เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คลังเพลงที่เราชอบsomeone untold
เเปลเพลง Boys will be Bugs - Cavetown (วิเคราะห์ความเป็นชายที่เป็นพิษ)
  • Title: Boys will be bugs
    Artist: Cavetown (Robin Skinner)
    Album: Animal Kingdom



              เราว่าพวกคุณต้องเคยเจอประโยค “เด็กผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก”  หรือประโยคจำพวก “อ่อนแอไม่สมกับเป็นเด็กผู้ชายเลย”   ซึ่งเราว่ามันไม่ถูกเลยนะ ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าหากเจ็บก็บอกสิ ถ้าเสียใจก็แค่ร้องไห้ออกมา อ่อนแอบ้างก็ได้ ไม่เห็นผิดสักหน่อย เพลง Boys will be bugs  โรบิ้นกำลังเล่าถึงสิ่งเหล่านี้ และเล่าความเจ็บปวดของ toxic masculinity ผ่านเพลง (ถ้าใครยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร ไม่เป็นไร ฟังเพลงนี้ แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันข้างล่างนะ) 





    เพลงทำนองน่ารัก แต่เนื้อหาแฝงด้วยความเจ็บปวด




  • Boys will be Bugs - Cavetown


    🐞



    I'm a dumb teen boy
    I eat sticks and rocks and mud
    I don't care about the government
    And I really need a hug
    ผมเป็นเด็กผู้ชายทึ่ม ๆ คนหนึ่ง
    ที่กินทั้งกิ่งไม้ ก้อนหิน และดินโคลน
    รัฐบาลจะเป็นยังไง ก็ช่างหัวมันสิ
    ผมแค่ต้องการความรัก


    ท่อนนี้ โรบิ้นเปิดมาด้วยการบอกว่าตัวเองเป็นเเค่เด็กโง่ ๆ คนหนึ่ง กินนู่นกินนี่ที่มันสกปรก และไม่สนใจรัฐบาล ซึ่งอาจจะหมายถึงการเหมารวมว่าเด็กผู้ชายต้องเป็นประมาณนี้ ต้องทำตัวกร่าง ๆ ไม่แคร์โลกไม่แคร์ใคร และตบท้ายด้วยคำพูดที่ขัดแย้งกันว่า เขาก็ต้องการอ้อมกอด เขาก็ต้องการความรักเหมือนกันนะ แล้วสรุปมันคือยังไงกันแน่


    I feel stupid (stupid)
    Ugly (ugly)
    Pretend it doesn't bother me
    ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นทั้งไอ้ทึ่ม 
    และไอ้ขี้เหร่
    แต่ผมแสร้งว่าผมไม่ได้แยแสมันสักนิด


    โรบิ้นพูดถึงการแสดงด้านเข้มแข็งให้คนภายนอกเห็น ถึงแม้ภายในใจจะรู้สึกไม่มั่นคง แต่ก็ต้องพยายามซ่อนมันเอาไว้


    I'm not very strong but
    I'll fuck you up if you're mean to bugs
    ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอกนะ
    แต่ถ้าทำร้ายเหล่าแมลงล่ะก็ เจอดีแน่


    ท่อนนี้พูดถึงล้กษณะที่ขัดแย้งได้เป็นอย่างดีเลย ในแง่หนึ่งเขาก็เป็นคนอ่อนโยน และปกป้องสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างแมลง และในขณะเดียวกัน เขาก็พร้อมจะลงมือกับใครก็ตามที่มาทำร้ายสัตว์พวกนั้น ซึ่งจะตีความได้ว่าไอ้ traits ที่ผู้คนพร่ำบอกกันว่า <เด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง และเด็กผู้หญิงต้องอ่อนโยน> นั้นมันไม่จริง เพราะตัวเขาที่เป็นเด็กผู้ชายก็มีทั้งสองแบบในคนเดียวกันได้


    It's getting cold down here 
    underneath the weather
    I skipped class to sit with you
    I really like your spotty sweater
    อากาศช่วงนี้ค่อนข้างหนาวนะ
    รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นไข้แฮะ
    ผมเลยโดดเรียนไปนั่งคุยกับเธอ
    ผมชอบเสื้อกันหนาวลายจุดของเธอจัง


    เสื้อกันหนาวลายจุด ก็สื่อถึงแมลงเต่าทองนั่นไงคร้าบบ  เหมือนกับว่าโดดเรียนไปนั่งที่ไหนสักที่ อาจจะเป็นสวนหรือสนามหญ้า ไม่ก็อาจจะเป็นซอกตึกสักแห่ง แล้วก็นั่งคุยกับเเมลงเต่าทอง


    If ladybugs are girls
    How do you make kids together?
    ถ้าแมลงเต่าทองเป็นผู้หญิงทั้งหมด
    แล้วพวกเธอจะมีลูกกันได้ยังไงเนี่ย?


    ladybugs = แมลงเต่าทอง มีคำว่า lady ที่แปลว่าผู้หญิง เลยลองสมมติว่า “งั้นแมลงเต่าทองก็มีแค่เพศเมียทุกตัวเลยน่ะสิ แล้วพวกมันจะท้อง และมีลูกกันได้ยังไงเนี่ย” เหมือนมันเป็นการแกล้ง ๆ เหมารวมอะ เราคิดงั้นนะ มีคำว่า lady ก็แปลว่าผู้หญิงสิ อะไรแบบนั้น ซึ่งเราไม่ควรเหมารวม ถูกไหมล่ะ การแสดงออกของแต่ละเพศก็เช่นเดียวกัน มันไม่ควรเหมารวม  … เอ่อ พอพูดถึงประเด็นนี้ เราก็นึกอะไรออก ขำดี เราเคยอ่านเจอคนพูดประมาณว่า ‘ถ้างั้นคำว่า ชายหาด ชายทะเล ก็พูดไม่ได้สิ มันคือชายเป็นใหญ่’ หรือ ‘ทำไมมีแม่น้ำ แต่ไม่มีพ่อน้ำ แบบนี้ไม่เท่าเทียมนะ’   ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เลย คนละประเด็นสุด ๆ 


    What's it like in a female world
    I bet it's just so much better
    โลกของผู้หญิงจะเป็นแบบไหนกันนะ
    แต่ผมพนันเลยว่าดีกว่าโลกของผู้ชายแน่


    ท่อนนี้เหมือนตัดพงตัดพ้อ คิดว่าการเป็นผู้ชายมันลำบาก ต้องแสดงความแข็งแกร่งตลอดเวลา  ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดีสิ อ่อนแอก็ได้ ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร ประมาณนั้น (disclaimer  เราไม่ค่อยมั่นใจในส่วนนี้เท่าไหร่นัก ใครคิดว่าท่อนนี้หมายความว่ายังไงมาแชร์กันได้นะ) พอเราตีความออกมาเป็นแบบนั้น ส่วนตัวเราไม่ค่อยเห็นด้วยนะ เพราะการเป็นผู้หญิงมันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด แต่ถ้าลองมองในมุมของเด็กคนหนึ่งที่เจ็บปวดกับสิ่งที่เจอมา แล้วคิดว่าโลกของอีกฝ่ายอาจจะดีกว่าโลกที่ตัวเองอยู่ เราก็เข้าใจได้นะ (ย้อนแย้งปะ55555)


    I just turned fourteen
    And I think this year I'm gonna be mean
    ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี
    และผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะต้องทำตัวแย่ ๆ แล้ว


    อายุสิบสี่ขวบแล้ว โตเป็นหนุ่มแล้ว (ในไทยอาจจะคิดว่าสิบสี่ยังเด็ก แต่ถ้าเป็นในต่างประเทศ วัยนี้เขาเริ่มโตกันแล้วนะ) ถึงเวลาทำเรื่องร้าย ๆ ตามแบบฉบับวัยรุ่นชายที่ควรจะทำกัน เป็นการ stereotypes หรือการเหมารวมนั่นแหละ ว่าเด็กผู้ชายต้องทำตัวร้าย ๆ แบบนี้


    Don't mess with me 
    I'm a big boy now and I'm very scary
    I punch my walls, stay out at night, and I do karate
    อย่ามากวนใจผมนะ
    พราะตอนนี้ผมโตและน่ากลัวมาก
    ผมทั้งต่อยกำแพง กลับบ้านดึก แล้วก็เล่นคาราเต้


    ผมโตเป็นหนุ่มแล้วไง อารมณ์เดือดพล่านเลยนะ ถ้ามายุ่งต้องมีเจ็บตัวเป็นแน่ เพราะผมทั้งน่ากลัว ต่อยกำแพง เล่นคาราเต้ หรือบางทีผมก็ออกไปเที่ยวดึก ๆ ตามประสาผู้ชายยังไงล่ะ = stereotypes (เหมารวม)  สุด ๆๆๆๆๆๆๆๆ ว่าผู้ชายมักจะทำสิ่งเหล่านี้กัน และคิดว่ามันเจ๋ง


    Don't message me cause I won't reply, 
    I wanna make you cry
    ไม่ต้องส่งข้อความมา ผมไม่ตอบหรอก
    เพราะผมอยากเห็นเธอร้องไห้ยังไงล่ะ


    สิ่งเหล่านี้คือสิ่งรว้าย ๆ ที่เด็กผู้ชายควรทำกัน ทำตัวเป็นหนุ่มเย็นชา หมาป่าเดียวดาย หักอกสาวไปเรื่อย ไม่ต้องทักแชทมานะ เพราะผมไม่ตอบเธอ เธอต้องร้องไห้แง ๆ แน่นอน = เหมารวมอีกเช่นเคยว่าเด็กผู้ชายต้องทำตัวแบบนี้


    Ain't that how its s'posed to be?
     Though it isn't me
    สิ่งเหล่านี้มันถูกต้องแล้วจริง ๆ เหรอ
    ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย


    ท่อนนี้เหมือนกลับมาย้อนคิดว่า ไอ้การเหมารวมข้างบนต่าง ๆ นานาเนี่ย เขาควรทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ เด็กผู้ชายทุกคนต้องเป็นแบบนั้นใช่ไหม ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้อยากทำไอ้เรื่องดังกล่าวอะไรนั่นเลยสักนิด 


    Boys will be bugs, right?
    Boys will be bugs, right?
    เด็กผู้ชายจะเป็นแมลงใช่ไหม
    เด็กผู้ชายจะต้องทำตัวห่วยแตกใช่ไหม

    แมลง อาจจะหมายถึง สัตว์สกปรก น่าขยะแขยง จากมุมมองของคนภายนอกที่มองลงมา // มันเหมือนเป็นการตั้งคำถามว่า Boys will be bugs, right? = เด็กผู้ชายต้องทำตัวห่วยแตก ทำตัวน่ารังเกียจพรรค์นั้นเหรอ ซึ่งมันค่อนข้างเกี่ยวกับท่อนแรกสุดเลย ไอ้ที่บอกว่า ‘ผมเป็นเด็กผู้ชายทึ่ม ๆ กินดอกไม้ ใบหญ้า ดินโคลน’ อะไรนั่น เด็กผู้ชายต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอ

    *และอีกนัยหนึ่ง bugs ก็อาจจะหมายถึง จุดบกพร่องได้ด้วย มักจะใช้กับพวกระบบคอมพิวเตอร์


    I'm a dumb teen boy
    All I wanna do is quit
    ผมเป็นเด็กผู้ชายทึ่ม ๆ คนหนึ่ง
    สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดตอนนี้คือ ลาออกซะ


    เราก็อยากลาออกTT ไม่มีอะไร บอกความในใจเฉย ๆ  

    โรบิ้นอาจจะสื่อประมาณว่า ในโรงเรียน เด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันกับเขามักจะทำเรื่องทำนองเดียวกัน ไอเรื่องที่กล่าวไปข้างต้นนั่นแหละ ทำตัวเกะกะเกเร ทะเลาะ ชกต่อย ใช้กำลัง ทำตัวหยาบคาย เหมือนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมา เด็กผู้ชายที่ไม่เป็นไปตามกรอบทางสังคมเหล่านี้ จะโดนมองว่าแปลกหรือทำตัวไม่สมเป็นลูกผู้ชาย และกดดันจากสังคมในโรงเรียน จนมีความคิดว่า ‘บางทีการลาออกจากโรงเรียนอาจจะดีกว่า’



    My mum told me that she's worried
    And I couldn't give a shit
    I have friends who understand me
    Their names are spider, beetle, bee
    They don't say much but
    They have always listened to me
    แม่บอกว่าเธอเป็นห่วงผม
    แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก
    เพราะผมมีเพื่อนที่เข้าใจผม
    พวกเขาคือ แมงมุม ด้วง และผึ้ง
    เพื่อนผมเขาไม่ค่อยพูด
    แต่เขารับฟังผมเสมอเลย


    บ่นผู้ปกครองไปหนึ่งกรุบ ว่าพวกผู้ใหญ่ไม่เข้าใจหรอก ผมบอกว่าผมอยากลาออก พวกเขาก็คิดแค่ว่าผมขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน พวกเขาไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่ผมเจอ ถ้ามีใครสักคนที่จะเข้าใจก็คงเป็นเหล่าแมลงตัวเล็ก ๆ นี่แหละ พวกมันน่ารักจะตาย เวลาผมคุยกับพวกมันนะ มันก็รับฟังและไม่ตัดสินผมเลยสักครั้ง // เห็นอะไรขัด ๆ ไหม ใช่ ท่อนก่อนหน้านี้ที่คนภายนอกมองดูแมลงแล้วคิดว่าพวกมันน่าเกลียด น่ากลัว แต่แท้จริงแล้ว พวกมันเป็นแค่สัตว์ตัวเล็ก ๆ ไม่มีพิษภัยเท่านั้น ซึ่งก็เทียบกับการการตัดสินคนจากรูปลักษณ์หรือเพศได้เหมือนกันเด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง เด็กผู้หญิงต้องอ่อนแอ และแมลงต้องสกปรก’ แต่พวกแมลงไม่ตัดสินคนที่ภายนอกน้า มีเพื่อนเป็นแมลงดีกว่าเยอะ เน้อ


    The other boys at school
    Think it's cool to hate your parents
    But they're lying all the time
    The bugs advised that I should let 'em
    เด็กผู้ชายที่โรงเรียนน่ะ
    คิดว่าตัวเองเจ๋งที่ได้เกลียดพ่อแม่เธอ
    แต่เด็กพวกนั้นก็โกหกทั้งเพแหละ
    เพื่อนแมลงบอกผมว่าไม่ต้องไปแคร์หรอก


    ท่อนนี้พูดถึงการที่เด็ก ๆ ชอบทำตัวเลียนแบบเพื่อน เด็กผู้ชายทั้งหลายคิดว่าตัวเองแม่งเจ๋ง แม่งคูล ที่ได้ทำอะไรร้าย ๆ ทำตัวปากเเจ๋ว เช่น การได้ด่าพ่อล้อแม่ชาวบ้าน หรือ การ bully กลั่นแกล้งคนอื่น 

    they’re lying all the time อาจตีความได้ว่า เหมือนสิ่งที่ทำลงไปน่ะเป็นการฝืนตัวเอง เห็นเพื่อนทำ ต้องทำบ้าง ไม่งั้นจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนไม่ได้ และนี่ก็เป็นหนึ่งในความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน


    And if you wanna cry
    Make sure that they never see it
    Or even better yet
    Block it out and never feel it
    ถ้าเธออยากร้องไห้น่ะนะ
    ดูให้ดีว่าไอ้เด็กพวกนั้นจะไม่เห็น
    หรือจะให้ดีกว่านั้น
    กลั้นน้ำตาและอย่าไปรู้สึกซะ


    ท่อนนี้เเอบจุกเหมือนกัน โรบิ้นเขียนได้เสียดสีดีเลย ขนาดเสียใจอยากร้องไห้ ยังต้องไปหาที่เงียบ ๆ ร้องคนเดียว จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้ ไม่งั้นจะโดนล้อและกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาแน่นอน แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องไปรู้สึกซะ ซึ่ง ใคร จะ ทำ ได้ !!? ถูกไหมล่ะ  


    I just turned fourteen
    And I think I know everything
    ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี
    และผมคิดว่าผมรู้ทุกอย่างแล้วล่ะ


    ไม่จริง ไม่ได้รู้ทุกอย่าง แค่คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง


    Don't mess with me 
    I'm a big boy now and I'm very scary
    I punch my walls, stay out at night, and I do karate
    อย่ามากวนใจผมนะ
    เพราะตอนนี้ผมโตและน่ากลัวมาก
    ผมทั้งต่อยกำแพง กลับบ้านดึก แล้วก็เล่นคาราเต้


    Don't message me 'cause I won't reply, 
    I wanna make you cry
    ไม่ต้องส่งข้อความมา ผมไม่ตอบหรอก
    เพราะผมอยากเห็นเธอร้องไห้ยังไงล่ะ


    Ain't that how it's s'posed to be?
    Though it isn't me
    ผมต้องทำสิ่งเหล่านี้จริง ๆ เหรอ
    ทั้งที่นั่นไม่ใช่ตัวผมสักนิด


    Boys will be bugs right?
    (Boys will be bugs right?)
    เด็กผู้ชายจะเป็นแมลงใช่ไหม
    เด็กผู้ชายจะต้องทำตัวห่วยแตกใช่ไหม


    Just turned fourteen
    And I think this year I'm gonna be mean
    (Just turned fourteen and I think I know everything)
    ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี
    และผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะต้องทำตัวแย่ ๆ แล้ว
    (ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี และผมคิดว่าผมรู้ทุกอย่าง)


    Just turned fourteen
    And I think this year I'm gonna be mean
    ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี
    และผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะต้องทำตัวแย่ ๆ แล้ว


    (Just turned fourteen 
    and I think the world revolves around me)
    ผมเพิ่งอายุครบสิบสี่ปี
    และผมคิดว่าโลกใบนี้หมุนรอบตัวผม


    โลกไม่ได้หมุนรอบตัวนาย นายแค่คิดไปเอง นายเลยจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งมันไม่ใช่ มันเป็นความคิดผิด ๆ 


    Don't mess with me 
    I'm a big boy now and I'm very scary
    I punch my walls, stay out at night, and I do karate
    อย่ามากวนใจผมนะ
    เพราะตอนนี้ผมโตและน่ากลัวมาก
    ผมทั้งต่อยกำแพง กลับบ้านดึก แล้วก็เล่นคาราเต้


    Don't message me 'cause I won't reply, 
    I wanna make you cry
    ไม่ต้องส่งข้อความมา ผมไม่ตอบหรอก
    เพราะผมอยากเห็นเธอร้องไห้ยังไงล่ะ


    Ain't that how it's s'posed to be? 
    Though it isn't me
    Boys will be bugs right?
    ผมต้องทำสิ่งเหล่านี้จริง ๆ เหรอ
    ทั้งที่นั่นไม่ใช่ตัวผมสักนิด
    เด็กผู้ชายจะต้องทำตัวห่วยแตกใช่ไหม?

  • ________________________


    ⁕talk talk 

       เป็นไงบ้างทุกคน รายละเอียดเพลงค่อนข้างเยอะมาก ๆ ที่จริงมีอีกนะ แต่เราขี้เกียจใส่เพิ่มแล้ว กลัวเยอะแล้วไม่มีใครอยากอ่านอะ เอางี้ เรามาคุยภาพรวมของเพลงกันเถอะ 

       จากต้นบทความเราพูดถึง toxic masculinity กัน บางคนอาจจะรู้แล้วว่ามันคืออะไร บางคนอาจจะยังไม่รู้ โอเค เรามาบอกเลยละกัน ถ้าแปลตรงตัว จะแปลได้ว่า “ความเป็นชายที่เป็นพิษ” มันคือ การเหมารวมหรือบรรทัดฐานบางอย่างที่ส่งผลเสียและทำร้ายเพศชาย ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพศชายนะที่ได้รับผลกระทบ แต่กระทบเพศอื่น กระทบสังคมเยอะมาก ๆ เลย เช่น คำสอนที่เราได้เจอกันบ่อย ๆ ว่าผู้ชายต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องพึ่งพาตัวเอง ต้องแข็งแกร่ง ต้องปกป้องผู้หญิง เป็นต้น นั่นทำให้เพศชายหลายคนได้รับความคาดหวังมากมายจากสังคม และถ้าหากทำได้ไม่ดีพอก็จะถูกติ หรือถูกตราหน้าว่าทำตัวไม่สมชายได้ แถมไอ้คำสอนพวกนี้ยังลดทอนความสามารถของเพศหญิงอีกด้วย เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘น้ำตาลูกผู้ชาย’ หรือ ‘เวลาผู้ชายร้องไห้แล้วน่าสงสาร’ ซึ่งมันมาจากความเป็นชายที่เป็นพิษจริง ๆ นะ เพราะสังคมมักตีกรอบว่าผู้ชายต้องเข้มแข็ง ห้ามอ่อนแอ ห้ามมีน้ำตา ผู้ชายเลยต้องเก็บซ่อนความรู้สึกตัวเองไว้ จนถึงจุดหนึ่งที่เขาทนไม่ไหว แล้วแสดงความรู้สึกออกมา เลยทำให้มีแนวคิดที่ว่าเวลาผู้ชายร้องไห้แล้วดูเจ็บปวด ดูน่าสงสารมากกว่าเพศอื่น ๆ  ยังไงล่ะ

        เราคิดว่าชื่อเพลง Boys will be bugs น่าจะล้อมาจากประโยค ๆ หนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยได้ยินประโยคนี้กันไหมนะ ประโยคที่ว่า Boys will be boys (ผู้ชายก็เป็นผู้ชายวันยังค่ำ) ที่เขาทำตัวไม่ดี เกเร เอะอะโวยวาย ก็เพราะเขาเป็นผู้ชาย กลับกันถ้าผู้หญิงทำแบบนี้บ้าง จะกลายเป็นเรื่องไม่เหมาะสมทันที ซึ่งมันเป็นการเหมารวมดี ๆ นี่เอง  

         ในเพลงนี้ ได้พูดถึงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับสังคมที่ตีกรอบเรื่องเพศ และไม่มีสถานที่ไหนเหมาะเหม็งไปกว่าโรงเรียนอีกแล้ว โรงเรียนเป็นสังคมที่สองถัดจากครอบครัว เป็นสังคมที่ส่งผลต่อการเติบโตของเด็กมากที่สุด เด็กทั้งหลายมักจะเริ่มเป็นตัวเอง หรือเริ่มสับสน อยากเป็นใครสักคนในช่วงนี้นี่แหละ เด็กจะเริ่มอยากมี อยากเป็น เริ่มทำพฤติกรรมเลียนแบบเพื่อน อย่างเด็กผู้ชายก็ต้องต่อยตี ทำตัวเกเร เด็กผู้หญิงก็ต้องเรียบร้อย อ่อนหวาน ทั้งที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้มันคือกรอบทางเพศที่กำหนดเราเท่านั้น เราไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากจะเป็น หรืออยากแสดงออกจริง ๆ และในที่สุดเราก็เจ็บปวดกับมัน เพลงนี้เหมือนเป็นการตั้งคำถามดีดีนี่เอง ว่าเราควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้เหรอ สิ่งที่เราทำตาม ๆ กัน เนี่ย มันถูกจริงเหรอ ไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ มนุษย์เรามีมากมายเป็นล้าน ๆ คน แต่มาถูกกำหนด มาถูกตีกรอบว่าเพศนี้ต้องเป็นแบบนี้ เพศนั้นต้องเป็นแบบนั้น ก็ไม่ได้หรือเปล่า

         โรบิ้นได้ speak up ประเด็นนี้ดีมาก ๆ ไม่ได้พูดในสิ่งที่จะสื่อออกมาตรงเปรี้ยงขนาดนั้น เเต่เป็นการโยนพฤติกรรมบางอย่างที่มีความขัดแย้งกัน แล้วให้ผู้ฟัง เอ๊ะ เกี่ยวกับพฤติกรรมเหล่านี้ และสุดท้ายก็ทิ้งคำถามไว้ไปให้คิดต่อเองว่าสรุปแล้ว Boys will be bugs, right? 

        และนี่คือสิ่งที่เราอยากพูดคุยเกี่ยวกับเพลงนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นความคิดของเรา อาจมีถูกบ้าง มีผิดบ้าง ถ้าใครมีความคิดเห็นอื่น มาแชร์กันได้นะ อยากรู้มุมมองของทุกคนเลย และสุดท้ายนี้ฝากโรบิ้น หรือ Cavetown ไว้หน่อยนะ เพลงเพราะทุกเพลงเลย แต่ก็ต้องอาศัยการตีความเยอะเหมือนกัน ถ้าฟังแบบปล่อยใจหนุก ๆ ก็จะแฮปปี้มาก แต่พอเริ่มนึกถึงความหมายของเพลงเท่านั้นแหละ เศร้าเฉย (ฮ่า)  ไว้วันหน้าเราจะมาวิเคราะห์เพลงของโรบิ้นอีก  เจอกัน! 





  • ช่องทางการติดตาม 
    YouTube: Cavetown
    Facebook: Cavetown
    Instagram: lemon.socks
    Twitter: @CAVETOWN

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Philo Phobia (@fb3286409425320)
อ่านเพลินมากครับ ทำต่อไปนะ
someone untold (@someoneuntold)
@fb3286409425320 ขอบคุณมากๆ ค่ะTT
Winai Chaichana (@winaichaichana)
เราว่าดีนะครับแบบนี้ แปลไปด้วย แทรกความเห็น+ความรู้ไปด้วย คนอ่านจะได้เข้าใจเพลงลึกซึ้งขึ้น

ความเป็นชายหลายอย่างมันก็เป็นพิษจริง ๆ นั่นแหละครับ ตั้งแต่เรา came out ออกมาว่าเป็นเกย์ เราก็ไม่ต้องแคร์อีกเลยว่าต้องทำตัวแบบไหนยังไงให้ใครพอใจ 555 รู้สึกเป็นตัวเอง มีอิสรภาพเยอะขึ้น

อย่างเราก็ชอบฟังเพลงสากลเหมือนกัน แล้วก็เห็นนักร้องชายหลายคนร้อง cover เพลงผู้หญิงโดยเปลี่ยนสรรพนามจาก he เป็น she เปลี่ยนคำนามจาก man เป็น woman ไรงี้ ก็โดนคอมเมนท์แซะประมาณว่าอ่อนแอบ้างล่ะ อ่าว สรุปคือทำอะไรก็ผิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผู้ชายร้องเพลงผู้หญิงแล้วไม่เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ 2, 3 ที่ระบุว่าเป็นเพศชายชัดเจนคงโดนพวก homophobia (ซึ่งมีเยอะมาก) มองว่าไอ้นี่เป็นเกย์หรือเปล่า ไปตายซะ! บลา ๆ สร้างความกระอักกระอ่วนให้คนร้องไปอีก พอตอนนี้ผู้ชายร้องเพลงผู้หญิงไม่เปลี่ยนสรรพนามกลับได้รับคำชมมากมายว่าร้องเพลงเคารพต้นฉบับ ไม่เปลี่ยนเนื้อร้อง หลัง ๆ ก็เริ่มเห็นผู้ชายร้องเพลงผู้หญิงไม่เปลี่ยนเนื้อกันเยอะขึ้น เพราะคนฟังถือว่าก็เป็นแค่เพลง แค่เปลี่ยนโทนเสียงให้ัทุ้มลงแค่นั้น ถ้ามองเรื่องความเท่าเทียมก็ดีนะ ชายร้องเพลงหญิง หญิงร้องเพลงชาย หรือเพศไหนร้องเพลงอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรู้สึกขัดเขิน แต่คนที่เขารู้สึกว่าเขาไม่เหมาะที่จะใช้สรรพนามต้นฉบับร้องเพลง มันก็ควรเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจกันได้หรือเปล่า เราควรเคารพความคิดเห็นของเขามากกว่าที่จะตีกรอบให้เขาเป็นแบบนั้นแบบนี้หรือเปล่าทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกยินยอมไปกับเราเลย

บางคนก็ชอบตีตราคนอื่นจริง ๆ นั่นแหละว่าสิ่งที่คนอื่นทำมันผิด ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ถึงจะถูก ทั้ง ๆ ที่จริงเราควรเคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่นว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดไม่เหมือนเรา ทำไม่เหมือนเราก็ได้
someone untold (@someoneuntold)
@winaichaichana
เราเจอข้อถกเถียงเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามในการร้องเพลงหลายครั้งเหมือนกัน บ้างก็บอกว่า ศิลปินเขียนยังไง ก็ควรจะคงต้นฉบับไว้แล้วร้องแบบนั้น กับ อย่างที่คุณบอก ว่าเราสามารถใช้สรรพนามที่เรารู้สึก comfortable ที่สุด ดังนั้นการเปลี่ยนสรรพนามในเพลงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สำหรับเรานะ เราโอเคทั้งสองแบบ มีคนทำเพลงแปลงเยอะแยะมากมายก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเปลี่ยนสรรพนามกลับมาโกรธกันซะงั้น เราว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ เราคิดว่าการจะร้องเพลงเนี่ย หนึ่งเลยคือเราต้องรู้สึกสบายใจที่จะร้องมันออกมา ดังนั้น ร้องแบบที่ชอบและเอนจอยกับมันเถอะ

ท้ายนี้ เราดีใจด้วยนะที่คุณได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่คุณอยากเป็น ไม่ง่ายเลยที่จะรักตัวเองและทำตามที่ใจต้องการแบบนี้ เราก็อยากจะทำให้ได้ในสักวันหนึ่งเหมือนกัน คุณเก่งมากๆ เลย ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนความคิดกันค้าบ
Winai Chaichana (@winaichaichana)
@someoneuntold ?ขอบคุณเช่นกันและยินดีมาก ๆ ค้าบ ?
be happy with your life นะครับ ?