือสิ่งที่ตัดกัน Rob บอกว่าเขาหวังจะให้มันจบแบบแฟนตาซีและความจริงสามารถเดินทางไปด้วยกัน อารมณ์ต่างๆ ที่สดใสสุดแฟนตาซีนั้นคุณสามารถพามันมาสู่ชีวิตจริงได้ ฉากที่ค่อนข้างยากที่สุดคือฉากของบิ๊กเบน ที่พวกเขาต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ในกอง ใช้เวลารีเสิร์ชหนัก ทีมออกแบบต้องใช้เวลาศึกษาและเข้าไปอยู่ด้านหลังของบิ๊กเบน มันมหัศจรรย์มากๆ มันเหมือนส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความจริงและเวทย์มนตร์ในหนัง 

    ส่วนฉากของถนนต้นเชอร์รี่ พวกเขาไปถ่ายกันที่ Shepperton Studios ได้ Gordon Sim มาออกแบบภายในให้ บ้านของตระกูลแบงค์สเป็นบ้านแบบ Georgian เมื่อถ่ายในสตูดิโอ เขาจึงต้องออกแบบและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยคงรูปแบบเดิมเอาไว้และใช้เวลาในการก่อสร้าง 18 สัปดาห์ Gordon Sim บอกว่าโมเมนต์ที่ดีที่สุดในชีวิตเขาก็คือตอนที่ Rob (ผู้กำกับ) พา Dick Van Dyke (ที่เคยรับบทเป็น Bert ในภาคแรก) เข้ามาในบ้านหลังนี้ เขายิ้มแล้วก็บอกว่านี่ไม่ใช่ถนนต้นเชอร์รี่ของพวกเรานะ แต่นี่มันคือถนนต้นเชอร์รี่จริงๆ

    จากทั้งหมด 50 ฉาก พวกเขาสร้างใน Shepperton Studios ไปทั้งหมด 8 ฉาก หนึ่งในนั้นก็คือการออกแบบและสร้างบ้านของท๊อปซี่ ญาติของแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ที่ Upside-down ภายในมีข้าวของเครื่องใช้เต็มไปหมด และมันต้องห้อยหัวด้วย Gordon Sim บอกว่าพวกเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ทีมพร๊อพมีเวลา 6 เดือนในการทำมันให้เสร็จ John Myhre บอกว่าไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพเขียน ไปจนถึงแกรนด์เปียโน พวกเขาต้องทำให้พวกมันห้อยหัวลงมา พวกเขาคุยกันเยอะมากจนทำให้เป็นบ้ากันเลย การทำให้ด้านบนเป็นด้านล่าง พื้นเป็นเพดานเนี่ย

    โปรดิวเซอร์ Marc Platt บอกว่าฉากแอนิเมชั่นต่างๆ คือวาดด้วมมือทั้งนั้น  แม้จะมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยมากมาย อย่างฉากในเพลง Can You Imagine That? พวกเขาก็เอามา re-introduces ใหม่

    © 2017 Disney Enterprises

    รับรองได้เลยว่าใครที่ไปดู Mary Poppins Returns จะต้องประทับใจอย่างแน่นอน



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in