เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Not today, he said.Ms.Ambiguous
Uninvited Guest
  • 08

     

     

    นาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายสองสิบห้านาที

     

    โจรสองคนนอนอืดในคอนโดแถวลาดพร้าวยี่สิบเจ็ด

     

    ไม่รู้ว่าความขี้เกียจและความซกมกสามารถส่งต่อกันได้หรือเปล่าแต่ที่แน่ๆตอนนี้นายก้องเกียรติกลายเป็นอุรัสยาสองไปแล้ว ทั้งพี่อู๋และผมปล่อยให้หนวดขึ้นครึ้มไม่คิดจะโกนออกวันๆไม่ทำอะไรนอกจากเวฟข้าวกล่อง นอนหน้าทีวี อาบน้ำ นอนหน้าทีวีอีกครั้งแล้วเข้านอน

     

    พี่ไม่ต้องทำงานเหรอครับ?

     

    ผมถามเพราะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติและไม่ถูกต้องพอนึกถึงเสียงเปิดปิดประตูตอนเจ็ดโมงเช้าก็คิดออก อ๋อ -- คนอื่นรีบตื่นไปทำงานหาเงินแต่คุณอุรัสยากลับนอนตื่นสาย ไม่ทำอะไรเลยนอกจากกระดิกเท้านอนดูแฮร์รี่พอตเตอร์อย่างสบายใจเท่านั้น

     

    พี่ทำงานที่บ้านน่ะไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

    แต่ผมไม่เห็นพี่จะทำอะไรนอกจากนอนดูทีวีกับอ่านหนังสือ

     

    ผมพูดไม่ได้อยากจุ้นจ้านชีวิตส่วนตัวของเขานักหรอกแต่บางทีก็สงสัยว่าทำไมพี่อู๋ถึงเลื่อนลอยผิดแปลกจากชาวบ้าน ไม่ทำงาน ไม่ออกไปพบปะผู้คนบ้างเหรอวันๆเจอแต่กอริลลาก้องหนวดเฟิ้มในห้องสี่เหลี่ยม เขาไม่เบื่อหรือไง

     

    ด่าพี่ในใจอีกล่ะสิ

    ครับ

    โกหกบ้างก็ได้นะก้องพี่อู๋ใช้ปลายเท้าสะกิดไหล่ผมที่นั่งพิงโซฟา จะบ่ายสามแล้วเวฟข้าวกินกันดีกว่า ก้องกินอะไร? มาม่าหรือโจ๊ก?

    ไม่มีอะไรเหลือในตู้เย็นแล้วครับ

    เกี๊ยวกุ้งอ่ะ?

    พี่เพิ่งกินไปเมื่อเช้าไง

     

    ผมตอบก่อนจะเปิดตู้เย็นให้คุณอุรัสยาดูข้างในมีแต่ความว่างเปล่ากับขวดน้ำสองขวด นอกนั้นไม่มีอะไรเลย บ๋อแบ๋ แม้แต่น้ำปลาไว้คลุกข้าวยังไม่มี

     

    สงสัยเย็นนี้ต้องออกจากบ้านแล้ว

     

    พี่อู๋พึมพำ เขาเพิ่งรู้เหรอว่าเราไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันเกือบสัปดาห์แล้ว

     

    งั้นอาบน้ำเลยก้องพี่จะพาไปซื้อของ

     

    เขาบอกแต่ตัวเองยังนอนกินขนมดูพ่อมดน้อยโอมเพี้ยงหน้าตาเฉยนายก้องเกียรติที่เป็นแค่ผู้ขออาศัยก็ขี้เกียจพูด จึงเดินไปอาบน้ำตามคำสั่งของผู้ปกครองโดยดี

     

     


     

     

    นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงเจ็ดนาที

     

    เราเพิ่งถึงยูเนี่ยนมอลล์สิ่งแรกที่พี่อู๋ทำคือพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำกับไข่ยางมะตูม หลังจากนั้นก็ไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อตุนเสบียงสำหรับการจำศีลในสัปดาห์ถัดไป

     

    เท่าที่ผมจำได้ ครัวของพี่อู๋มีทุกอย่างพร้อมทั้งจาน ชาม กระทะ หม้อไห ไมโครเวฟ หม้อนึ่ง หม้ออบลมร้อน เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องอบแซนด์วิชเครื่องตีส่วนผสม แม้แต่เตาอบขนาดเล็กก็มี พี่อู๋เก็บเครื่องครัวพวกนั้นในเคาน์เตอร์ชั้นล่างและปล่อยทิ้งไว้จนฝุ่นจับไม่เคยเอาออกมาใช้หรือทำความสะอาดเลย

     

    พี่อู๋ครับ

    ครับก้อง?

    ทำไมพี่ถึงกินแต่อาหารขยะพวกนี้ล่ะในก็ครัวมีอุปกรณ์ตั้งเยอะผมถามเมื่อเห็นพี่อู๋กวาดเอาอาหารแช่แข็งใส่รถเข็นเป็นโหลราวกับจะเปิดขายแข่งกับเซเว่น

    พี่ทำกับข้าวไม่เป็น

    อ้าว แล้วพี่ซื้อของพวกนั้นมาทำไม?

    พี่ไม่ได้ซื้อเองหรอกของแฟนเก่าน่ะพี่อู๋ตอบ เมื่อก่อนเขามาทำกับข้าวที่ห้องบ่อยพอเลิกกันก็ไม่ได้ใช้เพราะพี่ทำไม่เป็น

     

    ผมหน้าสั่นตอนที่เขาบอกว่าของพวกนั้นซื้อให้แฟนเก่าไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าพี่อู๋มีแฟนเพราะเขาทำตัวโฉดมากจนผมนึกว่าสาวๆรังเกียจความโสโคร-- ซกมกของเขาพอได้ยินว่าเขาเคยมีก็เลยสงสัยว่าใครนะเป็นผู้หญิงผู้โชคร้ายที่ต้องคอยเก็บกวาดรังหนูของคุณอุรัสยา

     

    อึ้งเลยเห็นอย่างนี้พี่ก็เคยมีความรักนะพี่อู๋แซวเพราะเห็นผมยืนทื่ออยู่นาน

    ครับ อึ้งมาก ไม่คิดว่าจะมีคนหลงผิดมารักพี่ด้วย

    ไอ้ก้อง!”

     

    โห -- ไม่มีแล้วก้อง น้องก้องก้องเกียรติ กอริลลาก้อง ตอนนี้ผมกลายเป็นไอ้ก้องสำหรับเขาเรียบร้อย

     

    ล้อเล่นครับ แล้ว -- ตอนนี้พี่ยังเสียใจอยู่ไหม?

    ไม่อ่ะ

    งั้นถ้าพี่ไม่ว่าอะไรผมขอใช้เครื่องครัวในตู้นะครับ

    ก้องทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ?

    เป็นครับ แม่สอนมาผมตอบ พี่อู๋ดูอึ้งแดกกว่าผมตอนรู้ว่าเขามีแฟนเสียอีกผมไม่อยากให้พี่กินของพวกนี้เลย พี่กินวันละสามมื้อติดกันเป็นอาทิตย์ไหนจะออกไปกินเหล้าอีก มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

    ก้องเป็นห่วงพี่เหรอ?

    เปล่าครับผมเบื่อข้าวกล่องแต่ไม่ได้บอก

    ก็ดีนะ ต่อไปนี้หน้าที่ทำกับข้าวเป็นของก้องแล้วกันเนอะ

    พี่พูดเหมือนทุกวันนี้เราแบ่งกันทำงานบ้านงั้นแหละ

     

    ผมนึกถึงงานที่ต้องทำ ทั้งกวาดถูจัดของ ปัดฝุ่น พับผ้าห่ม ล้างห้องน้ำ ซักผ้า ล้างจาน เอาขยะไปทิ้ง แต่เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับบุญคุณที่พี่อู๋มีต่อผมถ้าเขาสั่งมากกว่านี้ผมก็ทำได้ ให้เช็ดกระจก ซ่อมเครื่องซักผ้า วิ่งไปซื้อของก็ได้สั่งให้ไปกู้ระเบิดยังได้เลย

     

    งั้นซื้อกับข้าวกัน

    พี่อู๋วางอาหารแช่แข็งในตู้ตามเดิมแล้วเข็นรถเดินหาของสดแม่เคยสอนผมว่าจะทำกับข้าวต้องคิดเมนูไว้ในใจก่อน ต้องนึกว่าจะทำอะไรและอย่าซื้อตุนเยอะเกินไปไม่งั้นของจะไม่สดเนื้อจะเหม็นสาบ ผักจะเหี่ยวไม่น่ากิน ถึงตอนนั้นก็คงไม่เหลือความอร่อยแล้ว ผมถามพี่อู๋ว่าพรุ่งนี้อยากกินอะไรเขาตอบไม่ได้ พี่อู๋เป็นประเภทมีอะไรให้กินก็กินสุ่มหยิบข้าวกล่องในตู้เย็นได้อันไหนก็เวฟอันนั้น ไม่เคยเรื่องมาก

     

    ก้องคิดเองเลยว่าจะกินอะไร พี่กินทุกอย่างนั้นแหละ

     

    ได้ เตรียมตัวเตรียมใจกินอาหารสูตรไอ้แดงโดยเชฟก้องได้เลย

     

    ผมซื้อหมูเนื้อแดงหนึ่งกิโลปีกไก่ติดสะโพกสองชิ้นใหญ่ ซื้อข้าวหอมมะลิ ผักกาด มันฝรั่ง หัวหอม กระเทียม และหัวไชเท้าด้วยพี่อู๋บอกว่าแอบเปิดพันทิปอ่านวิธีทำไว้แล้ว คืนนี้เขาจะดองไชเท้าให้กินเอง

     

    หลังจากนั้นเราก็ซื้อของที่สามารถเก็บได้นานหน่อยวุ้นเส้น ปลากระป๋อง ไข่ไก่หนึ่งแพ็ค และเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอกกับแฮม ผมคิดอะไรไม่ออกก็เลยหยิบของซ้ำๆที่แม่ชอบซื้อพอเดินผ่านตู้แช่นม พี่อู๋หยิบนมแกลลอนใหญ่ใส่รถเข็น เขาหยิบโยเกิร์ตยี่ห้อพาสควาลชีส และเนยจืดก้อนใหญ่ พอเดินผ่านโซนเครื่องปรุง เขาก็กวาดทุกอย่างที่คิดเอาเองว่าน่าจะจำเป็นมาด้วยทั้งน้ำปลาซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำมันมะกอก ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ เกลือ พริกไทย -- พอก่อน เหนื่อยจะเล่าแล้วผมไม่ว่าหรอกถ้าซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้ แต่ไอ้สมุนไพรขวดสีเขียวนั่นมันอะไร

     

    ออริกาโน

     

    ผมอ่านชื่อเครื่องปรุงที่นอนเอ้งเม้งในรถเข็นแล้วรีบค้านบอกเขาว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ออริกาโน แต่คุณอุรัสยายืนยันว่าเอาไว้โรยหน้าหอมๆ แถมกินกับอะไรก็อร่อยยิ่งกว่าใส่ผงชูรส นี่พี่อู๋คิดว่าแกงจืดหมูสับควรใส่ออริกาโนเหรอ

     

    ไม่ต้องซื้อเยอะหรอกครับซื้อเท่าที่ใช้ก็พอ

    เราจะได้ไม่ต้องออกมาซื้อบ่อยๆไงพี่อู๋บอก เขาหยิบแม็กกี้มาอีกขวด อันนี้ผมเห็นด้วย ถ้าอดอยากปากแห้งไม่มีอะไรกินจริงๆแม็กกี้กับข้าวสวยร้อนๆช่วยเราได้

     

    พอซื้อทุกอย่างตามที่คุณอุรัสยาต้องการเขาก็เข็นรถไปโซนขนม กว้านซื้อมันฝรั่งทอดรสต่างๆมาเกือบสิบห่อหยิบโค้กขวดลิตรมาอีกสามขวด ปีโป้สี่ถุง คิทแคทแพ็คใหญ่ นี่กรมอุตุประกาศเตือนภัยเรื่องน้ำท่วมหรือไงทำไมเราถึงซื้อของเยอะขนาดนี้

     

    เย็นนั้นพี่อู๋จ่ายเงินค่าของกินทั้งหมดสามพันเจ็ดร้อยกว่าบาทผมหน้าซีดแต่เขากลับยิ้มระรื่น ส่งบัตรให้พนักงานรูดปรื๊ดๆไม่มีท่าทีเสียดายเราสองคนช่วยกันหิ้วถุงใบใหญ่หกใบไปที่รถและขนอย่างทุลักทุเลกลับห้องแล้วนายก้องเกียรติก็เริ่มหยิบเครื่องครัวมาเช็ดทำความสะอาด จัดวางเครื่องปรุงที่เพิ่งซื้อเข้าตู้ล้างเนื้อสัตว์ ล้างผัก แช่ผักด้วยน้ำส้มสายชู หั่นเก็บบางส่วนใส่ท็อปเปอร์แวร์เข้าตู้เย็นพวกมะนาว กระเทียม หัวหอมก็แยกไปอยู่อีกตู้ ของสดที่เน่าเร็วก็แช่ช่องฟรีซ ผมวุ่นวายกับการจัดของอยู่คนเดียวแต่คุณอุรัสยากลับยืนถือมีดหน้าทีวี ตามองแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่กระพริบแล้วชาตินี้ผมจะได้กินไชเท้าดองไหม

     

    กว่าห้องจะเรียบร้อยกว่าพี่อู๋จะหั่นไชเท้าแล้วหมักในน้ำส้มสายชูกับน้ำตาล กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็สี่ทุ่มพอดีผมหมดแรงจนนอนแผ่บนพื้น ส่วนพี่อู๋งอแงบ่นหิวข้าว ขอร้องให้ทำอะไรซักอย่างก่อนที่เขาจะหิวตาย

     

    พี่ไม่ตายหรอกพี่กินก๋วยเตี๋ยวตั้งสองชาม

     

    ผมบ่นแต่ก็ลุกขึ้นทำข้าวให้พี่อู๋กินเมนูแรกที่กอริลลาก้องได้โชว์ฝีมือคือข้าวผัดปลากระป๋อง ผมใส่น้ำมันนิดหน่อย ใส่กระเทียมไข่หนึ่งฟอง ตามด้วยซีอิ๊วเห็ดหอมแล้วยีให้แตก เมื่อไข่เริ่มสุกก็ใส่ข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยผัดข้าวกับไข่ให้เข้ากันแล้วใส่ปลากระป๋อง เลือกเอาแค่เนื้อปลาเพราะถ้าใส่ซอสด้วยข้าวจะแฉะผัดต่ออีกหน่อยจนข้าวแห้ง จากนั้นก็ตักใส่จานได้

     

    พี่อู๋ไม่มีส่วนช่วยในการทำมื้อดึกเขาแค่ยืนกอดอกมองผมทำนั่นทำนี่เงียบๆที่โต๊ะกินข้าวเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งกินด้วยกัน พี่อู๋ตักข้าวผัดร้อนๆเข้าปากเคี้ยวหยับๆสามสี่ทีแล้วทำหน้าเคลิบเคลิ้มได้ปลอมเปลือกมาก

     

    เป็นอะไรครับ?

     

    ผมถาม ตอนผัดข้าวก็ไม่ได้ใส่กัญชาเขาจะทำตาเยิ้มทำไม

     

    อร่อยจังเลยก้องพี่อู๋ตักกินอีกคำ รู้งี้ให้ก้องทำนานแล้วไม่กินของเวฟหรอก

     

    ผมอมยิ้ม ไม่มีใครชมว่าผมทำกับข้าวอร่อยนอกจากแม่เพราะเมื่อก่อนแม่เลิกงานเกือบหกโมงหน้าที่ทำกับข้าวเลยตกเป็นของผมโดยปริยาย พอแม่ตายก็ไม่ได้เข้าครัวจริงๆจังๆมานานพี่อู๋คือคนแรกที่ผมทำกับข้าวให้กิน พอได้ยินคำชมเลยดีใจเป็นพิเศษ

     

    เรากินกันอย่างเอร็ดอร่อย มื้อดึกตอนสี่ทุ่มอาจทำให้จุกจนนอนไม่ได้แต่ไม่มีใครสนพี่อู๋กินหมดไวมาก สองสามนาทีก็เกลี้ยงจานแล้ว ส่วนผมใช้เวลานานหน่อยพี่อู๋ก็เลยนั่งคุยเป็นเพื่อนระหว่างรอผมกินเสร็จ

     

    บทสนทนาของเราเป็นเรื่องทั่วๆไปเช่นพรุ่งนี้ผมจะซักผ้านะ มีเสื้อตัวไหนสีตกไหม จะได้ซักมือ แล้วอยากให้จัดหนังสืออยากให้เช็ดฝุ่นที่เปียโนหรือเปล่า พอพูดถึงเปียโน พี่อู๋ก็หันมองมันชั่วครู่เขาบอกว่าฝากด้วยนะ ใช้ผ้าแห้งเช็ดอย่างเดียวพอ อย่าใช้ผ้าเปียก เดี๋ยวไม้ชื้น

     

    ผมเห็นพี่มีเปียโน พี่เล่นเป็นด้วยเหรอครับเล่นให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?

     

    ผมถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน พี่อู๋ส่ายหน้าบอกว่าเปียโนหลังนี้ไม่ใช่ของเขา

     

    ของเอมน่ะพี่อู๋ตอบพอเห็นผมทำหน้างงว่าเอมคือใคร เขาก็ขยายความ น้องชายพี่ชื่อเอมพอเอมไม่อยู่พี่ก็เลยเอามาเก็บไว้ที่นี่

    แล้วพี่เล่นเป็นไหมครับ?

    ไม่เป็น พี่ไม่เอาถ่านซักเรื่องในบรรดาพี่น้องสามคนพี่คือตัวบ๊วยของบ้าน

     

    พี่ไม่ใช่บ๊วยหรอก จริงๆนะ คนบ๊วยที่ไหนจะทำงานจนมีรถมีคอนโดมีเงินจ่ายค่ายาค่าหมอให้เด็กเหลือขออย่างนายก้องเกียรติล่ะ ผมคิดแบบนั้นแต่ไม่ได้พูดออกไป พี่อู๋ดันกระพุ้งแก้มราวกับกำลังใช้ความคิด เขาคงลังเลว่าควรเล่าให้ฟังหรือเปล่าพอเห็นกอริลลาก้องนั่งเฉยไม่แสดงความกระหายใคร่รู้ เขาก็เล่าให้ฟังเองโดยไม่ต้องขอ

     

    พี่อู๋บอกว่าเขาไม่ใช่คนกรุงเทพภูมิลำเนาเดิมอยู่ภาคใต้ จังหวัดอะไรซักอย่างที่ชื่อยาวมากพี่อู๋โตมาในครอบครัวคนจีน แม่เป็นลูกสาวร้านขายวัสดุก่อสร้าง พ่อเป็นจิตแพทย์พี่สาวคนโตชื่อออมเป็นอาจารย์หมอที่หาดใหญ่ พี่อู๋เป็นลูกคนกลางจบอักษรศาสตร์จากมหาลัยในนครปฐมเพื่อมาเป็นทุกอย่างให้นายญี่ปุ่น(เขาพูดเองนะ)เกือบสิบปีส่วนเอมเป็นน้องคนสุดท้อง เกิดเดือนเดียวปีเดียวกับผมนิสัยขี้อ้อนตามประสาน้องเล็ก เรียนเก่งเหมือนพ่อกับพี่สาวแถมมีพรสวรรค์ด้านดนตรีก็เลยยิ่งเป็นที่รักของทุกคน

     

    ตอนเล่าเรื่องครอบครัวพี่อู๋ดูมีความสุขมากๆเมื่อได้พูดถึงพ่อ แม่ พี่ออม และเอม เขาไม่เศร้าหรือซึมเหมือนวันที่กินบอนชอนเมื่อผมถามว่าขอโทษนะครับ เอมตายเพราะอะไร พี่อู๋ตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่แสดงอาการหดหู่ให้เห็น แต่คำตอบนั้นทำผมช็อกพอควร

     

    เหมือนก้องนั่นแหละเขาพูดติดตลก แต่พี่ไปหาเอมไม่ทัน

     

    ผมแทบหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าเอมฆ่าตัวตายนึกไม่ออกเลยว่าควรปลอบเขายังไง จะพูดว่าอย่าเสียใจก็ไม่ได้เพราะน้องชายตายทั้งคนยิ่งพี่อู๋เล่าว่าเขาเป็นคนไปส่งเอมที่โรงเรียนวันแรก เป็นคนสนับสนุนให้เรียนเปียโนพอปิดเทอมก็พามาอยู่ด้วยกันที่นี่ ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าพวกเขาสนิทกันมาก มากจนการตายของเอมทิ้งแผลสดเอาไว้ในใจของพี่อู๋ถึงวันนี้

     

    เพราะแบบนั้น -- พี่ก็เลยช่วยผมใช่ไหม?

     

    พี่อู๋ยิ้ม ต่อให้พยายามทำตัวเข้มแข็งแค่ไหนผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความเสียใจของเขาอยู่ดี

     

    แต่พี่ดูเศร้าน้อยลงนะครับต่างจากวันที่ไปกินบอนชอน ตอนนั้นพี่ซึมตั้งนาน

    ถ้าเล่าให้มันเหมือนเรื่องธรรมดามันก็จะเป็นแค่เรื่องธรรมดา

     

    เขาบอกเคล็ดลับให้กอริลลาก้องที่เพิ่งผ่านการสูญเสียมาเหมือนกัน

     

    คนที่เรารักก็คงไม่อยากเห็นเราเศร้านานหรอกเนอะยังไงคนเป็นก็ต้องอยู่ต่อไป ใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆดีกว่า มีความสุขเผื่อคนตายด้วย

     

    ผมเก็บคำแนะนำของพี่อู๋มาคิด แต่เข้าไม่ถึงเนื้อความที่เขาพยายามสื่อจริงอยู่ที่คนเป็นต้องใช้ชีวิตต่อไป แต่การสูญเสียก็คือการสูญเสียอยู่วันยังค่ำ ผมไม่มีวันมองการจากไปของแม่เป็นเรื่องธรรมดาแถมการฆ่าตัวตายทิ้งรอยแผลให้คนข้างหลังมากกว่าการตายด้วยสาเหตุอื่นเหมือนที่ผมโทษตัวเองตลอดว่าเป็นเพราะรู้จักแม่ไม่มากพอช่วยแม่แบ่งเบาความเครียดไม่มากพอ แม่ถึงแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าการไปสู่อิสรภาพที่แท้จริงต้องทำยังไง

     

    พี่เล่าเรื่องของเอมให้ฟังแล้วพี่อู๋พูดเมื่อเห็นผมนั่งเหม่อ ก้องลองเล่าเรื่องแม่ให้พี่ฟังบ้างสิ

     

    ผมเงียบพักหนึ่ง เสียงในใจสั่งไม่ให้เปิดปากพูดอะไรออกไปถ้าบอกเขาว่าการตายของแม่คือความผิดของผม ถ้าพูดว่ายังเสียใจในสิ่งที่แม่ทำ พี่อู๋คงหาคำพูดร้อยแปดมาปลอบใจเพื่อให้ปลงกับสัจธรรมของชีวิตแน่นอนว่าผมไม่ต้องการแบบนั้น ไม่ต้องการคำปลอบใจ ไม่อยากให้เรื่องของเอมเป็นตัวอย่างของการกลับมาเข้มเข็งเพราะไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของนายก้องเกียรติทั้งนั้นแม้กระทั่งตัวผมเองก็ตาม

     

    ไว้วันหลัง -- ผมจะเล่าให้พี่ฟังนะครับ

     

    พี่อู๋บอกว่าได้สิแล้วช่วยเก็บจานไปล้างนาฬิกาบอกเวลาว่าห้าทุ่มสิบสองนาที เราแยกย้ายกันไปอาบน้ำผมกินยานอนหลับแล้วเข้านอน ส่วนพี่อู๋ใช้เวลาข้างนอกอีกหน่อย ผมได้ยินเสียงเขากดเปียโนเล่นไม่เป็นเพลงนานหลายนาทีก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา

     

     


     


     

    การพบหมอครั้งที่หกผมบอกหมอว่านอนไม่ค่อยหลับ

     

    ที่จริงผมมีปัญหาเรื่องนอนมาซักพักแล้วต่อให้กินยาและเข้านอนเป็นเวลาก็ไม่ช่วยเท่าไหร่ หมอพยายามชวนคุยเพื่อล้วงหาสาเหตุที่กอริลลาก้องกลัวการนอนหลับเขาถามถึงความเครียด ความกลัว ความกังวลแต่ผมให้คำตอบไม่ได้ ผมบอกเขาว่าตอนนี้มีความสุขดีพี่อู๋เลี้ยงผมดีมาก ดีจริงๆ ไม่มีเรื่องต้องเศร้าเลย

     

    หมอเริ่มมีท่าทีหนักใจดูเหมือนการปรับยาครั้งที่สามจะไม่ได้ผลดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนยานอนหลับตัวใหม่ให้ตามคำขอ หมอบอกว่าตัวนี้ออกฤทธิ์นานขึ้นหลับสนิทมากขึ้น น่าจะได้ผลดีกว่าตัวเก่า ว่าแต่ช่วงนี้ก้องเป็นไงบ้างอยู่กับพี่อู๋มีเรื่องขัดใจบ้างไหม หงุดหงิดไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่า

     

    ไม่มีครับ

     

    ผมโกหก เพราะจริงๆแล้วมีอยู่หนึ่งเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิด

     

    ผมเบื่อที่พี่อู๋ออกไปกินเหล้า

     

    ถ้าพูดในฐานะคนขออาศัยอยู่ฟรีๆผมไม่มีสิทธิ์ห้ามด้วยซ้ำ แต่การพะวงว่าเมื่อไหร่พี่อู๋จะกลับทำให้ผมประสาทเสียพอสมควรจริงอยู่ที่ไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพราะเขาอายุสามสิบเอ็ดแล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว แต่การออกไปสนุกข้างนอกของเขาส่งผลกระทบกับผมมากกว่าที่คิด

     

    ผมเป็นกังวลทุกครั้งที่ตื่นกลางดึกแล้วไม่เจอพี่อู๋  ซึ่งก็ทุกคืน -- แทบทุกคืนที่ผมนั่งบนเตียงคนเดียวในห้องนอนใหญ่ไม่มีใครอยู่บ้าน รองเท้าผ้าใบคู่โปรดของพี่อู๋หายไป ผมรู้ทันทีว่ามันอยู่ที่ไหนคงตะลอนย่ำเท้าในถนนข้าวสารกับเจ้านายขี้เมา รอเขากินเหล้าจนหัวทิ่มถึงจะได้กลับบ้านและทุกครั้งที่เปิดประตูเข้ามา ผมจะตื่นอยู่พอดี

     

    ก้อง ทำไมยังไม่นอน ไปนอนสิเร็วๆนอนดึกไม่ดี ต่อไปอย่านั่งรอพี่อีกนะ

     

    พี่อู๋พูดประโยคนี้ทุกคืนที่กลับบ้านมาเจอผมนั่งอยู่บนโซฟาเขาบอกให้ไปนอน แต่สภาพเละเทะเหมือนหมาทำให้ผมทนอยู่เฉยไม่ได้ ต้องตามเก็บเสื้อผ้าที่พี่อู๋ถอดทิ้งไว้บนพื้นคืนไหนที่เขาอ้วกก็ต้องเช็ดอีก กว่าจะได้นอนก็ตีสี่ บางวันตีห้าผมหลับได้แค่สองสามชั่วโมง แต่พี่อู๋สามารถนอนยาวได้ถึงเที่ยงเพราะไม่ต้องออกไปทำงานวันๆมีแค่กิน นอน ดูหนัง อ่านหนังสือ กินเหล้า กลับมานอนต่อโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเข้าใจหรือยังว่าทำไมผมถึงเกลียดการออกไปดื่มของเขามาก มากจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่หมอต้องปรับยาครั้งนี้

     

    เมื่อการซักถามเสร็จเรียบร้อยผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณหมอแล้วเตรียมตัวกลับบ้านพอออกมาข้างนอก พี่อู๋ก็ถามว่าทำไมถึงดูซึมๆ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องใส่ใจหรอกเรื่องเล็กๆน้อยๆ เดี๋ยวก็หายเอง ผมไม่เป็นไร

     

    ถ้ามันทำให้ก้องซึมแบบนี้พี่ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะ

     

    พี่อู๋ยังคงพูดต่อ

     

    บอกพี่มาเถอะ ก้องจะได้ระบายด้วยไง

     

    ผมไม่อยากบอกไม่อยากเล่าอะไรให้เขาฟังอีกแล้ว พี่อู๋ถอดใจกับการง้อกอริลลาก้องที่กลับไปเป็นคนไร้อารมณ์เหมือนก่อนหน้าเขาพูดแค่ว่าสบายใจเมื่อไหร่ก็เล่านะ แต่พอถึงเวลาที่ผมต้องการเขาจริงๆพี่อู๋ไม่เคยอยู่ใกล้เลย

     

    คืนนี้พี่จะไปกินเหล้ากับเพื่อนอีกไหมครับ?

    ไปสิพี่อู๋ตอบหน้าตายไม่เอะใจในน้ำเสียงขุ่นเคือง ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ

    ทำไมไม่ไปให้เร็วกว่านั้นล่ะครับจะได้กลับเร็วๆ

    รอก้องหลับก่อนแล้วค่อยไป

    พี่ไม่รู้เหรอว่าผมนอนไม่หลับผมไม่เคยหลับสนิทเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับพี่

    พูดกันดีๆสิก้องทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย?

     

    ผมเม้นปากแน่นเริ่มอยากร้องไห้เพราะอธิบายให้พี่อู๋ฟังไม่ได้ ผมไม่กล้าบอกความต้องการของตัวเองไม่กล้าขอพี่อู๋ว่าอย่าไปเลย ช่วยอยู่บ้านและอย่าเมากลับมาเพื่อผมได้ไหม ผมนอนไม่หลับเพราะเป็นกังวลว่าพี่จะมาเมื่อไหร่จะขับรถชนใครไหม จะอ้วกใส่โซฟาอีกหรือเปล่า ความสุขตอนกลางคืนของพี่ทำลายชีวิตผมและตอนนี้มันเริ่มหมดลงแล้ว หนึ่งเดือนผ่านไป ผมไม่อยากอยู่กับพี่อู๋แล้ว

     

    ทำไมพี่กินเหล้าหนักจัง ไม่กินซักวันจะลงแดงตายเหรอ?

    ก้อง พี่ก็มีสังคมมีเพื่อนนะพี่อู๋ขมวดคิ้ว ผมตอบกวนๆว่า อ้อ เหรอผมเห็นพี่ไม่เคยออกจากห้องตอนกลางวัน คิดว่าเพื่อนไม่คบเสียอีก

    ทำไม? ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า?

    เปล่าครับ

    ก้องเกียรติ

     

    คราวนี้ผมกัดริมฝีปากเริ่มอึดอัดเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ผมบอกพี่อู๋ว่าพอเถอะครับ ผมเหนื่อยผมอยากกลับไปพักที่บ้าน พอเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของกอริลลาก้อง พี่อู๋ก็เลี้ยวรถกลับแผนไปกินของอร่อยถูกพับทิ้งกะทันหัน เราไม่พูดกันอีกเลย

     

     


     

     

     

    ผมเจอแม่อีกครั้งหน้าประตูบ้าน

     

    แม่เพิ่งกลับจากทำงานท่าทางเหนื่อยๆแต่ก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม

     

    ก้องกินข้าวยังวันนี้แม่ซื้อเป็ดเอ็มเคมาฝาก แล้วนั่นไปทำอะไรมาทำไมเนื้อตัวมอมแมมเหมือนไอ้แดงแบบนี้ ไปเล่นฝุ่นที่ไหน หืม?

     

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองมอมแมมจนกระทั่งแม่บอกพอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูก็เห็นแต่คราบฝุ่นสีเทาเกาะทั่วทั้งตัวผมสะบัดมือสองสามที เตรียมไปอาบน้ำตามที่แม่สั่งบ้านยังคงเป็นบ้านหลังเดิมที่เราอยู่ด้วยกัน พื้นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เดินขึ้นบันไดผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน หยิบชุดตัวใหม่และผ้าขนหนูเตรียมอาบน้ำ พอเดินลงบันไดก็เจอแม่ยืนรออยู่

     

    เหงาไหมก้อง?

     

    ไม่เหงาครับ

     

    ผมตอบแต่ยังไม่คิดอะไรจนกระทั่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เจอแม่ยืนรออีก

     

    ดีใจไหมที่แม่กลับบ้าน?

     

    ดีใจครับ

     

    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถามแต่อะไรแปลกๆหลังจากนั้นเรากินเป็ดย่างกับหมี่หยกด้วยกันในครัว แม่เปิดทีวีฟังข่าวส่วนผมก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เราไม่ค่อยพูดคุยกันบนโต๊ะอาหารแต่วันนี้แม่ถามมากผิดปกติ

     

    วันก่อนไปกินน้ำแข็งไสเหรอ?

    แม่รู้ได้ไง?

     

    ผมถามพลางนึกถึงร้านซอลบิงที่เซ็นปิ่นวันนั้นผมไปกับใครนะ ใครซักคนที่ไม่ใช่แม่ อ๋อ -- พี่อู๋นั่นเอง

     

    เขาดูแลก้องดีใช่ไหม?

    แม่หมายถึงใคร?

     

    แม่ยิ้มแล้วลูบหัวผมน้ำตาเริ่มคลอเบ้าจนต้องถามแม่ว่าร้องไห้ทำไมแม่ส่ายหน้าก่อนจะบอกว่าแค่รู้สึกดีใจที่มีคนรับผมไปเลี้ยง โชคดีจริงๆที่เขาเจอก้องแม่สบายใจแล้ว

     

    แม่พูดอะไร ก้องก็อยู่บ้านกับแม่มีแค่แม่นั่นแหละที่เลี้ยงก้อง

     

    แม่หัวเราะแล้วกินมื้อเย็นจนหมดหลังจากนั้นผมก็เก็บจานไปล้างเดินผ่านแม่ที่กำลังนั่งดูซีรี่ส์เกาหลีช่วงเย็นไปชั้นสอง ผมทำการบ้านจัดตารางเรียน อ่านหนังสือตามปกติ ลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมธรรมดาลืมว่าแม่ตายแล้ว ลืมว่าไฟไหม้บ้านหมดแล้วดังนั้นในความฝันผมจึงไม่เอะใจอะไรจนกระทั่งเดินลงบันไดมาช่วงค่ำแล้วทุกอย่างก็หายวับราวกับไม่เคยมีอยู่

     

    ผมมองรอบตัวด้วยความงุนงงเมื่อกี๊เพิ่งเดินลงบันไดแท้ๆแต่บ้านทั้งหลังหายไปเหลือแค่ซากดำๆกับเศษขยะกองใหญ่ผมเดินออกไปนอกบ้าน ในซอยของเราไม่มีสิ่งปลูกสร้างเหลือเลยซักหลัง ขณะที่กำลังยืนเอ๋ออยู่ตรงรั้วแม่ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ สวมเสื้อสีขาว มัดผมหางม้า แต่งหน้าสวยเหมือนจะออกไปเที่ยวไหน

     

    ก้องอยู่ได้ใช่ไหม?

     

    แม่ถาม ผมยิ่งสับสนมากกว่าเดิมแต่ก็ตอบตามสัญชาติญาณว่าอยู่ได้ครับ

     

    งั้นแม่ไปแล้วนะ

    แม่จะไปไหน?

    เดินเล่นแถวนี้แหละ

    แล้วบ้านเราล่ะ?บ้านเราหายไปไหนเหรอแม่?

    ก้องแม่ยิ้มกลับบ้านได้แล้ว

     

    แค่ประโยคนั้นประโยคเดียวจากปากแม่ --

    แค่คำว่ากลับบ้านได้แล้ว ผมก็สะดุ้งตื่นทันที

     

    ในห้องไม่มีใครเลยนอกจากนายก้องเกียรติที่ใบหน้าชุ่มเหงื่อความมืดรายล้อมรอบตัวจนมองเห็นแค่ลางๆ ผมลงจากเตียง เดินออกไปข้างนอกอย่างที่ทำประจำทุกคืนพอเปิดไฟตรงห้องโถงถึงรู้ว่าพี่อู๋ไม่อยู่เพราะรองเท้าคอนเวิร์สหายไป กระเป๋าสตางค์ที่ชอบวางทิ้งเพ่นพ่านก็ไม่มีเขาคงออกไปเที่ยวข้าวสารตอนผมหลับ เป็นแบบนี้ประจำ เขามักจะหายไปโดยไม่บอกทุกคืนแล้วก็กลับมาตอนตีสามซึ่งหมายความว่าอีกยี่สิบนาทีต่อจากนี้ พี่อู๋จะมา

     

    เสียงฝนจากด้านนอกเรียกให้หันมองหน้าต่างนาฬิกาบอกเวลาว่าตีสองสี่สิบสองนาที นายก้องเกียรติโดนความเครียดเข้าเล่นงานอีกครั้งแม่ไม่น่าทำแบบนี้เลย ไม่น่าผูกคอตายในบ้านเลย ผมฝังใจเพราะแม่ผมกลัวการอยู่คนเดียวก็เพราะแม่ แล้วเมื่อกี๊ยังตามมาถึงในฝันอีก ทำไมไม่ปล่อยผมไปทำไมแม่ไม่หายไปจากใจของผมเสียที

     

    การอยู่เงียบๆในห้องมืดยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านถ้าตื่นกลางดึกแล้วไม่เจอพี่อู๋ ผมจะเริ่มกระวนกระวายทุกครั้ง ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงกินเหล้าทุกวันทำไมไม่อยู่บ้านกับผม ทำไมไม่อยู่ข้างๆตอนที่ผมต้องการเพื่อน แน่นอนว่าพี่อู๋เลี้ยงผมอย่างดีเขาดูแลนายก้องเกียรติให้กินอิ่มนอนสบาย แต่แค่นั้นไม่พอหรอกผมไม่ได้ต้องการแค่ที่อาหารหรือที่นอน ผมอยากอยู่อย่างปลอดภัยอยากสบายใจเมื่อลืมตาแล้วเจอเขา แต่พี่อู๋ก็ทำให้ผิดหวังทุกคืน

     

    นาฬิกาบอกเวลาว่าตีสามยี่สิบเจ็ดนาที

     

    พี่อู๋ยังไม่กลับบ้าน

     

    ผมนั่งร้องไห้คนเดียวบนโซฟา มีเพียงเสียงฝนและความมืดเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนผมรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ พี่อู๋ที่เคยเข้าใจก็เปลี่ยนเป็นคนละคนตั้งแต่เล่าเรื่องเอมให้ฟังเมื่อก่อนเขาออกไปดื่มก็จริงแต่ไม่หนักขนาดนี้พักหลังพี่อู๋กลับช้ากว่าเดิมหนึ่งชั่วโมง เมาจนคุยไม่รู้เรื่องหนักกว่าเดิมที่สำคัญ --การควบคุมอารมณ์ของเขาก็ไม่เท่าเดิม

     

    นาฬิกาบอกเวลาว่าตีห้าเก้านาที

     

    ผมยังคงรอพี่อู๋กลับบ้านในขณะที่กำลังฟุบหน้ากับพนักพิงโซฟา เสียงลากเท้าจากข้างนอกก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงไขประตู ก่อนที่แสงจากทางเดินจะสาดเข้ามาในห้อง พี่อู๋ยืนอยู่ตรงนั้น กลับมาได้เสียที

     

    ยังไม่นอนอีกเหรอ?

     

    เขาไม่ได้เมาหัวทิ่มเหมือนวันอื่นๆแต่ก็เละเทะเอาเรื่องเหมือนกันพี่อู๋สะบัดรองเท้ากระเด็นไปไกล เขาเดินมาที่โซฟาแต่ไม่เล่นตลกกลบเกลื่อนด้วยการร้องเพลงเหมือนคืนก่อนๆเขาแค่มองผมร้องไห้ด้วยสายตาเวทนา ผมถามพี่อู๋ว่าไปไหนมา รู้ไหมว่าผมรอพี่ตั้งนานทำไมมาเอาป่านนี้ ทำไมเพิ่งกลับบ้านตอนนี้

     

    ไปข้าวสารมา คำตอบนั้นยิ่งทำให้ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม ก้องร้องไห้ทำไม?ยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้อีกเหรอ?

     

    พี่อู๋ถาม แต่ผมไม่ตอบ

     

    มันก็หลายเดือนแล้วนะก้องเลิกเสียใจซักทีเถอะ ใช้ชีวิตให้มันมีความสุขบ้าง

    เหมือนที่พี่ออกไปกินเหล้าทุกคืนน่ะเหรอ?

    ใช่

    ถ้าต้องใช้ชีวิตแบบพี่ ผมตายตามแม่ไปยังจะดีกว่า

     

    ผมถือโอกาสนี้ระบายความรู้สึกตัวเองผมบอกเขาว่าเบื่อวงจรอุบาทว์ของพี่อู๋ขนาดไหน ชีวิตเลื่อนลอยที่กินๆนอนๆและเอาแต่เที่ยวเตร่มันไร้สาระอายุก็สามสิบกว่าแล้ว ทำไมยังคิดไม่ได้ ทำไมต้องทำให้เป็นห่วง ทำไมต้องทำให้ระแวงทุกคืนพี่เคยรู้บ้างไหมว่าผมไม่มีความสุขก็เพราะพี่ ผมนอนไม่หลับก็เพราะพี่เพราะพี่ทั้งนั้น ทำไมพี่ถึงเป็นคนไม่ได้เรื่องแบบนี้

     

    อายปากตัวเองบ้างนะ เป็นแค่กาฝากอย่าเสือกให้มาก

     

    ผมเงยหน้ามองพี่อู๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเขาหน้าบึ้ง ดวงตามองต่ำด้วยความไม่พอใจ

     

    กูก็เป็นของกูอย่างนี้ตั้งแต่แรก จะไปไหนกลับเมื่อไหร่ก็เรื่องของกูคิดบ้างว่าที่กินอยู่สุขสบายก็เพราะใคร ใครให้ที่ซุกหัวนอน ใครที่จ่ายเงินรักษามึงใครที่ซื้อข้าวให้มึงกิน ถ้ารู้ว่าให้อยู่ด้วยแล้วปากดีขนาดนี้ กูทิ้งมึงไว้ที่วัดยังดีกว่า

     

    ผมโกรธจนตัวสั่นในอกเจ็บจี๊ดเหมือนโดนเข็มแหลมๆทิ่มทะลุเป็นร้อยเล่ม จริงอยู่ที่ผมเคยเตรียมใจว่าวันนึงจะโดนผลักไสไล่ส่งแต่พอได้ยินจากปากพี่อู๋เองแล้วกลับทำใจยอมรับไม่ได้ ผมรับไม่ได้ที่เขาทวงบุญคุณด้วยคำพูดร้ายกาจแบบนั้นเขาทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าการตื่นมาไม่เจอใครเสียอีก

     

    แล้วพี่ช่วยผมทำไมตั้งแต่แรกทำไมไม่ปล่อยให้ผมตาย พี่จอดรถมาช่วยกาฝากอย่างผมทำไม!”

    เพราะกูไม่รู้ไงว่ามึงจะทำตัวแบบนี้ถ้ากูรู้ว่ามึงลามปามด่าได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ กูคงปล่อยให้มึงนอนตายในวัดแล้ว!”

    ก็ทำไมพี่ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าไม่อยากให้ผมมาอยู่ด้วย!”

    ตอนนั้นมึงน่าสมเพชจะตายก้อง!ถ้ากูไม่รับก็คงไม่มีใครเอามึงแล้ว ดูไม่ออกเหรอว่าไม่มีใครอยากได้มึงลุงนั่นก็ไม่อยากได้มึง พวกเด็กวัดก็ไม่อยากได้มึง ไม่มีใครอยากรับมึงไปเลี้ยงทั้งนั้นเพราะมึงมันภาระ!”

     

    เพราะมึงมันภาระ

    มึงมันภาระ

    ภาระ

     

    ผมรู้ว่าตัวเองเป็นภาระแต่พี่อู๋ไม่น่าพูดตรงๆแบบนี้เลย

     

    ผมผิดเองที่ร้องขอมากไป จริงๆแค่มีข้าวกินมีที่ซุกหัวนอนก็เพียงพอแล้ว แต่ผมกลับโลภมากอยากให้พี่อู๋อยู่ด้วย อยากให้เขาปลอบเหมือนเมื่อก่อนพอรู้ว่าลึกๆเขารำคาญและไม่ได้เต็มใจช่วยตั้งแต่แรกก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเลย--

     

    ก้องเกียรติไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครเลย

     

    พ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังไม่เกิดแม่ชิงฆ่าตัวตายแบบไม่บอกกล่าว เพื่อนบ้านก็รังเกียจไม่รับไปอยู่ด้วยนี่ยังมีพี่อู๋ที่เพิ่งสารภาพว่าไม่ได้อยากช่วยตั้งแต่แรกอีก ทุกอย่างที่เขาทำเป็นเพราะสถานการณ์กดดันเขาแค่เวทนาเด็กอนาถาไร้อนาคตแบบผมเท่านั้น 

     

    ผมกัดฟันร้องไห้ หัวใจแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดีเมื่อคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของใครทั้งๆที่พี่อู๋คือคนเดียวที่เป็นหลักพึ่งพิงให้ผม เป็นคนเดียวที่ผมเคารพและอยากมีชีวิตอยู่กับเขาแต่พอได้ยินแบบนี้ก็ขอลา ผมคงไม่หน้าด้านพอจะเกาะเขากิน หลังจากนี้ผมจะไม่เป็นภาระให้พี่อู๋อีกจะไม่เสือกชีวิตของเขา จะไม่ทำให้เขารำคาญแล้ว

     

    จะไปไหน! กลับมาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!”

     

    พี่อู๋ตวาดเสียงดังเมื่อผมเดินหายกลับเข้าไปในห้องนอนผมไม่ได้หนี แค่เข้ามาเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดเก่าของตัวเองพี่อู๋รีบขวางทางเมื่อเห็นว่าผมจะออกจากห้อง สีหน้าของเขาดูไม่พอใจราวกับอยากต่อยนายก้องเกียรติเต็มที

     

    จะไปไหน?

    ไปตาย

     

    ผมเดินกระแทกไหล่ของเขาพี่อู๋สาวเท้าตามมาติดๆ พอเห็นผมสวมรองเท้าแตะเยินๆของตัวเองเขาก็กระชากแขนผมอย่างแรงพี่อู๋เขย่าตัวผมแล้วเอาแต่ถามว่าทำไมไม่ตอบ ตอบสิ ตอบมาว่าจะไปไหนจะไปตายที่ไหนอีก เงียบทำไม พูดสิ บอกให้พูดก็พูดสิวะ

     

    พี่จะเสือกทำไมผมจะไปตายห่าที่ไหนก็เรื่องของผม!”

    ไอ้ก้อง!”

     

    พี่อู๋ตวาด เขายกมือจะตีผมความโมโหที่คุมไม่อยู่ทำให้ผมกลัวจนเข่าอ่อน ล้มพับบนพื้นเพราะตกใจเรามองหน้ากันอยู่นานในห้องที่มีแค่แสงฟ้าแลบสาดเข้ามาทางหน้าต่างผมร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะกลัวถูกตี ส่วนพี่อู๋มองมาด้วยความผิดหวังตาของเขาแดงก่ำและคลอด้วยน้ำตา

     

    ผมไม่อยากให้พี่ออกไปกินเหล้าผมแค่อยากให้พี่อยู่ด้วย

     

    ผมสะอื้นน้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าตอนไฟไหม้บ้าน

     

    พี่ไม่รู้หรอกว่าผมกลัวแค่ไหนที่ตื่นมาแล้วไม่เจอพี่ผมตื่นมารอพี่กลับทุกวันจนไม่ได้หลับได้นอน ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร พี่เปลี่ยนไปตั้งแต่เล่าเรื่องเอมให้ฟังถ้ารู้ว่าการทำความรู้จักชีวิตพี่ทำให้พี่เปลี่ยนไปขนาดนี้ ผมไม่ถามยังดีกว่า

     

    พี่อู๋ปากสั่นเขาลดมือที่เตรียมจะฟาดผมลงข้างตัว สีหน้าสับสนของเขาบ่งบอกว่าความโกรธเมื่อครู่จางหายไปแล้วพี่อู๋อาจจะเพิ่งสร่าง หรือไม่ก็เพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับผม

     

    พี่ -- พี่ขอโทษ

     

    เขาพูดในที่สุด แต่คำขอโทษของเขาลบแผลในใจของผมไม่ได้

     

    พี่เพิ่งทำเรื่องแย่ๆไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็เลยเครียดจนมาลงที่ก้องจริงๆแล้วพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้มองว่าก้องเป็นภาระ

    พี่พูดเองว่าน่าจะทิ้งให้ผมตายที่วัดพี่บอกว่าไม่มีใครต้องการผม

    พี่ขอโทษ พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ --” พี่อู๋เสียงสั่น เขาย่อตัวลงมองผมที่กำลังร้องไห้อย่าโกรธพี่เลยนะก้อง กลับไปนอนต่อดีกว่านะ นะก้อง --มาสิเดี๋ยวพี่พาไปนอน

    พี่ด่าผมว่าเสือกพี่เกลียดที่ผมพูดจาลามปามชีวิตของพี่ งั้นพี่จะรั้งผมไว้ทำไม?จะปล่อยให้กาฝากเกาะแดกต่อทำไมถ้ามันเป็นภาระนัก

     

    ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากมือของเขาแต่พี่อู๋แข็งแรงกว่าจึงออกแรงดึงกันไปมาตรงหน้าประตู พอผมเอื้อมมือจับลูกบิดพี่อู๋ก็เหวี่ยงผมไปที่โซฟาจนเจ็บทั้งตัว

     

    พี่เป็นบ้าอะไร! ถ้ารำคาญมากก็ปล่อยให้ผมไปสิ! ผมจะได้ไปให้พ้นๆหน้าพี่ไง!”

    ก้อง พี่ขอร้องอย่าออกไปตอนนี้เลย

    จะตอนไหนก็เหมือนกัน หลบไป!”

    ก้อง --”

    ผมจะเป็นจะตายแล้วพี่เสือกอะไร!พี่จะเอายังไง! พี่จะเอายังไงกับผม!”

     

    ผมตะโกนใส่หน้าเมื่อถูกพี่อู๋ดึงแขนไว้ผมดิ้น พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากเขา แต่จู่ๆพี่อู๋คุกเข่าลงกอดเอวอ้อนวอนผมด้วยท่าทีต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เขากำลังทำให้ผมไขว้เขวจนไม่กล้าขยับตัว

     

    อย่าไปนะก้องพี่อู๋ขอร้องเสียงสั่น อย่าออกจากบ้าน อย่าบอกว่าจะตายอย่าให้พี่เป็นต้นเหตุทำให้ใครต้องตายอีกได้ไหม

     

    พี่อู๋ทรุดตัวนั่งบนพื้นแล้วยกมือปิดหน้าเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาร้องไห้ เอาแต่คร่ำครวญว่าอย่าพูดว่าจะไปตายได้ไหมอย่าพูดแบบนั้นอีกได้ไหม พี่ผิดเองที่เอาความหงุดหงิดมาลงที่ก้อง พี่รู้ว่าก้องรอทุกคืนแต่พี่เลิกไม่ได้พี่หยุดตัวเองไม่ได้เพราะวันไหนที่ไม่ได้กินเหล้า พี่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเอม

     

    ผมเริ่มสับสน  ทั้งโกรธทั้งสงสารพี่อู๋อย่างบอกไม่ถูกพอได้ยินเสียงสะอื้นผมก็เปลี่ยนใจลงจากโซฟาไปนั่งบนพื้นเพื่อรับฟังเขาใกล้ๆ

     

    พี่เป็นคนบอกก้องเองว่าต้องเข้มแข็งต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆ ต้องลืมทุกอย่างแล้วเดินหน้าต่อไป พี่อยากเป็นตัวอย่างให้ก้องแต่พี่กลับทำไม่ได้พี่หยุดโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็นความผิดของพี่ เพราะพี่เห็นแก่ตัว พี่ไม่รับสายเอมพี่เลือกงานก่อนเอม เอมก็เลยตาย

     

    ผมคงไม่กล้าพูดว่าว่าพี่อู๋ไม่มีส่วนทำให้เอมฆ่าตัวตายผมไม่อยากปลอบเขาด้วยคำว่าอย่าโทษตัวเองเลย พี่ไม่ได้ทำ เอมเลือกเองพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ดังนั้นผมจึงทำแค่กอดพี่อู๋ บอกเขาว่าไม่เป็นไรไม่เป็นไร ร้องเลย ร้องออกมา ถ้าพี่เสียใจก็แค่ร้องไห้ออกมา มันไม่ยากเลยครับร้องดังๆ เค้นน้ำตาออกมาเยอะๆ ร้องจนขี้มูกโป่งไปเลย แล้วพี่จะดีขึ้นพี่จะรู้สึกดีขึ้นแค่ร้องไห้ออกมา

     

    จำที่พี่บอกก้องวันที่เราไปยูเนี่ยนมอลล์ได้ไหม?

     

    จำได้ครับ ผมตอบพลางนึกย้อนถึงคำพูดสวยหรูที่เข้าไม่ถึงเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

     

    มีคนบอกให้พี่คิดแบบนั้นพี่ท่องทุกวันต้องมีความสุขสิ มีความสุขเผื่อเอม ลืมทุกอย่างแล้วใช้ชีวิตต่อไปแต่ก้องก็รู้ใช่ไหมว่าใครจะทำได้ ใครมันจะลืมง่ายขนาดนั้น

     

    ผมเห็นด้วยยอมรับว่าดีใจที่ประโยคสะกดจิตพวกนั้นไม่ใช่ความคิดของพี่อู๋ แต่อยากรู้เหมือนกันว่าใครกรอกหูเขาแบบนั้นอย่าให้ผมเจอนะ จะต่อยปากแตกเลย คนเฮงซวย  

     

    พี่อู๋ใช้เวลาเกือบสามสิบนาทีในการปลดปล่อยอารมณ์ที่กักเก็บเอาไว้มานานพอหยุดสะอื้น เขาก็ผละตัวออก พี่อู๋กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว แววตาใจดีของเขามองมาเหมือนวันแรกที่เจอกันเขาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะขอโทษที่ทำให้ตกใจ

     

    พี่ขอโทษนะพี่น่าจะบอกก้องดีๆตั้งแต่แรกพี่อู๋ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ผมก้องคงกลัวมากแน่เลย พี่ตะคอกดังขนาดนั้น

    ผมก็ผิดเหมือนกันที่พูดจาไม่ดีกับพี่ก่อนผมแค่อยากให้พี่อยู่ด้วย

    แต่พี่ก็กลับบ้านทุกคืนนะ พี่รู้ว่าก้องรอ

     

    ผมไม่อยากพูดอะไรต่อก็เลยมองกองหนังสือรกๆที่อยู่ตรงหน้าพี่อู๋ถอนหายใจยาว เริ่มแสดงท่าทีอ่อนล้าให้เห็นผมคิดเอาเองว่าเขาคงเหนื่อยเพราะเมื่อกี๊เพิ่งอาละวาดแถมยังร้องไห้ตั้งครึ่งชั่วโมงดังนั้นผมจึงบอกพี่อู๋ให้ไปอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ ผมจะเก็บให้เอง

     

    คิดแล้วอายว่ะ ต่อไปก้องจะเข้มแข็งได้ไงถ้าพี่เป็นแบบนี้

     

    พี่อู๋พูดขณะถอดกางเกงยีนเขาเดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเตรียมหยิบแปรงสีฟันผมที่กำลังโยนเสื้อผ้าใส่ตะกร้านิ่งชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเขาหน้าประตูห้องน้ำ

     

    ผมว่าการยอมรับความรู้สึกตัวเองไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยครับ

     

    ผมเกริ่น

     

    มันไม่เป็นไรถ้าพี่จะร้องไห้เพราะคิดถึงเอมพี่เป็นคนสูญเสีย พี่มีสิทธิ์เสียใจได้นานเท่าที่ต้องการ ไม่ต้องรีบเข้มแข็งเพื่อเป็นแบบอย่างให้ผมพี่ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆมากกว่าหลอกตัวเอง ผมไม่รู้ว่าการแนะนำแบบนี้จะเสือกเกินไปไหมแต่ถ้าพี่อยากร้องไห้ก็ร้องออกมานะครับ ผมไม่ล้อหรอกว่าว้ายๆ อู๋ร้องไห้อู๋ร้องไห้ ผมโตแล้ว ผมเข้าใจ ผมจะเว้นระยะให้พี่ด้วย ถ้าพี่อยากอยู่คนเดียวอ่ะนะ

     

    พี่อู๋ที่กำลังแปรงฟันถึงกับหยุดชะงักเขาเดินมากอดผมทั้งๆที่ฟองยังฟ่อดเต็มปากจนเปื้อนชุดที่ใส่ ผมอยากร้องอี๋เมื่อคราบฟองเลอะตรงไหล่แต่บรรยากาศไม่ให้ผมจะแสดงท่าทีรังเกียจได้ไงเพราะเรากำลังซึ้งกันอยู่

     

    ยิ่งก้องดีกับพี่เท่าไหร่พี่ก็ยิ่งรู้สึกแย่ที่ทำแบบนั้น เรื่องที่พูดเมื่อกี๊อย่าใส่ใจเลยนะ พี่แค่อยากทำให้ก้องเสียใจจริงๆแล้วลุงชัยอยากให้ก้องไปอยู่ด้วย แต่พี่บอกว่าพี่มีกำลังเยอะกว่าพี่น่าจะดูแลก้องดีกว่า เขาก็เลยยอมยกก้องให้พี่

    ฟังแล้วเหมือนพี่กับลุงกำลังพูดถึงหมามากกว่าผมย่นหน้า ไปแปรงฟันเถอะครับฟองหล่นบนพื้นแล้ว

     

    พี่อู๋พยักหน้า เขากลับไปอาบน้ำส่วนผมรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดเสื้อ พออาบเสร็จเขาก็กระโดดขึ้นเตียงมานอนข้างๆ นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงสามสิบเก้านาทีกอริลลาก้องนอนหลับบนเตียงกับผู้ปกครองที่เพิ่งพูดทำร้ายจิตใจตัวเองจนย่อยยับไม่มีชิ้นดีต่อให้เขาบอกว่าทั้งหมดแค่พูดเพราะอยากเอาชนะ แต่รอยแผลที่เขาฝากไว้จะไม่มีวันหายไปจากใจผมแน่นอน

     



     


     

    นาฬิกาบอกเวลาว่ากี่โมงไม่รู้

    เราสองคนตื่นเพราะเสียงรถกับข้าว

     

    ผมเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นนั่งส่วนพี่อู๋รีบลุกตามเพราะคิดว่าผมจะออกไปไหนพอรู้ว่าเพิ่งนอนไปได้สามชั่วโมงเราก็แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาด้วยกันทั้งคู่พี่อู๋หยิบผ้านวมมาคลุมหัว ส่วนผมหาวปากกว้างแล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อดูว่าวันนี้มีอะไรขายบ้าง

     

    เงาะจ้า เงาะสดๆจากสวนสีแดงสวยลูกงามเนื้อขาวหวาน ราคาไม่แพงอย่างที่คิด โลกละสี่สิบห้าบาทสี่สิบห้าบาทเท่านั้น -- แล้วยังมีหมูสามชั้นสันในสันคอสันนอกเนื้อแดงก็มีนะจ๊ะ เนื้อไก่ก็มี โลละแปดสิบบาท ครึ่งโลก็ขายจ้าส่วนผักมี --”

     

    พี่อู๋เดินตามมาด้านหลัง เขาขมวดคิ้วมองรถกับข้าวก่อนจะถามว่ากินอะไรดีเดี๋ยวนี้เราไม่ได้ซื้อของสดที่ซูเปอร์มาเก็ตกันแล้ว อาศัยรถกับข้าวที่มาจอดหน้าคอนโดทุกๆสามวันแทนถึงจะราคาแพงกว่าในห้างนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าฝ่าแยกรัชดาไปซื้อเอง

     

    พี่อยากกินอะไรครับ?ผมถาม และแน่นอนว่าคำตอบของพี่อู๋คืออะไรก็ได้

    ข้าวสารหมดแล้วใช่ไหม?งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อที่เซเว่นเอง ก้องจะเอาอะไรหรือเปล่า?

    ไม่เอาครับ

     

    ผมตอบก่อนจะรับเงินห้าร้อยบาทจากพี่อู๋เราเดินลงลิฟต์พร้อมกันแล้วแยกย้ายตรงหน้าคอนโด ผมทำหน้าที่ซื้อผักและเนื้อสัตว์เพื่อทำกับข้าวส่วนพี่อู๋เดินเกาตูดไปเซเว่นด้วยท่าทางเหมือนคนยังไม่ตื่นเต็มที่ ผมมองตามหลังเขาลึกๆก็ยังเสียใจอยู่เมื่อคิดถึงคำพูดร้ายกาจของพี่อู๋ เมื่อคืนเขาเพิ่งไล่ผมออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาแต่ตื่นมากลับยื่นเงินให้ห้าร้อยไปซื้อกับข้าว ผมไม่รู้ว่าเราจะอยู่แบบนี้กันไปถึงเมื่อไหร่ถ้าคราวหน้าเขาใช้อารมณ์อีก ผมจะไม่ทนอีกแล้ว

     

    วันนี้รถกับข้าวมีฟักทอง ผมคิดว่าอยากทำเมนูผักให้พี่อู๋กินบ้างก็เลยซื้อกระเทียมซื้อไข่ ซื้อหมูเนื้อแดงอีกครึ่งกิโลและซื้อแอปเปิ้ลมาด้วย พอได้ของครบก็ขึ้นห้องเตรียมล้างผักกับหมูระหว่างรอพี่อู๋กลับจากเซเว่น

     

    ผมปอกเปลือกหั่นฟักทองเนื้อแน่นสมคำอวยของแม่ค้าเป็นชิ้นเล็กๆวางเตรียมในจาน ผมตอกไข่สองฟองปรุงด้วยซีอิ๊วขาวและตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ระหว่างนั้นก็เปิดเครื่องดูดควัน และตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยแล้วเจียวกระเทียมจนหอมฟุ้ง พอกระเทียมเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก็ใส่ฟักทองลงไปผัดต่ออีกนิดหน่อยให้พอเกรียมๆแล้วใส่น้ำครึ่งถ้วย ปิดฝาพักรอจนฟักทองสุก

     

    ผมใช้เวลานี้ปลีกตัวไปทำแกงจืดผมปอกเปลือกหัวหอม สับหัวท้ายหั่นเป็นสี่ส่วนโยนลงหม้อตามด้วยปีกไก่บนสิบชิ้นกับมันฝรั่ง ทิ้งไว้ซักพักเพราะของพวกนี้สุกยาก ผมกลับไปจัดการฟักทองต่อยกฝาหม้อขึ้นเพื่อใส่ไข่ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาล ผัดจนไข่สุกถึงตักใส่จานพอผัดฟักทองเสร็จเรียบร้อยผมก็ทำแกงจืด ท่าทางยังไม่ถึงไหนเพราะเนื้อไก่ยังสีชมพูอยู่เลย ระหว่างที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเกลือเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

     

    เปิดเข้ามาเลยครับ!”

     

    ผมตะโกนเพราะยุ่งอยู่ แต่เสียงเคาะไม่หยุดง่ายๆหนำซ้ำยังดังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนพวกทวงหนี้นอกระบบผมถอนหายใจเซ็งๆเพราะคิดว่าพี่อู๋แกล้งแต่พอเปิดประตูกลับพบว่าแขกผู้มาเยือนไม่ใช่พี่อู๋

     

    เขาเป็นผู้ชายที่สูงแค่ระดับคางของผมดูแล้วน่าจะแก่กว่าไม่กี่ปี หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวดีเหมือนหนุ่มเจ้าสำอางแขกผู้มาเยือนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะกลับมาที่หน้า เขายืนจ้องผมอยู่นาน นานจนต้องถามว่ามาหาใครครับ

     

    คุณนั่นแหละเป็นใคร?มาทำอะไรในห้องพี่อู๋?

     

    ผมไม่เข้าใจก็เลยถามย้อนว่าแล้วคุณล่ะเป็นใคร มาเคาะประตูห้องพี่อู๋ทำไมเขาตวัดตามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องผมที่กำลังสับสนไม่กล้าตอบโต้นอกจากถอยห่างสองสามก้าว ผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้จู่ๆมาเคาะประตูแล้วเข้าห้องหน้าตาเฉย ถ้าเขาเป็นโจรฆ่าชิงทรัพย์ผมอาจจะไม่ได้ตายเพราะกระโดดสะพาน แต่โดนปาดคอตายเพราะเปิดประตูให้คนแปลกหน้า

     

    อ๋อ -- หรือน้องคือเด็กที่พี่อู๋เก็บมาเลี้ยง?

     

    แหม พูดเหมือนผมเป็นหมา เก็บมาเลี้ยงที่ไหนเขาเรียกว่าอุปการะ

     

    ผมเถียงในใจ ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ระหว่างที่ยืนประจันหน้ากัน เสียงกุกกักไขประตูก็ดังขึ้นพี่อู๋ถือถุงเซเว่นเต็มสองมือเดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่เห็นแขกผู้มาเยือนเขาก็ปล่อยถุงร่วงลงบนพื้นจนได้ยินเสียงเคร้งของขวดแก้ว

     

    หมูพี --”

     

    พี่อู๋พึมพำผมมองสลับไปมาระหว่างเขาสองคนด้วยความสงสัย ชายที่ชื่อหมูพียิ้มหวานอวดฟันขาว เขาทักทายเจ้าของบ้านก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินที่ดูคุ้นตาออกมา

     

    พี่ลืมทิ้งไว้ที่ห้องเราคุณหมูพีวางมันบนชั้นรองเท้า อย่าบอกนะว่าที่เมื่อคืนรีบกลับแทบตายก็เพราะเด็กคนนี้?

    พี -- ออกไปก่อนไว้ค่อยคุยกันวันหลัง

    แหม ทำไมใจร้ายจัง ไม่เห็นนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนขอเอาเลย

     

    ผมอึ้ง อะไรคือขอเอาของคุณหมูพี

     

    พี่อู๋ดูลำบากใจเมื่อคุณหมูพีพูดประโยคนั้นพวกเขาทำให้ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อยากไล่พวกเขาให้ไปคุยกันไกลๆไปนั่งบนโซฟาก็ได้ แต่อย่ามองมาที่ผมด้วยสายตาแบบนั้น

     

    ไม่คิดจะแนะนำเราให้น้องเขารู้จักหน่อยเหรอ?

     

    คุณหมูพีถามท่าทางสดใสร่าเริงเหมือนวัยรุ่นเพิ่งโตเป็นสาว พี่อู๋ถอนหายใจแต่ไม่ทำตามที่ขอเขาดันผมให้กลับไปทำกับข้าวและบอกแค่ว่าขอคุยกับเพื่อนก่อน

     

    เพื่อน? เราไม่อยู่สามเดือนกลายเป็นแค่เพื่อนของพี่แล้วเหรอ?

     

    ผมคิดไปต่างๆนานาว่าเขาอาจเป็นรูมเมทของพี่อู๋เป็นคนที่เคยแชร์ห้องร่วมกัน เป็นญาติ เป็นเพื่อนหรือใครซักคนที่มีอิทธิพลต่อพี่อู๋มากจนเขาไม่กล้าพูดตรงๆ ผมมองพี่อู๋เป็นเชิงบอกว่าอย่ายุ่งกับผมนะผมไม่ได้อยากรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน แต่ดูท่าทางคุณหมูพีจะคันปากอยากคุยกับผมมาก

     

    พี่อู๋ใช้นิ้วนวดขมับเบาๆก่อนจะแนะนำคนแปลกหน้าให้รู้จักคุณหมูพีเอียงคอยิ้ม เขายิ้มเก่งมากจริงๆ แต่ตาของเขาไม่ได้ยิ้มเหมือนริมฝีปากเลย

     

    ก้อง นี่หมูพี

     

    ผมมองหน้าคุณหมูพีเมื่อพี่อู๋ผายมือไปทางเขาผมยกมือไหว้ สวัสดีครับพี่หมูพี ผมชื่อก้องเกียรติครับจบประโยคไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรอีก

     

    ก้อง คือหมูพีเนี่ย --”

    หวัดดีก้อง พี่ชื่อหมูพีนะ

     

    เขายิ้มหวานอีกครั้งก่อนจะเน้นเสียงตรงประโยคถัดไป

     

    พี่เป็นแฟนของพี่อู๋ในที่สุดก็ได้เจอก้องซักทีนะ

     

    ผมอึ้งรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในรายการชิงร้อยชิงล้านที่โดนลุงหม่ำเอาถาดฟาดหัวอย่างจัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแนะนำตัวของคุณหมูพีทำให้ผมช็อกจนพูดไม่ออกไม่รู้ว่าควรตกใจกับอะไรก่อนระหว่าง

     

    หนึ่ง พี่อู๋ยังไม่ได้เลิกกับแฟน

    หรือสอง -- แฟนของเขาเป็นผู้ชาย







    You can send love by leaving comment or hashtag on twitter (⺣◡⺣)♡*


    #เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in